แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Rakayang.Com

หน้า: 1 ... 3707 3708 [3709] 3710 3711 ... 5504
55621
บริษัท อินฟินิตี้ เวลท์ ฟิวเจอร์ส จำกัด : รายงานภาวะยาง RSS3 รายวัน 23 ธันวาคม 2558


แนวโน้มวันนี้ :ปรับตัวขึ้นในระยะสั้นคาดทดสอบแนวต้านที่ 50 และ 52 บาท รับอานิสงค์เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวต่อเนื่อง


ปัจจัยพื้นฐาน :ราคายาง(RSS3)วานนี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบเหนือระดับ 48บาท โดยราคายางรับปัจจัยบวกจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขั้นสุดท้ายสำหรับไตรมาส 3 ของปีนี้ขยายตัว 2.0% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.9% และสูงกว่าระดับ 0.6% ในไตรมาสแรก ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐ ประกอบกับรัฐบาลเตรียมขายยางใหม่ 200,000 ตันให้กับจีน โดยรัฐบาลได้มอบหมายให้ กยท. ทำสัญญาซื้อขายผลิตภัณฑ์ยางกับบริษัทซิโนเคม (SINOCHEM) ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลจีนภายใต้กรอบความร่วมมือของคณะกรรมการบริหารร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้า สินค้าเกษตรระหว่างไทย-จีน จำนวน 200,000 ตัน ซึ่งประกอบด้วยยางแผ่นรมควัน (RSS3) จำนวน 150,000 ตัน และยางแท่ง (STR 20) จำนวน 50,000 ตันนั้น ขณะนี้ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการบริการโครงการขายผลิตภัณฑ์ยางดังกล่าวตลอดจนแต่งตั้งคณะทา งานขึ้นดำเนินการทั้งการจัดหา การแปรรูป การควบคุมปริมาณยาง และการส่งมอบเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะสามารถส่งมอบยางล็อตแรกได้ประมาณเดือนมีนาคม 2559นี้อย่างแน่นอน โดยจะส่งมอบอย่างต่อเนื่องเดือนละ
ประมาณ 16,667 ตัน รวมทั้งสิ้น 12 เดือน ประกอบกับราคายางรับปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจสหรัฐที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง


อย่างไรก็ดี ราคายางมีโอกาสแกว่งในกรอบแคบเนื่องจากตลายยางล่วงหน้า Tocom หยุดทำการเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา องค์สมเด็จพระจักรพรรด์ิ ประกอบกับ ใกล้เทศกาลวันหยุดยาวปี ใหม่ไทย ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน


การวิเคราะห์(AFET) : จากกราฟรายวันดัชนีในระยะสั้นยังลุ้นที่จะทดสอบแนวต้านที่ 50 บาท หลังจากที่ยังยืนเหนือแนวรับที่เส้น SMA10-SMA20 วันทาการ โดยถ้าผ่านแนวต้านที่ 50 บาทไปได้ดัชนีจะขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 52 และ 54 บาท ประเมินแนวรับแรกที่ 48 บาท มีแนวรับถัดมาที่ 47 บาท มีแนวต้านแรกที่ 50 บาท มีแนวต้านถัดมาที่ 52 บาท
ผู้ที่มีสถานะซื้อ: ล้างสถานะหากดัชนีหลุดแนวรับที่ 45.7 บาท
ผู้ที่มีสถานะขาย: ล้างสถานะหากดัชนีผ่านแนวต้านที่ 52 บาท
ผู้ที่จะเปิดสถานะใหม่: ชะลอลงทุนเนื่องจากวอลุ่มเบาบางหลังจากเดือนหน้าจะมีการซื้อขายในตลาดแห่งใหม่ TFEX


การวิเคราะห์(TOCOM) : ตลาดหยุดทาการเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา องค์สมเด็จพระจักรพรรดิ์(The Emperor's Birthday)


การวิเคราะห์(SHFE) : จากกราฟรายวันดัชนีในระยะสั้นยังอยู่ในสัญญาณซื้อ(Buy Signal)หลังจากที่ยืนเหนือแนวรับที่ 10,500 หยวน และแนวรับที่เส้น SMA10-SMA20 วัน ประเมินว่าดัชนีมีโอกาสขึ้นมาทดสอบแนวต้านที่ 11,000 และ 11,200 หยวน ประเมินแนวรับแรกที่ 10,500 หยวน และมีแนวรับถัดมาที่ 10,300 หยวน ซึ่งจะมีแนวต้านแรกที่ 11,000 หยวน และมีแนวต้านถัดมาที่ระดับ 11,200 หยวน


ข่าวและปัจจัยที่มีผลกระทบ :ที่มา : สถาบันวิจัยยาง , RYT9
1) กยท.ยันขายยางรัฐบาลจีน200,000 ตันเน้นรับซื้อจากเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร
2) โกลด์แมน แซคส์เผยดัชนีค้าปลีกพุ่ง 3.6% จากแรงซื้อก่อนคริสตมาส
3) สหรัฐเผยจีดีพีขั้นสุดท้ายไตรมาส 3 ขยายตัว 2.0%
4) จีนคาดตัวเลขหนี้สินรัฐบาลท้องถิ่นแตะ 16 ล้านล้านหยวนปีนี้
5) สหรัฐเผยการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 3.0% ในไตรมาส 3
6) ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนร้อยละ 60 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาสซึ่งส่งผลกระทบต่อการกรีดยาง
7) ราคายางปรับตัวสูงขึ้นได้ เพราะปริมาณผลผลิตยังออกสู่ตลาดน้อย และภาคใต้มีฝนตกในหลายพื้นที่ ขณะที่ผู้ประกอบการบางส่วนต้องเร่งซื้อเพื่อส่งมอบตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
8.) ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ามัน WTI ปิดบวก 33 เซนต์ ขานรับข้อมูลศก.สหรัฐสดใส

ขอบคุณบทวิเคราะห์จาก บริษัท อินฟินิตี้ เวลท์ ฟิวเจอร์ จำกัด สนใจลงทุนใ
นตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า ติดต่อ โทร 02-6543163-70

55622
เกลียดฝรั่งเสียท่าจีน  โดย.. ทายท้าวิชามาร

2015-12-23 07:32:00

ใบตองแห้ง
 
ผ่านไปหลายวัน รัฐบาล คสช.และกระทรวงคมนาคม ยังไม่ตอบข้อข้องใจของ สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ว่าทำไมค่าก่อสร้างรถไฟความเร็วปานกลาง ไทย-จีน จึงสูงถึง กม.ละ 607.1 ล้านบาท ทั้งที่เมื่อปี 2555 ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จีนเสนอราคาก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เพียง กม.ละ 388.2 ล้านบาท
เพียง 3 ปีจากรถไฟความเร็วสูง 250 กม.ต่อชั่วโมง มาเป็นรถไฟความเร็วปานกลาง 180 กม.ต่อชั่วโมง ในเส้นทางเดียวกัน ราคาเพิ่มถึง 56% ยังไม่พูดถึงดอกเบี้ย ที่ป่านนี้ยังตกลงกันไม่ได้เลย
เรื่องตลกคือข้อตกลงยังไม่ชัดเจน แต่วางศิลาฤกษ์มัดมือกันไปแล้ว เหมือนจะบอกว่ายังไงรัฐบาลก็เอาแน่ ไม่ต่างกับถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา 1.4 หมื่นล้าน ที่รสนา โตสิตระกูล บอกว่า ?เอามาขี่จักรยานเล่น? ผมไม่เห็นด้วยกับรสนาเสียหมดนะ แต่ก็เห็นว่ายังไม่ได้ประเมินความคุ้มค่าและผลกระทบรอบด้าน และรู้สึกว่ารัฐบาลเห็นโครงการอะไรใหญ่ๆ ก็จะทำๆ ทั้งที่ถนนลูกรังยังไม่หมดจากประเทศไทย

คนไทยที่เคยคัดค้านรัฐบาลเลือกตั้งสร้างหนี้ 50 ปี วันนี้ก็เงียบไปหมด คงเชื่อใจว่ารัฐบาลทหารไม่โกง เพราะไม่ต้องลงทุนซื้อเสียงเหมือนนักการเมือง
เรื่องขำๆ กว่านั้นคือคนไทยสมัยนี้ ?เกลียดฝรั่ง? กระทั่งหันไปชื่นชมจีน รัสเซีย กลับตาลปัตรสมัยก่อนที่ตามก้นฝรั่งเกลียดกลัวคอมมิวนิสต์ วันนี้ จีนทำอะไรดีไปหมด คนไทยเชื้อสายจีนยืดอก อีกไม่กี่ปีจีนจะยิ่งใหญ่เป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งในโลก (ฝันไปเถอะ ไม่สำลักควันพิษตายก็บุญเหลือหลาย)

