ผู้เขียน หัวข้อ: ผู้บริหารรับเบอร์ วัลเลย์พ่อค้ายางจีนหารือสกย.สร้างช่องทางซื้อขายยางพารา  (อ่าน 1627 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82609
    • ดูรายละเอียด

ผู้บริหารรับเบอร์ วัลเลย์พ่อค้ายางจีนหารือสกย.สร้างช่องทางซื้อขายยางพารา


คณะผู้บริหารรับเบอร์ วัลเล่ย์ พ่อค้ายางจีน หารือ ทีมบริหาร สกย.หวังขยายโอกาส และสร้างตลาดยางระดับเกษตรกร


เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2557 คณะผู้บริหารจากบริษัท QINGDAO RUBBER VALLEY SUPPLY CHAIN CO.,LTD จากประเทศจีน พบปะกับผู้บริหาร สกย. สร้างความสัมพันธ์ และสร้างช่องทางการซื้อขายยางพาราจากกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางไทย ณ ห้องประชุมสำรวจพฤกษาลัย ชั้น 2 อาคาร 50 ปี สกย.บางขุนนนท์


นายประสิทธิ์ หมีดเส็น รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง กล่าวว่า การพบปะคณะผู้บริหารจากบริษัท QINGDAO RUBBER VALLEY SUPPLY CHAIN CO.,LTD ในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ สกย.ได้มีโอกาสต้อนรับ ซึ่งการประเทศจีน ในฐานะประเทศผู้ซื้อยางรายใหญ่ของโลกได้เห็นความสำคัญและเข้ามาติดต่อกับ สกย. เพื่อเปิดโอกาสและหาช่องทางในการซื้อขายยางพารากับเกษตรกรชาวสวนยางเป็นผู้ ผลิตโดยตรง นับว่าเป็นทิศทางในการพัฒนาระบบอุตสาหกรรมและระบบตลาดยางพาราของไทยที่ดีอีก ระดับหนึ่ง


อย่างไรก็ตาม ในภารกิจของ สกย. ซึ่งมีเป้าหมายให้เกษตรกรชาวสวนยางสามารถรวมตัวเป็นกลุ่ม และดำเนินธุรกิจค้าขายได้ พร้อมทั้ง มีนโยบายพัฒนาสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็ง ยังต้องคำนึงถึงปริมาณผลผลิตและคุณภาพของสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของ ตลาดด้วย ที่ผ่านมา ปริมาณผลผลิตในรูปแบบยางประเภท ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ยางแท่ง STR 20 และยางคอมปาวด์ ของเกษตรกรที่อยู่ในความดูแลและการส่งเสริมของ สกย. อาจยังมีปริมาณน้อย หากเทียบกับปริมาณความต้องการของทางบริษัท เพราะมีเพียงไม่กี่สหกรณ์ที่สามารถดำเนินธุรกิจแปรรูปยางขั้นต้นได้เอง


ทั้งนี้ การทำธุรกิจค้าขายระดับเกษตรกร เป็นเรื่องที่สำคัญและต้องศึกษาอย่างละเอียดลึกซึ้ง ในเบื้องต้น จะต้องมีการศึกษาข้อมูลทั้งในระบบการตลาด และการส่งออก ในระยะหนึ่ง เพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือเกษตรกรเพื่อให้มีศักยภาพจากเกษตรกรผู้ผลิต เป็นผู้ขายสินค้า อาทิ การเตรียมความพร้อมของสหกรณ์กองทุนสวนยาง ซึ่งจะต้องผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐาน GMP หรือ ปริมาณยาง จะต้องควบคุมและบริหารจัดการให้มีระดับเพียงพอต่อการส่งออก เป็นต้น










ที่มา : ฐานเศรษฐกิจออนไลน์ (01/07/2557)