ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: ธันวาคม 10, 2015, 04:46:59 PM »ชาวเมืองหมูย่างแห่เลี้ยง ?หมูหลุม? ฟันกำไรงาม ฝ่าวิกฤตราคายาง-เศรษฐกิจตกต่ำ
โดย MGR Online
10 ธันวาคม 2558 15:08 น. (แก้ไขล่าสุด 10 ธันวาคม 2558 16:25 น.)
[/Center]
ด้าน นางวรรณี ช่วยมี เกษตรกรชาวตำบลนาโต๊ะหมิงอีกราย กล่าวถึงข้อดีของการเลี้ยงหมูหลุมว่า จะไม่มีกลิ่นไปรบกวนเพื่อนบ้าน แมลงวันน้อย ไม่มีน้ำเสีย แถมยังได้ปุ๋ยชีวภาพ จึงมีต้นทุนต่ำ กำไรงาม โดยเฉลี่ยแล้วเลี้ยง 1 คอก หมูประมาณ 10 ตัว จะมีกำไรครั้งละ 30,000-40,000 บาท อีกทั้งมูลของหมูหลุมที่เลี้ยงก็สามารถนำมาขายได้ประมาณครั้งละ 10,000 บาทด้วย
ส่วนระยะเวลาในการจับขายได้นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 4 เดือน โดยหมูจะมีน้ำหนักเกือบ 100 กิโลกรัม นำไปจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 150-160 บาท ทำให้ขณะนี้ชาวบ้านในพื้นที่ ต.นาโต๊ะหมิง ส่วนใหญ่ได้หันมารวมกลุ่มกันเลี้ยงหมูหลุมเพิ่มมากขึ้น เพราะเห็นถึงกำไรที่ได้เป็นกอบเป็นกำ ดีกว่าการทำสวนยางพารา หรืออื่นๆ ในช่วงราคาตกต่ำ
[/Center]
ขณะที่ นายนิกร ไพลิน นักวิชาการปฏิบัติการชำนาญการ สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดตรัง กล่าวว่า ทาง ส.ป.ก.ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาทำอาชีพเสริมเลี้ยงครอบครัว โดยการส่งเสริมให้เลี้ยงหมูหลุม เพื่อสร้างรายได้เสริมให้แก่ครอบครัว ซึ่งผลกำไรที่ได้ถือว่าคุมค่า และยังเป็นการลดต้นทุนในการผลิตเป็นอย่างมาก
เนื่องจากหมูหลุม เป็นหมูที่ปลอดสารพิษ และเลี้ยงด้วยวิธีธรรมชาติ โดยไม่มีการฉีดยาเร่งเนื้อแดงแต่อย่างใด ทั้งนี้ หากหมูป่วย หรือท้องเสียจะแก้ด้วยการให้หมูกินใบฝรั่ง หรือกล้วยดิบ เพื่อลดอาการท้องร่วง นอกจากนั้น หมูหลุมยังจำหน่ายได้ราคาดีกว่าหมูอื่นๆ ในท้องตลาด เพราะเป็นหมูที่ปลอดสารพิษ ส่วนหมูชำแหละทั่วไปจะมีราคาเพียงแค่กิโลกรัมละ 100-150 เท่านั้น[/td][/tr][/table][/td][/tr][/table][/td][/tr][/table][/td][/tr][/table][/td][/tr][/table][/td][/tr][/table]
โดย MGR Online
10 ธันวาคม 2558 15:08 น. (แก้ไขล่าสุด 10 ธันวาคม 2558 16:25 น.)