ยิ่งทูตสหรัฐฯคนใหม่เรียกร้องให้แก้ไข ม.112 ยิ่งแดเนียล รัสเซล มาไทย เรียกร้องสิทธิมนุษยชน เร่งรัดคืนสู่ประชาธิปไตย คนไทยยิ่งหมั่นไส้ เห็นภาพนายกฯ หมางเมิน (บังเอิญหรอก มีภาพเดียว แต่สื่อเอาไปขยายใหญ่โต ภาพจับมือกันดีๆ มีตั้งเยอะ) คนไทยก็สะใจ ทั้งที่ไม่กี่วันก่อนเพิ่งดีอกดีใจได้จับมือโอบามา

ดูเหมือนคนไทยสมัยนี้จะภูมิใจ ถ้าความสัมพันธ์กับสหรัฐฯร้าวฉาน ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโลก ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใคร ทำไมจะต้องแยแสไอ้กัน เกลียดมันจัง ฝรั่งปากว่าตาขยิบ ว่าแล้วก็พากันก่นด่าว่าปัญหาใดๆ ในโลกล้วนมาจากจักรพรรดินิยมอเมริกาทั้งนั้น ไม่ต่างจากปัญหาใดๆ ในประเทศไทยล้วนมาจากทักษิณ

เอาเข้าจริง คนพวกนี้เกลียดใครก็ได้ที่ไม่เห็นด้วยกับตัวเอง รักใครก็ได้ที่ป้อยอคำหวาน ทั้งที่ในเวทีโลก มหาอำนาจล้วนปากว่าตาขยิบเหมือนกัน ไม่ว่าใคร ก็ยึดผลประโยชน์มาก่อนทั้งนั้น
เพียงแต่อเมริกา ยุโรป แตกต่างตรงที่พัฒนาประชาธิปไตยจน ?ประชาชนเป็นใหญ่? ประชาชนเสียงดัง ยึดมั่นเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน จนสร้าง ?กติกาโลกใหม่? ให้รัฐบาลต้องปฏิบัติตาม อเมริกาที่เคยส่งออกรัฐประหารจึงหันมาคัดค้านรัฐประหาร ยุโรปที่เคยล่าอาณานิคมจึงกวดขันการค้ามนุษย์ การละเมิดสิทธิมนุษชน

คนไทยที่เกลียดฝรั่ง เอาเข้าจริงไม่ได้เกลียดเพราะเป็น ?จักรพรรดินิยม? แต่เกลียดกติกาอารยะที่ขัดใจตัวเองต่างหาก ขณะเดียวกันก็หันไปนิยมจีน เพราะจีนไม่ยอมรับกติกาอารยะเช่นกัน จีนป้อคำหวานเพราะได้ประโยชน์

อันที่จริงจะรักจะเกลียดใครไม่ว่ากัน แต่อย่าหน้ามืดเอาผลประโยชน์ของประเทศไปประเคนด้วยความรักความเกลียด กระทั่งวิ่งชนปังตอเลือดโชกก็ยังกอดแข้งกอดขาเห็นเป็นมหามิตรอยู่


55623

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ


สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 23 ธันวาคม 2558 07:51:38 น.
ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 22 ธ.ค.2558
 
-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) ขานรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ของสหรัฐที่ขยายตัวได้ดีเกินคาด รวมทั้งตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 3 เช่นกัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตราคาพลังงาน


ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,417.27 จุด พุ่งขึ้น 165.65 จุด หรือ +0.96% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,001.11 จุด เพิ่มขึ้น 32.19 จุด หรือ +0.65% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,038.97 จุด เพิ่มขึ้น 17.82 จุด หรือ +0.88%
 
-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่เป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยใหม่ๆที่จะเข้ามากระตุ้น ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนชะลอการซื้อขายลงก่อนที่ถึงวันหยุดเนื่องในเทศกาล คริสต์มาส
ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับลง 0.1% ปิดที่ 356.87 จุด
 
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,567.60 จุด เพิ่มขึ้น 2.43 จุด หรือ +0.05% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,488.75 จุด ลดลง 9.02 จุด หรือ -0.09% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,083.10 จุด เพิ่มขึ้น 48.26 จุด หรือ +0.80%
 
-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) จากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ โดยเฉพาะหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ๋
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้น 48.26 จุด หรือ 0.80% ปิดที่ 6,083.10 จุด
 
-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ของสหรัฐที่ขยายตัวได้ดีเกินคาด และตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 3
 
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 33 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 36.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
 
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 24 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 36.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
 
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ที่ขยายตัวได้ดีเกินคาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่จะถึงวันหยุดเนื่องในวันคริสต์มาส
 
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 6.5 ดอลลาร์ หรือ 0.60% ปิดที่ระดับ 1,074.1 ดอลลาร์/ออนซ์
 
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 0.1 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 14.314 ดอลลาร์/ออนซ์
 
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 8.3 ดอลลาร์ หรือ 0.94% ปิดที่ 873 ดอลลาร์/ออนซ์
 
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 1.25 หรือ 0.2% ปิดที่ 554.65 ดอลลาร์/ออนซ์
 
-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย.ร่วงลงหนักสุดในรอบ 19 เดือน นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายทำกำไรสกุลเงินดอลลาร์ ก่อนที่จะถึงวันหยุดเนื่องในเทศกาลคริสต์มาส
 
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 121.04 เยน จากระดับของวันจันทร์ที่ 121.05 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9877 ฟรังค์ จากระดับ 0.9919 ฟรังค์
 
ยูโรแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.0954 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0921 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.4814 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4883 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7227 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7187 ดอลลาร์สหรัฐ
 
ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,417.27 จุด                         เพิ่มขึ้น 165.65 จุด     +0.96%
 
ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,001.11 จุด                        เพิ่มขึ้น 32.19 จุด      +0.65%
 
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,038.97 จุด                        เพิ่มขึ้น 17.82 จุด      +0.88%
 
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,083.10 จุด                      เพิ่มขึ้น 48.26 จุด      +0.80%
 
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,488.75 จุด                          ลดลง 9.02 จุด        -0.09%
 
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,567.60 จุด                        เพิ่มขึ้น 2.43 จุด       +0.05%
 
ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,167.70 จุด             เพิ่มขึ้น 9.90 จุด       +0.19%
 
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,116.70 จุด                เพิ่มขึ้น 7.70 จุด       +0.15%
 
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,292.74 จุด                          เพิ่มขึ้น 10.57 จุด      +0.13%
 
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 18,886.70 จุด                      ลดลง 29.32 จุด       -0.16%
 
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,992.56 จุด                        เพิ่มขึ้น 11.37 จุด      +0.57%
 
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,651.77 จุด                     เพิ่มขึ้น 9.30 จุด       +0.26%
 
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,966.18 จุด                 เพิ่มขึ้น 55.84 จุด      +0.81%
 
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 21,830.02 จุด                           เพิ่มขึ้น 38.34 จุด      +0.18%
 
ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,517.57 จุด           เพิ่มขึ้น 26.89 จุด      +0.60%
 
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,852.97 จุด                      เพิ่มขึ้น 7.42 จุด       +0.26%
 
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,643.26 จุด                      เพิ่มขึ้น 14.17 จุด      +0.87%
 
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 25,590.65 จุด                        ลดลง 145.25 จุด      -0.56%



อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--



55624
แนะ?บิ๊กตู่?ปีหน้าโลกขาดแคลน หยุดเทขายยางในสต็อกดันราคา 70 บาท/กก.
โดย MGR Online

20 ธันวาคม 2558 08:32 น. (แก้ไขล่าสุด 20 ธันวาคม 2558 09:02 น.)

