ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: เมษายน 22, 2015, 02:29:30 PM »

เร่งชงข้อมูลผ่าวิกฤติยางถึงรบ.สกย.เล็งรื้อระเบียบหนุนทำสวนผสมผสาน



  22เม.ย.58เร่งชงข้อมูลผ่าวิกฤติยางถึงรบ.สกย.เล็งรื้อระเบียบหนุนทำสวนผสมผสาน 
 นายเชาว์ ทรงอาวุธ รองผู้อำนวยการ สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) เปิดเผยว่า ในระหว่างการจัดงานวันยางพาราแห่งชาติที่ จ.ตรัง เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา สกย.ได้จัดการเสวนาเรื่อง "ฝ่าวิกฤติยางพารา พัฒนาสู่ความยั่งยืน" ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องกับวงการยางพาราไทย ทั้งนักวิชาการ เอกชน สถานบันเกษตรกร เข้าร่วมกว่า 500 คน ทำให้ได้ความคิดเห็นที่หลากหลายที่เป็นประโยชน์ในการนำไปเป็นข้อมูลเพื่อ กำหนดยุทธศาสตร์หรือวางนโยบายพัฒนายางพาราของประเทศ ปี 2558/2559

 โดยในส่วนของนักวิชาการ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับปริมาณยางที่ใช้ในประเทศยังมีการใช้น้อยเพียงร้อยละ 14 ของปริมาณยางทั้งหมด ที่เหลือส่งออกขายในตลาดต่างประเทศ ทำให้ต่างชาติเป็นผู้กำหนดราคา ดังนั้น หากต้องการให้ราคายางของไทยมีความเสถียรภาพ และมั่นคงมากขึ้น จะต้องมียุทธศาสตร์เพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศให้เพิ่มขึ้นด้วย ในการกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนายางพาราของรัฐบาล"

 สำหรับภาคเอกชน ได้ให้ความเห็น ว่า ราคายางนั้นขึ้น อยู่กับความต้องการของตลาดกับปริมาณ การผลิต หรือ Demand กับ Supply ต้องมีความสมดุลกัน แต่ปัจจุบันปริมาณของยางมีมากกว่าความต้องการในการใช้ยาง ทำให้ราคาตกต่ำ ซึ่งผลผลิตยางของไทยส่วนใหญ่จะส่งไป ขายตลาดประเทศจีนเป็นหลัก ในขณะที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวทำให้ปริมาณความต้องการใช้ยางลดลง การซื้อยางของตลาดจีนจึงลดลงไปด้วย ประกอบกับประเทศจีนเอง ได้ปลูกยางพาราในประเทศบริเวณมณฑลยูนาน และยังได้เข้ามาลงทุนทำสวนยางพาราที่ลาวและกัมพูชา ดังนั้นอนาคตตลาดยางพาราของไทยจะพึ่งตลาดจีนเพียงตลาดเดียวไม่ได้ จะต้องวางยุทธศาสตร์ในการขยายตลาดส่งออกไปยังตลาดประเทศใหม่ๆ โดยเฉพาะตลาดยุโรปด้วย

 ส่วนเกษตรกร แสดงความคิดเห็นว่า การทำสวนยางพาราในอนาคต ถ้าจะให้ยั่งยืนจะปลูกยางพาราเพียงอย่างเดียว หรือปลูกเป็นพืชเชิงเดี่ยวไม่ได้แล้ว ต้องปลูกพืชผสมผสาน หลากหลายชนิดภายในสวนยาง โดยมียางพาราเป็นพืชหลัก ดังนั้นในการกำหนดยุทธศาสตร์ รัฐบาลจะต้องกำหนดมาตรการส่งเสริมการทำสวนยางพาราแบบผสมผสาน ตามแนว พระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 นายเชาวน์กล่าวต่อว่า หลังจากการเสวนาในครั้งนี้ สกย.จะรวบรวมความคิดเห็นทั้งหมดมาสรุปเป็นข้อมูลส่งให้รัฐบาล เพื่อจัดทำแผนพัฒนายางพาราของไทยทั้งระบบ แต่สิ่งไหนที่สามารถทำได้เลย สกย.ก็จะดำเนินการแก้ไขระเบียบทันที เช่น การแก้ไขระเบียบให้ทันสถานการณ์ โดยเฉพาะการให้ทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง จากที่เคยกำหนดให้ปลูกยางพาราไร่ละ 70-80 ต้น เหลือเพียงไร่ละ 40 ต้น โดยยังได้รับทุนสงเคราะห์อัตราเดิม คือ ไร่ละ 16,000 บาท เพื่อเกื้อต่อการทำสวนยางแบบผสมผสาน บรรยายใต้ภาพ เชาว์ ทรงอาวุธ




     แนวหน้า (Th)