ตรัง - เกษตรกรชาวตำบลนาโต๊ะหมิง อ.เมืองตรัง แห่เลี้ยงหมูหลุมตามแนวทางเกษตรธรรมชาติ ช่วยลดต้นทุน แต่สร้างกำไรให้งดงาม ชี้ดีกว่าทำสวนยางพารา หรืออื่นๆ ในช่วงราคาตกต่ำ วันนี้ (10 ธ.ค.) นางบุญเจือ แก้วสม อยู่บ้านเลขที่ 73/1 หมู่ที่ 6 ต.นาโต๊ะหมิง อ.เมืองตรัง เกษตรกรที่พลิกวิกฤตในช่วงราคายางพาราตกต่ำยุค 3 กิโลกรัม 100 บาท ได้หันมาเลี้ยงหมูหลุมเพื่อลดต้นทุน แต่กลับมีกำไรงดงามหลายเท่าตัว โดยคำแนะนำ และการสนับสนุนจาก ส.ป.ก.ตรัง กศน.อำเภอเมืองตรัง พัฒนาชุมชนตรัง และ ธ.ก.ส.ตรัง ซึ่งหมูหลุมจะเป็นการเลี้ยงตามแนวทางเกษตรธรรมชาติ และเน้นการใช้จุลินทรีย์ ทำให้หมูไม่เครียด อารมณ์ดี มีความต้านทานโรค เนื้อแดงมาก มีไขมันน้อย เมื่อชำแหละแล้วจะมีรสชาติอร่อย ไม่ติดมัน ไม่มีกลิ่นคาว และไม่มีกลิ่นเหม็นรบกวน เนื่องจากอาหารที่ให้หมูกินคือ หยวกหมัก พืชผักนานาชนิด ผสมกับอาหารสำเร็จรูป ส่วนพื้นคอกยังนำไปใช้เป็นปุ๋ยชีวภาพ และปรับปรุงโครงสร้างของดินให้ดีขึ้นอีกด้วย | |||
|
ด้าน นางวรรณี ช่วยมี เกษตรกรชาวตำบลนาโต๊ะหมิงอีกราย กล่าวถึงข้อดีของการเลี้ยงหมูหลุมว่า จะไม่มีกลิ่นไปรบกวนเพื่อนบ้าน แมลงวันน้อย ไม่มีน้ำเสีย แถมยังได้ปุ๋ยชีวภาพ จึงมีต้นทุนต่ำ กำไรงาม โดยเฉลี่ยแล้วเลี้ยง 1 คอก หมูประมาณ 10 ตัว จะมีกำไรครั้งละ 30,000-40,000 บาท อีกทั้งมูลของหมูหลุมที่เลี้ยงก็สามารถนำมาขายได้ประมาณครั้งละ 10,000 บาทด้วย
ส่วนระยะเวลาในการจับขายได้นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 4 เดือน โดยหมูจะมีน้ำหนักเกือบ 100 กิโลกรัม นำไปจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 150-160 บาท ทำให้ขณะนี้ชาวบ้านในพื้นที่ ต.นาโต๊ะหมิง ส่วนใหญ่ได้หันมารวมกลุ่มกันเลี้ยงหมูหลุมเพิ่มมากขึ้น เพราะเห็นถึงกำไรที่ได้เป็นกอบเป็นกำ ดีกว่าการทำสวนยางพารา หรืออื่นๆ ในช่วงราคาตกต่ำ
|
ขณะที่ นายนิกร ไพลิน นักวิชาการปฏิบัติการชำนาญการ สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดตรัง กล่าวว่า ทาง ส.ป.ก.ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาทำอาชีพเสริมเลี้ยงครอบครัว โดยการส่งเสริมให้เลี้ยงหมูหลุม เพื่อสร้างรายได้เสริมให้แก่ครอบครัว ซึ่งผลกำไรที่ได้ถือว่าคุมค่า และยังเป็นการลดต้นทุนในการผลิตเป็นอย่างมาก
เนื่องจากหมูหลุม เป็นหมูที่ปลอดสารพิษ และเลี้ยงด้วยวิธีธรรมชาติ โดยไม่มีการฉีดยาเร่งเนื้อแดงแต่อย่างใด ทั้งนี้ หากหมูป่วย หรือท้องเสียจะแก้ด้วยการให้หมูกินใบฝรั่ง หรือกล้วยดิบ เพื่อลดอาการท้องร่วง นอกจากนั้น หมูหลุมยังจำหน่ายได้ราคาดีกว่าหมูอื่นๆ ในท้องตลาด เพราะเป็นหมูที่ปลอดสารพิษ ส่วนหมูชำแหละทั่วไปจะมีราคาเพียงแค่กิโลกรัมละ 100-150 เท่านั้น[/td][/tr][/table][/td][/tr][/table][/td][/tr][/table][/td][/tr][/table][/td][/tr][/table][/td][/tr][/table]