 นายวิสุทธิ์ นิติยารมย์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานองค์กรเกษตรกรรายย่อยภาคใต้ นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านยางพารา ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ถึงสถานการณ์ราคายางพาราที่ตกต่ำในขณะนี้เหลือแค่กิโลกรัมละประมาณ 32 บาท ว่า ปัจจุบันยางพาราไทยตกต่ำสุดแล้ว และพอที่จะขยับราคาขึ้นได้ เพราะผลผลิตยางพาราในเมืองไทยมีน้อย โดยเฉพาะในภาคใต้ และคาดว่าปีนี้ทั่วประเทศจะมีผลผลิตไม่ถึง 4 ล้านตัน ด้วยสาเหตุเกษตรกรโค่นไม้ยางขายจำนวนมาก ,แรงงานต่างด้าวผู้กรีดยางกลับภูมิลำเนาเดิม พื้นที่ปลูกยางพาราที่รุกป่าสงวนที่ผิดกฎหมายก็ถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ไปจัดการเรียกคืนผืนป่าโค่นทำลายไปจำนวนมาก
       
        กระนั้นก็ตาม เพียงแต่ว่าขณะนี้อยู่ในช่วงจังหวะที่ยางในสต๊อกของรัฐยังมีอยู่มากจน ทำให้เกิดความเข้าใจผิด คิดว่าสต๊อกยางของภาคเอกชนก็มีมากเช่นกัน แต่ข้อเท็จจริงนั้นพบว่าสต๊อกยางของเอกชนขาดแคลน จึงพยายามหาช่องทางเข้าไปซื้อยางในสต๊อกของรัฐบาลในราคาถูก เพื่อส่งไปขายต่างประเทศตามที่ มีการซื้อขายไปล่วงหน้า
       
        ? ถ้ารัฐบาลไม่ขายยางในสต๊อก แล้วเก็บไว้ขายปีหน้ารับรองราคายางพุ่งไปที่กิโลกรัมละ 70 บาทแน่นอน?นายวิสุทธิ์ แสดงความมั่นใจ และ ยังมองภาพจากภายนอกประเทศที่คาดการว่า ภายใน 2 ปีข้างหน้ายางพาราจะขาดแคลนแทบทั่วโลก เพราะทุกประเทศลดพื้นที่ปลูกยาง แต่ทั่วโลกก็ใช้ยางเท่าเดิม
       
        ?ยางพาราไม่เหมือนน้ำมันหรือแก๊สที่สามารถดูดได้ทุกเวลา แต่ยางพาราต้องปลูก ต้องใช้เวลา7 ปี ถึงจะกรีดได้ สิ่งนี้ถ้ารัฐบาลคิดออกก็ไม่ควรจะขายยางในสต๊อก?
       
        ส่วนที่ต่างประเทศค้นพบการใช้น้ำยางจากต้นหญ้าชนิดหนึ่งแทนยางพารา นั้น นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องตลก อย่าไปกังวลเพราะถ้าเขาทำได้ และคุ้มทุนเขาคงเอามาใช้นานแล้ว ที่สำคัญขณะนี้รัฐบาลจีนได้ลดภาษีรถยนต์ประเภทประหยัดพลังงาน ที่ใช้ภายในประเทศเหลือแค่ 5 เปอร์เซ็น ทำให้จีนต้องผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้น20เปอร์เซ็นและ ต้องใช้ยางมากกว่าเดิม ซึ่งก็ต้องเป็นยางจากประเทศไทยโดยเฉพาะจากภาคใต้
       
        ผู้สื่อข่าวถามช่องทางที่จะทำให้ราคายางปรับขึ้นในตอนนี้ได้อย่างไร บ้าง อดีตผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานองค์กรเกษตรกรรายย่อยภาคใต้ กล่าวว่า รัฐบาลต้องส่งสัญญาณ ประกาศให้ชัดทันทีว่า ว่าไม่ขายยางในสต๊อก อยากขอร้องให้รัฐบาลประกาศออกมา เพื่อบังคับให้ราคายางขึ้นโดยอัตโนมัติ เพราะภาคเอกชนไม่มียางแล้ว เขาก็ต้องไปกว้านซื้อยางจากเกษตรกร ไม่สามารถรวมกลุ่มกันกดราคาได้เหมือนในอดีต
       
        นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ปีหน้าแห้งแล้ง ลุกลามไปถึงภาคเหนือ อีสาน ไปถึงจีน กระทบต่อการผลิตยางพารา ปริมาณยางก็น้อยลงไปอีก เหลือแต่ภาคใต้ที่ยังพอประทังได้บ้าง รัฐบาลควรวางแผนให้ดี ภาคเอกชนก็ต้องเตรียมไว้ ที่สำคัญในขณะนี้ช่องทางที่จะช่วยเกษตรกร เบื้องต้น คือ รัฐบาลก็ควรเปิดโอกาสให้มีการรับจำนำยางพารารายย่อยที่รวมกลุ่ม โดยเก็บยางไว้ที่กลุ่มเกษตรกรเอง เมื่อราคายางเพิ่มขึ้นตามที่เกษตรกรพอใจจึงค่อย ขายออก แล้วคืนวงเงินจำนำให้กับรัฐบาลและส่วนต่างที่เพิ่มเกษตรกรก็รับเอาไป แนวทางนี้ก็พอจะช่วยได้
       
        ขณะเดียวกันรัฐบางต้องปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ให้ผู้ประกอบการรับซื้อยางรายย่อยเพื่อซื้อยางเข้าเก็บในสต๊อกเท่านั้นไม่ ใช่กู้ไปเพื่อทำธุรกรรมซื้อขายยางล่วงหน้ากับต่างประเทศ
       
        ?น่าเสียดายที่ไทยปลูกยางเป็นอันดับ1ของโลก ผลิตยาง 4 ล้านตันต่อปี ในขณะที่ทั่วโลกต้องใช้ยางปีละ 12 ล้านตัน และเราเป็นประเทศที่มียางแผ่นที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ที่ประเทศอื่นผลิตไม่ได้ และเป็นที่ต้องการของตลาดโลกโดยเฉพาะจีนและญี่ปุ่นที่ต้องการยางแผ่นไปทำรถ ยนต์ ในขณะที่อินโดนีเซียมาเลเซียผลิตเป็นยางแท่งซึ่ง มีคุณภาพด้อยกว่ายางแผ่นมาก แต่เรากลับไม่สามารถใช้ศักยภาพตัวนี้มากำหนดราคายางได้ ถ้ารัฐบาลเห็นศักยภาพในการผลิตยางแผ่นของประเทศไทยแล้ว เราสามารถกำหนดราคายางแผ่นรมควันให้สูงกว่าประเทศอื่นได้ถึง 10 เปอร์เซ็น?นายวิสุทธิ์ ระบุทิ้งท้าย

55625
ปลาตายเป็นเบือ! โรงงานยางในตรังปล่อยน้ำเสียลงคลอง ชาวบ้านวอนรัฐดูแลก่อนวิกฤต
โดย MGR Online

21 ธันวาคม 2558 11:52 น. (แก้ไขล่าสุด 21 ธันวาคม 2558 11:56 น.)


ปลาตายเป็นเบือ! โรงงานยางในตรังปล่อยน้ำเสียลงคลอง ชาวบ้านวอนรัฐดูแลก่อนวิกฤต height=450


ตรัง - พิษน้ำเสียจากโรงงานยางพาราใน จ.ตรัง ทำปลาตายลอยเกลื่อนในลำคลองมากกว่า 1 ตัน ชาวบ้านวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดูแลด่วนก่อนวิกฤต
       
        วันนี้ (21 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีชาวบ้านลงเก็บปลาที่กำลังจะตายจำนวนมากในลำคลองอ่างทอง ม.2 ต.นาเมืองเพชร อ.สิเกา จ.ตรัง ซึ่งคาดว่าเกิดขึ้นจากโรงงานธุรกิจยางพาราที่อยู่บริเวณใกล้เคียงปล่อยน้ำ เสียลงลำคลองดังกล่าว โดยน้ำส่งกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง และปลาเริ่มลอยเหนือน้ำ และทยอยตายลงเรื่อยมาตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้
       
        โดย นายสาโรจน์ ขำณรงค์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90/3 ม.7 ต.นาเมืองเพชร อ.สิเกา จ.ตรัง กล่าวว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นจะโดยเจตนาหรือไม่ ชาวบ้านไม่สามารถทราบได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ระบบนิเวศ โดยเฉพาะปลากับน้ำเสียหายเป็นมูลค่ามหาศาลที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ ประกอบกับขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจยางพาราราคาต่ำเฉลี่ย 3 กก. 100 บาทเท่านั้น ชาวบ้าน 4-5 หมู่บ้านในพื้นที่ต้องอาศัยหากินกับแหล่งน้ำในชุมชน
       
        เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นจะให้คิดว่าเป็นการเหมาจ่ายให้แก่ ชุมชน หรือปลาเล็กปลาน้อยตายหมด และไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใด ลำคลองแห่งนี้จะสามารถฟื้นมีชีวิตที่อุดมสมบูรณ์อีกครั้ง ปลาส่วนหนึ่งที่ชาวบ้านเอาขึ้นมาประมาณตันเศษๆ ตนอยากถามว่าเราจะกินได้กี่วัน ถ้าปล่อยให้ลำคลองอยู่ตามธรรมชาติ ความยั่งยืนจะตกไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ตนจึงอยากวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกระดับหันมาสนใจเรื่องนี้บ้าง
       
        สำหรับปลาที่ตายส่วนใหญ่จะเป็นปลานิล ปลากดน้ำจืด ปลาขี้ข่ม และปลาส่า รวมถึงปลาตัวเล็กตัวน้อยอีกจำนวนมาก

55626
ราคายางตกหนัก! ชาวสวนอุบลฯ หยุดกรีด พร้อมขายตรงถึงโรงงาน


โดย MGR Online

21 ธันวาคม 2558 13:10 น. (แก้ไขล่าสุด 21 ธันวาคม 2558 14:55 น.)

ราคายางตกหนัก! ชาวสวนอุบลฯ หยุดกรีด พร้อมขายตรงถึงโรงงาน height=375


อุบลราชธานี - ราคายางพาราเดือนธันวาคมตกอีกกว่า 2 บาท ทำชาวสวนยางย่ำแย่ บางรายต้องหยุดกรีดเพราะทนขาดทุนไม่ไหว ขณะสหกรณ์ชาวสวนยางดิ้นหาช่องทางเพิ่มรายได้ ทั้งขายตรงผ่านระบบออนไลน์ ขอความสนับสนุนตั้งโรงงานแปรรูปยางพาราเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต นำน้ำเสียจากการแปรรูปยางมาทำเป็นปุ๋ยหมัก วอนรัฐเร่งจ่ายเงินชดเชยค่าการผลิตที่ยังล่าช้าของปี 2557 และปี 2558
       
        น.ส.ขวัญใจ ภาระเวช ประธานสหกรณ์กองทุนชาวสวนยางภูด่านใหญ่จำกัด ตั้งอยู่ อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี กล่าวถึงราคายางแผ่นชั้น 3 ความชื้นไม่เกิน 5% มีราคาขายกิโลกรัมละ 38 บาท ส่วนราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 กิโลกรัมละ 40 บาท
       
        ส่วนน้ำยางก้นถ้วยกิโลกรัมละ 17 บาท โดยเป็นราคาขายตรงผ่านเว็บไซต์กับโรงงานที่รับซื้อโดยตรง เพราะถ้าขายในพื้นที่จะมีราคาต่ำกว่าอีกกิโลกรัมละ 2 บาท โดยราคายางพาราเดือนธันวาคมนี้มีการปรับตัวลดลงจากเดิมเฉลี่ยกิโลกรัมละ 2 บาท ทำให้ชาวสวนยางบางส่วนต้องหยุดกรีดยางเพราะไม่คุ้มกับต้นทุนและค่าแรงงาน ซึ่งสูงเกือบกิโลกรัมละ 60 บาท
       
        ขณะที่ยางกรีดก็ต้องปรับตัว โดยสหกรณ์ของตนมีสมาชิก 138 ราย มีพื้นที่ปลูกยางพารากว่า 4,300 ไร่ ใช้วิธีขายตรงกับโรงงานเพื่อให้ได้ราคาขายมากกว่าราคารับซื้อในพื้นที่อีก กิโลกรัมละ 2 บาท
       
        อนาคตที่กำลังผลักดันคือ การสร้างโรงงานแปรรูปยางเพื่อเพิ่มคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอโครงการกับกองทุนสงเคราะห์ชาวสวนยาง นอกจากนี้ยังมีการคิดนำน้ำเสียที่มาจากกระบวนการผลิตยางแผ่นมาทำเป็นปุ๋ย จำหน่ายเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรอีกทางหนึ่ง
       
        ขณะนี้ต้องการให้ภาครัฐเข้ามาช่วยกรณีลงทะเบียนชาวสวนยางเพื่อรับ เงินชดเชยการผลิตไร่ละ 1,500 บาท ไม่เกิน 15 ไร่ต่อราย ซึ่งกระบวนการยังล่าช้า ต้องรอไปหลังปีใหม่ถึงจะได้รับ รวมทั้งยังมีเงินช่วยเหลือตกค้างจากปีการผลิต 2557 อยู่ที่สำนักงบประมาณ โดยจังหวัดอุบลราชธานีมีเกษตรกรไม่ได้รับเงินอยู่กว่า 3,000 ราย
       
        จึงขอให้รัฐบาลช่วยเร่งรัดให้มีการจ่ายเงินคงค้างและเงินชดเชยใหม่ ให้เร็วขึ้น เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางไม่ให้ย่ำแย่ไปกว่านี้



ราคายางตกหนัก! ชาวสวนอุบลฯ หยุดกรีด พร้อมขายตรงถึงโรงงาน height=379


ราคายางตกหนัก! ชาวสวนอุบลฯ หยุดกรีด พร้อมขายตรงถึงโรงงาน height=377

55627
ผวาไม่มีเงินใช้หนี้ เกษตรกรบุรีรัมย์ร้องรัฐบาลช่วยพยุงราคายางตกต่ำ
โดย MGR Online

21 ธันวาคม 2558 19:09 น.

ผวาไม่มีเงินใช้หนี้ เกษตรกรบุรีรัมย์ร้องรัฐบาลช่วยพยุงราคายางตกต่ำ height=305
บุรีรัมย์- เกษตรกรผู้ปลูกยางพารา จ.บุรีรัมย์ เรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือพยุงราคายางที่ตกต่ำ จากปัจจุบันยางแผ่นเหลือเพียง กก.ละ 40 บาท ยางก้อนถ้วย 17 บาท ขายไม่คุ้มทุนทั้งต้องแบกรับภาระทั้งค่าดูแลรักษา ค่าจ้างกรีด และหวั่นไม่มีเงินชำระหนี้สิน ธ.ก.ส. หลายรายต้องตัดโค่นต้นยางทิ้งปลูกพืชชนิดอื่นแทน
       
        วันนี้ (21 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรผู้ปลูกยางพารา อ.โนนสุวรรณ และ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ ภายหลังประสบปัญหาราคายางพาราตกต่ำที่สุดในรอบหลายปี โดยปัจจุบันราคายางแผ่นดิบอยู่ที่กิโลกรัมละ 37-40 บาท และยางก้อนถ้วยอยู่ที่กิโลกรัมละ 17 บาท สร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรเนื่องจากไม่อยู่ที่จุดคุ้มทุน เพราะเกษตรกรต้องแบกรับภาระทั้งค่าดูแลรักษา ค่าจ้างกรีด ทั้งเกรงว่าจะไม่มีเงินชำระหนี้และดอกเบี้ยให้กับ ธ.ก.ส.ที่ไปกู้ยืมมาลงทุนปลูกยางพาราคาอีกด้วย
       
        จากกรณีดังกล่าวทำให้เกษตรกรต้องตัดสินใจตัดโค่นต้นยางพาราทิ้ง หันไปปลูกพืชชนิดอื่นแทน เช่น มันสำปะหลัง และไม้ผลชนิดต่างๆ จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลได้หาแนวทางช่วยเหลือ โดยการพยุงราคายาง โดยให้ยางแผ่นอยู่ที่ราคากิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 50 บาท และยางก้อนถ้วยกิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 25-30 บาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถขายยางได้ที่จุดคุ้มทุน
       
        ทั้งนี้ นายสวาท จำปาสา ตัวแทนเกษตรกรยังได้ยื่นหนังสือผ่านทางอำเภอถึงรัฐบาลได้หาแนวทางช่วยเหลือ เกษตรกรผู้ปลูกยางพาราที่ประสบปัญหาราคาตกต่ำในขณะนี้ด้วย
       

       นางสมปอง หลายเหล่า อายุ 45 ปี เกษตรกรผู้ปลูกยางพารา ต.โนนสุวรรณ อ.โนนสุวรรณ กล่าวว่า ขณะนี้ประสบปัญหาราคายางตกต่ำในที่สุดในรอบหลายปี โดยเฉพาะยางก้อนถ้วยเหลือเพียงกิโลกรัมละ 17 บาทเท่านั้น ซึ่งไม่อยู่ที่จุดคุ้มทุน จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือพยุงราคายางพาราให้ยางแผ่นไม่ต่ำกว่า กิโลกรัมละ 50 บาท และยางก้อนถ้วยไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 25-30 บาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถอยู่รอดได้ 

ผวาไม่มีเงินใช้หนี้ เกษตรกรบุรีรัมย์ร้องรัฐบาลช่วยพยุงราคายางตกต่ำ height=403

55628
ชาวบ้านร้องผู้ว่าฯ ตราดผ่านสื่อแก้ปัญหาร้านรับซื้อขี้ยางปล่อยน้ำเน่า

โดย MGR Online

21 ธันวาคม 2558 17:31 น. (แก้ไขล่าสุด 22 ธันวาคม 2558 08:39 น.)


ชาวบ้านร้องผู้ว่าฯ ตราดผ่านสื่อแก้ปัญหาร้านรับซื้อขี้ยางปล่อยน้ำเน่า


ตราด - ชาวบ้านตรอกกระสังข์ ร้องผู้ว่าฯ ตราด ผ่านสื่อให้แก้ปัญหาร้านรับซื้อขี้ยางปล่อยน้ำเน่าเหม็นส่งกลิ่นนอนไม่หลับ

ชาวบ้านร้องผู้ว่าฯ ตราดผ่านสื่อแก้ปัญหาร้านรับซื้อขี้ยางปล่อยน้ำเน่า       
        วันนี้ (21 ธ.ค.) ที่บ้านตรอกกระสังข์ หมู่ 1 ต.ทุ่งนนทรีย์ อ.เขาสมิง จ.ตราด นายภักดี แดนเมือง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 พร้อมชาวบ้านจำนวนเกือบ 10 คน ทั้งเด็ก และคนชรา พร้อมป้ายเรียกร้องขอความช่วยเหลือ ได้ออกมาเรียกร้องให้สื่อมวลชนช่วยเหลือเรื่องปัญหาการเน่าเหม็นของร้านรับ ซื้อขี้ยาง ที่รับซื้อขี้ยาง และปล่อยน้ำยางที่มีสภาพเหม็นเน่า และมีบ่อเก็บน้ำขี้ยางที่ส่งกลิ่นเหม็นออกไปทั่วบริเวณ และทำให้ประชาชนที่อยู่บริเวณนั้นได้รับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์จนเกิดอันตราย ต่อประชาชน แต่ที่ผ่านมา แม้จะแจ้ง อบต.ทุงนนทรีย์ อ.เขาสมิง จ.ตราด มาแล้วไม่ดำเนินการแก้ปัญหาให้ทันต่อความเดือดร้อนของชาวบ้าน
       
ชาวบ้านร้องผู้ว่าฯ ตราดผ่านสื่อแก้ปัญหาร้านรับซื้อขี้ยางปล่อยน้ำเน่า


 นายภักดี บอกว่า โรงรับซื้อขี้ยางที่ชาวบ้านร้องเป็นของ นายภุชงค์ ปริ่มผล ที่รับซื้อขี้ยางของประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง และส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว และได้มีการแก้ไขเมื่อชาวบ้านได้ร้องเรียนด้วยการขุดบ่อเก็บน้ำเน่าเสียไป ไว้ที่สวนมังคุดห่างจากถนนประมาณ 300 เมตร แต่ยังไม่สามารถลดกลิ่นเหม็นเน่าได้ ชาวบ้านได้แจ้งไปยัง อบต.ทุ่งนนทรีย์ เพื่อให้มาแก้ปัญหา และได้เข้ามาแก้ปัญหาให้ แต่ไม่สามารถระงับกลิ่นได้ ซึ่งทาง อบต.ทุ่งนนทรีย์ ได้เข้ามาตรวจสอบ และส่งให้ดำเนินการแก้ปัญหาเป็นระยะเวลา 3 ครั้ง แต่กลิ่นไม่หมดไป ซึ่งครั้งสุดท้ายเหลือเวลาแค่ 2 วันจะครบกำหนดเวลา จนต้องแจ้งสื่อมานำเสนอข่าว
       
        ชาวบ้านหลายคนที่ออกมาแจ้งวามเดือดร้อนได้เขียนป้ายเรียกร้องให้แก้ ปัญหาเนื่องจากทนกลิ่นเน่าเห็นมานาน โดยบอกว่า กลิ่นที่เน่าเหม็นทำให้นอนไม่หลับ หายใจไม่สะดวก และทำให้มีปัญหาทางสุขภาพ เช่น ระบบทางเดินหายใจ และมีอาการแพ้กลิ่นจนเลือดกำเดาไหลออกจากจมูก
       
        นางนภาพร ศรีทุม อายุ 30 ปี บอกทั้งน้ำตาว่า ชาวบ้าน และตัวเองพร้อมลูกเดือดร้อนมานาน และได้ทำการร้องเรียนทาง อบต.ทุ่งนนทรีย์ มานานนับปี แต่การแก้ปัญหาล่าช้าไม่ทันต่อปัญหาที่เกิดขึ้น ชาวบ้านนอนไม่หลับ เจ็บป่วย ลูกเล็กก็บอกว่าเหม็น พอไปร้องเรียนเจ้าของโรงรับซื้อก็บอกมาถ้าเหม็นก็ให้ย้ายบ้านออกไป และยังว่ากล่าวอย่างไร้เหตุไร้ผล ชาวบ้านทนไม่ไหวอีกแล้วจึงต้องออกมาต่อสู้ในวันนี้
       
        ขณะที่ นายภุชงค์ กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า การรับซื้อขี้ยางเป็นเรื่องปกติที่มีกลิ่นเหม็น ชาวบ้านบริเวณนี้ก็เก็บขี้ยางมาขายไม่เห็นมีความเดือดร้อนอะไร และชาวบ้านกว่า 30 ราย ก็ลงชื่อสนับสนุนให้รับซื้อ ส่วนที่บริเวณรับซื้อขี้ยางได้แก้ปัญหาด้วยการฉีดสารอีเอ็มเพื่อลดกลิ่น และเมื่อ อบต.ทุ่งนนทรีย์ มาตรวจสอบได้แก้ปัญหาด้วยการต่อท่อไปเก็บที่บ่อดินที่อยู่ในสวนมังคุด เพื่อป้องกันกลิ่นเน่าเหม็นแล้ว ซึ่งชาวบ้านยังไม่พอใจ และก็ร้องเรียนอย่างมีอคติ
       
        ส่วน นายณรงค์ศักดิ์ พ่วงเกษ นายก อบต.ทุ่งนนทรีย กล่าวว่า ได้เข้าไปแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านแล้วด้วยการเข้าไปตรวจสอบใน พื้นที่ และพบว่ามีกลิ่นเหม็นจริง และมีความผิดตามระเบียบ จึงได้สั่งให้มีการดำเนินการตามขั้นตอน แต่ปัญหายังไม่สามารถแก้ไขได้ทันต่อความต้องการของชาวบ้าน ได้แจ้งให้ทางอำเภอ และทางสาธารณสุขได้เข้ามาช่วยในการตรวจสอบ และสั่งการแล้ว ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการให้แล้วเสร็จเท่านั้น
       
        สำหรับโรงรับซื้อน้ำยางของ นายภุชงค์ ปริ่มผล ตั้งอยู่ที่หมู่ 1 บ้านตรอกกระสังข์ ต.ทุ่งนนทรีย์ อ.เขาสมิง จ.ตราด ตั้งร้านรับซื้อยางมาแล้ว 3 ปี ชาวบ้านกว่า 40 ครัวเรือน เดือดร้อน และมีโฮมสเตย์ 2 แห่งตั้งอยู่ วันหนึ่งมี 5 ตัน เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2558 ชาวบ้านได้ร้องเรียนผ่านทางผู้ใหญ่บ้านแจ้งไปยัง อบต.ทุ่งนนทรีย์ เพื่อให้แก้ไข และทางอำเภอเขาสมิง ได้ประชุมชาวบ้าน และได้รับไว้ให้ อบต.ทุ่งนนทรีย์ ดำเนินการ แต่ล่าช้า ครั้งแรกมาแจ้งต่อประชาชนว่าจะดำเนินให้เสร็จใน 1 เดือน ครบกำหนดขอเลื่อนมาอีก 15 วัน กำหนดครั้งที่ 2 เวลาอีก 7 วัน และเหลืออีก 2 วันจะหมดในวันที่ 23 ธันวาคม 2558 เกรงว่าจะเลื่อนอีก จึงต้องร้องสื่อมวลชน เพราะทนกลิ่นเหม็นและพฤติกรของจ้าของโรงรับซื้อขี้ยางไม่ไหว

55629
อุตฯสั่ง 2 โรงงานยางอุดรฯ ส่งกลิ่นเหม็นเร่งปรับปรุง แต่ไม่มีคำสั่งให้หยุดเดินเครื่อง
วันที่ 20 ธันวาคม  พ.ศ. 2558 เวลา 06:40:00 น  ที่มา มติชน


เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ราษฎรบ้านจำปา บ้านโนนสะอาด บ้านโก่ย และบ้านใกล้เคียง ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี ยังคงได้รับความเดือนร้อนจากกลิ่นเหม็นของโรงงานผลิตยางแท่ง บ.ศรีตรัง เอโกร อินดัสทรี จก.(มหาชน) กับ บ.วงศ์บัณฑิต จก. ตั้งอยู่ กม.15 ถ.อุดรธานี-สกลนคร บ.จำปา ต.หนองนาคำ อ.เมือง โดยชาวบ้านแจ้งผ่านกลุ่มไลน์ "แจ้งข่าวกลิ่นโรงยาง" มีกลิ่นเหม็นมาตั้งแต่กลางคืนจนเช้าและเหม็นต่อเนื่องเป็นระยะ หวังว่าผู้ว่าฯอุดรธานี จะเดินทางมาดูข้อเท็จจริง แล้วแก้ไขปัญหาได้ บางคนมั่นใจว่าวันที่ ผู้ว่าฯเดินทางมาจะไม่มีกลิ่นเหม็น

ด้านศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานี ได้ส่งสำเนาเอกสารคำสั่งของ นายธนวรรธน์ เลิศสุคนธ์ อุตสาหกรรม จ.อุดรธานี ถึงโรงงานทั้ง 2 แห่ง ให้ปรับปรุงแก้ไขโรงงาน ลงวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า จากการที่ สนง.อุตสาหกรรม จ.อุดรธานี, จนท.ศูนย์วิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมภาคใต้ กรมโรงงาน เข้าตรวจสอบโรงงานทั้งสองแห่ง เมื่อวันที่ 24-25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

พบว่าการประกอบกิจการบางส่วน ในบางส่วนกระบวนการผลิตอาจก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(กลิ่นเหม็น) สภาพดังกล่าวอาจก่อให้เกิดอันตราย เสียหาย หรือเดือดร้อนรำคาญต่อบุคคล หรือเสียหายต่อทรัพย์สินที่อยู่ในโรงงาน และพื้นที่ใกล้เคียง อาศัยอำนาจตามมาตรา 37 พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 อุตสาหกรรม จ.อุดรธานี ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 จึงสั่งให้ทั้งสองโรงงานปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการบำบัดกลิ่น ทั้งกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพเพียงพอในการบำบัด ไม่ให้ก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญกับผู้อยู่ใกล้เคียง ให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ธันวาคมนี้ โดยไม่มีคำสั่งให้หยุดการผลิตขณะปรับปรุง 


http://www.matichon.co.th/online/2015/12/14505225471450522721l.jpg height=323

นายสุนทร และนางขันตี แสงลี สองสามีภรรยา อายุ 62 ปี เกษตรกรปลูกผักบ้านจำปา ที่ลงเตรียมดินปลูกผักริมห้วยเชียงรวง ห่างจากโรงงานเพียง 1 กม.เศษ เผยว่า ต้องทนเหม็นอยู่ที่บ้านจำปา ไม่มีปัญญาหนีไปที่อื่น ลูกหลานหนีไปทำงานต่างจังหวัดไม่มีใครกลับมาดมกลิ่นเหม็นแล้ว ช่วงทำนาก็ดีหน่อยหนีไปอยู่กระท่อมนา ห่างจากบ้านไปกว่า 10 กม. แต่ช่วงหน้าหนาวมาปลูกผัก ตามริมลำห้วยที่มีน้ำก็จะเหม็นมาก ถ้าหนกมมากจนไม่สบายก็ไปอยู่กระท่อม 

นายสบาย มุกดาม่วง นายก อบต.หนองนาคำ เปิดเผยว่า ทุกฝ่ายได้พยายามร่วมกันแก้ไขให้โอกาสโรงงานปรับปรุง ส่วน อบต.มีแผนที่จะตรวจเข้มทุกแห่ง ไม่เฉพาะโรงงานยางแท่ง แต่จะรวมไปถึงโรงงานไฟฟ้าชีวะมวล 1 แห่ง โรงสีข้าวเกือบ 10 แห่ง โรงงานหล่ออะไหล่รถยนต์ และอื่นๆอีก เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกัน   


55630
กยท.ยันขายยางรัฐบาลจีน200,000 ตันเน้นรับซื้อจากเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร

วันที่ 18 ธ.ค. 2558


กยท.ยืน ยันขายยางให้รัฐบาลจีน 200,000 ตัน จะรับซื้อทั้งวัตถุดิบ และผลิตภัณฑ์ยาง จากเกษตรกร และสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางเป็นหลัก เอกชนแค่เสริมในส่วนที่ขาดเท่านั้น มั่นใจจะช่วยเพิ่มเสถียรภาพด้านราคา สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้เกษตรกร พร้อมทุ่มงบอีก 600 ล้านบาทปรับปรุงโรงงานแปรรูปของ กยท.ทั้ง 6 แห่ง
 
          นายเชาว์ ทรงอาวุธ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าการ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้มอบหมายให้ กยท. ทำสัญญาซื้อขายผลิตภัณฑ์ยางกับบริษัทซิโนเคม (SINOCHEM) ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลจีน ภายใต้กรอบความร่วมมือของคณะกรรมการบริหารร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้า สินค้าเกษตรระหว่างไทย-จีน จำนวน 200,000 ตัน ซึ่งประกอบด้วยยางแผ่นรมควัน (RSS3) จำนวน 150,000 ตัน และยางแท่ง (STR 20) จำนวน 50,000 ตันนั้น ขณะนี้ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการบริการโครงการขายผลิตภัณฑ์ยางดังกล่าว ตลอดจนแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นดำเนินการทั้งการจัดหา การแปรรูป การควบคุมปริมาณยาง และการส่งมอบเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะสามารถส่งมอบยางล็อตแรกได้ประมาณเดือนมีนาคม 2559นี้อย่างแน่นอน โดยจะส่งมอบอย่างต่อเนื่องเดือนละประมาณ 16,667 ตัน รวมทั้งสิ้น 12 เดือน

 
          สำหรับการจัดหาผลิตภัณฑ์ยางทั้ง 2 ชนิดดังกล่าวนั้น ในส่วนของยางแผ่นรมควัน จะรับซื้อจากเกษตรกร และสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ทั้งที่แปรรูปเป็นยางแผ่นรมควัน ยางแผ่นรมควันอัดก่อนแล้ว และยางแผ่นดิบ เพื่อนำมาแปรรูปเป็นยางแผ่นรมควัน ส่วนยางแท่ง STR 20 ก็เช่นเดียวกัน จะรับซื้อวัตถุดิบคือ ยางก้อนถ้วย ยางเครป จากเกษตรกรและสถานบันเกษตรกรชาวสวนยางเป็นหลัก เพื่อนำมาแปรรูปเป็นยางแท่ง โดยจะใช้โรงงานแปรรูป ของ กยท. ที่รับโอนมาจาก องค์การสวนยาง(อสย.) ก่อนที่จะส่งขายให้บริษัทซิโนเคม ซึ่งขณะนี้ คณะกรรมการ กยท.ได้อนุมัติงบประมาณ 600 ล้านบาท เพื่อไปปรับปรุง เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เสริมสภาพคล่องให้กับโรงงานแปรรูปยางของ กยท. จำนวน 6 โรงแล้ว     

 
          "กยท.ให้ความสำคัญกับเกษตรกรชาวสวนยาง และสถานบันเกษตรกรชาวสวนยาง เป็นอันดับแรก หากสามารถรับซื้อยางได้จำนวนเพียงพอกับปริมาณที่บริษัทซิโนเคมต้องการ ก็จะไม่รับซื้อจากผู้ประกอบกิจการยางภาคเอกชนอื่นๆเลย ยกเว้นเมื่อรับซื้อจากเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางทั้งหมดแล้ว ยังมีปริมาณไม่เพียงพอ กยท.ถึงจะดำเนินการจัดซื้อจากผู้ประกอบกิจการยางภาคเอกชน เป็นครั้งๆไป ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร สถานบันเกษตรกรชาวสวนยาง ตลอดจนผู้ประกอบกิจการยาง ในช่วงที่ราคายางตกต่ำให้มีรายได้ ซึ่งจะช่วยยกระดับราคายางในประเทศให้สูงขึ้น และที่สำคัญจะสามารถเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางให้มีคุณภาพชีวิต และความเป็นอยุ่ที่ดีขึ้น" นายเชาว์กล่าว

 
          ส่วนการจัดซื้อยางนั้น กยท.จะจัดซื้อผ่านทางกลไกตลาดกลาง และตลาดยางพาราท้องถิ่นของ กยท. ซึ่งมีถึง108 แห่งทั่วประเทศ โดยจะเป็นยางใหม่ทั้งหมด ไม่รับซื้อยางที่ค้างสต๊อก ส่วนราคาที่รับซื้อขายนั้น กยท. ได้เซ็นสัญญาตกลงกับบริษัทซิโนเคมว่า ยางแผ่นรมควันจะอ้างอิงราคาตลาดยางเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และตลาดยางโตคอม ประเทศญี่ปุ่น ส่วนยางแท่ง จะอ้างอิงราคาตลาดไซคอม ประเทศสิงค์โปร์ โดยจะเป็นราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 2 เดือนก่อนการส่งมอบยาง ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้ กยท.จากการดำเนินโครงการนี้ได้ประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งจะนำมาใช้ในการบริหาร การพัฒนา เพิ่มศักยภาพ และสร้างความมั่นคงให้กับยางพาราของไทยต่อไป

 
        ผู้ปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าการ กยท. กล่าวต่อว่า การเซ็นสัญญาขายผลิตภัณฑ์ยางให้กับบริษัทซิโนเคม ตลอดจนการรับซื้อยางจากเกษตรกร สถาบันเกษตรกร และผู้ประกอบกิจการยางในครั้งนี้ เป็นการทำธุรกิจครั้งแรก หลังจากการจัดตั้ง กยท.ขึ้นมา ดูแลยางของประเทศครบวงจร ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการร่วมมือกันทำธุรกิจ ก่อนที่จะขยายผลจะต่อยอดเพิ่มความร่วมมือกันในอนาคต ดีกว่าที่จะมาเป็นคู่แข่งกันเอง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพการผลผลิต กรรมวิธีการซื้อขายยางพาราของไทยให้มีมาตรฐานสากล และที่สำคัญจะช่วยเพิ่มเสถียรภาพราคายางพารา ตลอดจนยังจะมีส่วนสำคัญในการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศอีกด้วย
[/t][/t][/t]

55631
ไทยขายยางให้รัฐบาลจีน 200,000 ตัน

22 ธ.ค.58

  นายเชาว์ ทรงอาวุธ ปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าการ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้มอบหมายให้ กยท. ทำสัญญาซื้อขายผลิตภัณฑ์ยางกับบริษัทซิโนเคม ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลจีน ภายใต้กรอบความร่วมมือของคณะกรรมการบริหารร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้า สินค้าเกษตรระหว่างไทย-จีน จำนวน 200,000 ตัน ซึ่งประกอบด้วยยางแผ่นรมควัน (RSS3) จำนวน 150,000 ตัน และยางแท่ง (STR 20) จำนวน 50,000 ตันนั้น

 ขณะนี้ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการบริการโครงการขายผลิตภัณฑ์ยางดังกล่าว ตลอดจนแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นดำเนินการทั้งการจัดหา การแปรรูป การควบคุมปริมาณยาง และการส่งมอบเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะสามารถส่งมอบยางลอตแรกได้ประมาณเดือนมีนาคม 2559 นี้อย่างแน่นอน โดยจะส่งมอบอย่างต่อเนื่องเดือนละประมาณ 16,667 ตัน รวมทั้งสิ้น 12 เดือน


 สำหรับการจัดหาผลิตภัณฑ์ยางทั้ง 2 ชนิดดังกล่าวนั้น ในส่วนของยางแผ่นรมควัน จะรับซื้อจากเกษตรกร และสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ทั้งที่แปรรูปเป็นยางแผ่นรมควัน ยางแผ่นรมควันอัดก้อนแล้ว และยางแผ่นดิบ เพื่อนำมาแปรรูปเป็นยางแผ่นรมควัน ส่วนยางแท่ง STR 20 ก็เช่นเดียวกัน จะรับซื้อวัตถุดิบคือ ยางก้อนถ้วย ยางเครป จากเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางเป็นหลัก เพื่อนำมาแปรรูปเป็นยางแท่ง โดยจะใช้โรงงานแปรรูปของ กยท. ที่รับโอนมาจาก องค์การสวนยาง (อสย.) ก่อนที่จะส่งขายให้บริษัทซิโนเคม ซึ่งขณะนี้ คณะกรรมการ กยท.ได้อนุมัติงบประมาณ 600 ล้านบาท เพื่อไปปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และใช้เป็นเงินทุน หมุนเวียน เสริมสภาพคล่องให้กับโรงงานแปรรูปยางของ กยท. จำนวน 6 โรงแล้ว


 การเซ็นสัญญาขายตลอดจนการรับซื้อยางจากเกษตรกร สถาบันเกษตรกร และผู้ประกอบกิจการยางในครั้งนี้ เป็นการทำธุรกิจครั้งแรก หลังจากการจัดตั้ง กยท.ขึ้นมาดูแลยางของประเทศครบวงจร ที่จะช่วยส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพการผลิต กรรมวิธีการ ซื้อขายยางพาราของไทยให้มีมาตรฐานสากล และที่สำคัญจะช่วยเพิ่มเสถียรภาพราคายางพารา ตลอดจนยังจะมีส่วนสำคัญในการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศอีกด้วย.--จบ--


      เดลินิวส์ (Th)     

55632
พัทลุงเตรียมจ่ายเงินให้เกษตรกรสวนยางไร่ละ 1,500 บ. บรรเทาเดือดร้อนราคาตกต่ำ

วันที่ 21 ธันวาคม  พ.ศ. 2558 เวลา 15:10:11 น.


ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 58 ตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักเกณฑ์ แนวทาง และวิธีการจ่ายเงินโครงการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2558 โดยมีเป้าหมายในการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง 2 กลุ่ม คือ เกษตรกรชาวสวนยางที่มีเอกสารสิทธิ ซึ่งประกอบด้วยเจ้าของสวน และคนกรีดยาง โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือให้ครัวเรือนละไม่เกิน 15 ไร่ๆ ละ 1,500 บาท โดยผู้เป็นเจ้าของสวนจะได้ 900 บาท และคนกรีดจะได้ 600 บาท กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มเกษตรกรสวนยางที่ไม่มีเอกสารสิทธิ ซึ่งขณะนี้ทางรัฐบาลได้มอบให้การยางแห่งประเทศไทย ร่วมกับสภาเกษตรกรแห่งชาติและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หาข้อยุติในประเด็นของกฎหมายก่อนจะพิจารณาดำเนินการต่อไป


นายวินัย ประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า ในส่วนของจังหวัดพัทลุงได้เร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกินวันที่ 15 มกราคม 2559 ซึ่งทั้งเจ้าของสวนและคนกรีดที่จะได้รับการช่วยเหลือไร่ละ 1,500 บาทนั้น จะต้องเป็นเกษตรกรที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับสำนักงานเกษตรจังหวัดแล้ว โดยจะยึดหลักข้อมูลเดิมที่เคยมีการจ่ายเงินช่วยเหลือไปแล้วในโครงการก่อนหน้านี้ในไร่ละ 1,000 บาทเป็นฐาน และจะปิดประกาศให้เกษตรกรได้รับทราบอย่างทั่วถึง เพื่อให้เกษตรกรสามารถตรวจสอบความถูกต้องและเพิ่มเติมในส่วนที่ตกหล่นได้



ส่วนขั้นตอนรายละเอียดและการเพิ่มชื่อคนกรีด เพื่อรับสิทธิในส่วนแบ่ง 600 บาทต่อไร่นั้น สำนักงานสงเคราะห์การทำสวนยางจังหวัดพัทลุง จะส่งเจ้าหน้าที่ออกพบปะชี้แจงกับประชาชนเจ้าของสวนยางโดยตรงในเร็วๆ นี้ เพื่อได้ข้อมูลที่ชัดเจนไม่ซ้ำซ้อน และจะส่งข้อมูลไปยังธนาคาร ธ.ก.ส.เพื่อโอนเงินเข้าบัญชีให้กับเกษตรกร เพื่อให้เป็นไปตามความห่วงใยของรัฐบาลที่อยากให้ประชาชนได้รับเงินช่วยเหลือเป็นของขวัญวันปีใหม่นี้

55633
ชาวนาเมืองเพชร ประท้วงโรงงานน้ำยางข้น บ่อน้ำเสียแตก ไหลลงคลองปลาตายเป็นแพ

วันที่ 21 ธันวาคม  พ.ศ. 2558 เวลา 15:50:00 น. ที่มา มติชน

http://www.matichon.co.th/online/2015/12/14506862581450686431l.jpg height=336

(21 ธันวาคม) เมื่อเวลา 09.30น. ภายในบริเวณ บริษัท กว๋างเงิ่นรับเบอร์ จำกัด เลขที่ 164 ถนนตรัง-สิเกา ต.นาเมืองเพชร ได้มีชาวบ้านจากตำบลนาเมืองเพชร อ.สิเกา หลายร้อยคนนำโดย นายเสถียร แก้วงาม นายกเทศบาลตำบลนาเมืองเพชร พร้อมกำนันผู้ใหญ่บ้าน รวมกลุ่มประท้วงบริษัท หลังจากที่บ่อน้ำเสียซึ่งตั้งอยู่หลังโรงงานซึ่งผลิตน้ำยางข้น และยางก้อนส่งออก เกิดแตกจนส่งผลให้น้ำเน่าเสียไหลทะลักลงคลองอ่างทอง ในพื้นที่หมู่ 1 ต.นาเมืองเพชร ทำให้สัตว์น้ำกุ้ง หอย ปูปลา ตายจะหมดเกลี้ยงลำคลอง อีกทั้งยังส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลไปทั่วบริเวณอีกด้วย
               
ต่อมา นายบุญสิทธิ์ เรืองผล อุตสาหกรรมจังหวัดตรัง นายสุทธินันท์ เดชวรรณ ปลัดอาวุโสอำเภอสิเกา  พ.ต.ท.สุวรรณ ด้วงแก้ว สวป.สภ.สิเกา และ พ.ท.ณัฐวัฒน์ นุ่นชูผล หน.กลุ่มงานข่าว กอ.รมน.ตรัง ลงมาตรวจสอบพื้นที่ เบื้องต้นพบว่า บ่อน้ำเสียของโรงงานซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหลัง จำนวน 3 บ่อเกิดแตก ทำให้น้ำเน่าเสียไหลลงไปสู่ลำคลอง จากสภาพที่เป็นน้ำเขียวใส กลับกลายเป็นสีดำ ปลาตายนอนลอยแพไปตามลำคลองชาวบ้านจับขึ้นมารวมแล้วกว่า 1 พันกิโลกรัม
               
นายสุทธินันท์ กล่าวว่า ทางอำเภอได้รับแจ้งจากชาวบ้านนาเมืองเพชรว่า ทางโรงงานมีการปล่อยน้ำเน่าเสียลงสู่คลองอ่าวทอง ในพื้นที่หมู่ 1 ต.นาเมืองเพชร  อ.สิเกา  จึงประสานให้ทางผู้ใหญ่บ้านเข้าไปให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้นกับน้ำที่ไหลลงลำคลองจำนวน 6 หมู่บ้าน ทั้งสัตว์น้ำ ผลอาสิน พืชผักที่ปลูก สาเหตุเกิดจากบ่อน้ำเสียพังและแตก อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อน้ำดื่มน้ำใช้ เนื่องจากมีการใช้น้ำในคลองแห่งนี้ผลิตน้ำประปาอีกด้วย  ซึ่งวันนี้จะมีการเจรจาเพื่อหาทางแก้ไข คาดว่าทางโรงงานจะต้องหยุดกิจการชั่วคราวเพื่อปรับปรุงบ่อน้ำเสียดังกล่าวให้ได้มาตรฐาน
               
ทางด้าน นายบุญสิทธิ์ กล่าวว่า จากการตรจสอบเบื้องต้นพบว่า ทางโรงงานเปิดดำเนินกิจการเมื่อปี 2549 ผลิตน้ำยางข้น และยางก้อน มีบ่อน้ำเสีย 3 บ่อ เป็นบ่อคันดิน ไม่ได้มาตรฐาน เมื่อบริเวณน้ำเสียเพิ่มจำนวนมาก บ่อไม่สามารถรับได้จึงพังและแตก เป็นความสะเพร่าของทางโรงงาน ซึ่งตนได้สั่งการให้โรงงานดังกล่าวหยุดกิจการเป็นการชั่วคราวไปแล้ว เพื่อให้ปรับปรุงระบบบ่อน้ำเสียให้ได้มาตรฐานต่อไป
               
รายงานข่าวแจ้งว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้น้ำเน่าเสียที่ไหลลงคลองอ่างทองในพื้นที่ตำบลเมืองเพชร จำนวน 6 หมู่บ้าน และกำลังไลลงสู่คลองสว่าง ในพื้นที่ตำบลนาโต๊ะหมิง อ.เมือง ระยะทางประมาณ 20 กม.ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำตรัง ที่ตำบลบางรัก อ.เมือง   

55634

ภาวะยาง AFET: ราคามีแนวโน้มทรงตัวในกรอบ 48-50 บ.ต่อไป ใกล้เทศกาลหยุดยาวช่วงปลายปี


สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 22 ธันวาคม 2558 17:23:21 น.

รายงานภาวะการซื้อขายยางแผ่นรมควันชั้น 3(RSS3) หลังปิดการซื้อขายวันนี้
 
มีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 9.44 ล้านบาท มีปริมาณซื้อขายรวม 40 สัญญา ลดลงจากวานนี้ 80 สัญญา
 
นายธนเสฎฐ์ ดีประเสริฐกุล นักวิเคราะห์ บริษัท ดีเอส ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า บรรยากาศการลงทุนช่วงปลายปี
 
และใกล้เทศกาลวันหยุดยาวค่อนข้างเงียบเหงา ราคาไม่ค่อยเคลื่อนไหว อีกทั้งราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ล่าสุดมาอยู่ที่


ที่ 36 ดอลลาร์/บาร์เรล ถ้าจะกลับทิศราคาต้องยืน 38-40 ดอลลาร์/บาร์เรล
 
ส่วนทิศทางราคายังเคลื่อนไหวแบบ Sideway ในกรอบ 48-50 บาท ต่อไป พร้อมทั้งแนะนำนักลงทุนให้ Swing
Trade หากรับความเสี่ยงได้น้อยให้ Wait&See ต่อไป
 
"ระยะสั้นอาจจะมีการขยับตัวขึ้นลงบ้างตามตลาดต่างประเทศ หรือตามสัญญาณทางเทคนิค โดยปัจจัยพื้นฐานไม่มีอะไร
เปลี่ยนแปลงมากนัก ตลาดยังรอปัจจัยหรือประเด็นที่จะส่งผลต่ออุปทานอุปสงค์"
 
ช่วงนี้ตลาดต่างประเทศไม่มีปัจจัยเศรษฐกิจอะไรที่สำคัญต้องติดตาม มีแค่ตัวเลขเศรษฐกิจหรือดัชนีต่างๆประจำสัปดาห์
เนื่องจากใกล้วันคริสมาสต์และช่วงหยุดยาวปีใหม่ของฝั่งตะวันตก
ส่วนปริมาณสัญญาซื้อขายคงค้าง(Open Interest) อยู่ที่ 2,178 สัญญา ลดลง 10 สัญญา
ภาวะการซื้อขายยางแผ่นรมควันชั้น 3(RSS3)
 
เดือน           ราคาปิด          ราคาปิด           ปริมาณ
 
ครั้งก่อน            วันนี้          การซื้อขาย
 
JAN 16          43.70           43.90              8
 
FEB 16          45.00           45.80              3
 
MAR 16          46.50           46.20              5
 
APR 16          47.50           47.30              2
 
MAY 16          48.60           48.60             10
 
JUN 16          48.70           48.70              4
 
JUL 16          49.00           49.00              8
รวม      40



อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--



55635

ราคาประมูลยางก้อนถ้วยของกลุ่มสหกรณ์ ภาคอีสาน ประจำวัน เสาร์ ที่ 22  ธันวาคม  2558


กลุ่มสหกรณ์กองทุนสวนยางโคกกว้างพัฒนา จำกัด ต.โคกกว้าง อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬยางก้อนถ้วยเปียกค้างคืน ราคา 18.53 บาท/กก.  ผู้ชนะประมูล (ไม่มีแจ้ง)  ปริมาณยาง   200000กก.


กลุ่มสหกรณ์กองทุนสวนยางกุดบง จำกัด ต.กุดบง อ.โพนพิสัย จ.หนองคายยางก้อนถ้วยเปียกค้างคืน ราคา 18.30 บาท/กก.  ผู้ชนะประมูล (ไม่มีแจ้ง)  ปริมาณยาง   100000กก.


กลุ่มชุมชนโนนฤาษีพัฒนา ต.กุดบง อ.โพนพิสัย จ.หนองคายยางก้อนถ้วยเปียกค้างคืน ราคา 18.30 บาท/กก.  ผู้ชนะประมูล (ไม่มีแจ้ง)  ปริมาณยาง   100000กก.


กลุ่มอยู่ดีมีสุข ต.จุมพล อ.โพนพิสัย จ.หนองคายยางก้อนถ้วยเปียกค้างคืน ราคา 18.30 บาท/กก.  ผู้ชนะประมูล (ไม่มีแจ้ง)  ปริมาณยาง   100000กก.


กลุ่มชาวสวนยาง สกย.บ้านนายาง ต.พระบาทนาสิงห์ อ.รัตนวาปี จ.หนองคายยางก้อนถ้วยเปียกค้างคืน ราคา 18.40 บาท/กก.  ผู้ชนะประมูล (ไม่มีแจ้ง)  ปริมาณยาง   80000กก.


ที่มา ตลาดกลางยางพาราหนองคาย

จัดทำโดย www.rakayang.net

หน้า: 1 ... 3707 3708 [3709] 3710 3711 ... 5504