ผู้เขียน หัวข้อ: หุ้นสหรัฐ,ทองคำรร่วงหนัก/น้ำมันบวกสวนเมื้่อคืนนี้  (อ่าน 676 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82503
    • ดูรายละเอียด

***ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง 15.1 ดอลลาร์ บอนด์ยีลด์พุ่งกดดันตลาด

ข่าวต่างประเทศ Friday March 5, 2021 07:25 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 9 เดือนเมื่อคืนนี้ (4 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเงินเฟ้อ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 15.1 ดอลลาร์ หรือ 0.88% ปิดที่ 1,700.7 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย. 2563

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 92.6 เซนต์ หรือ 3.51% ปิดที่ 25.461 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 46.5 ดอลลาร์ หรือ 3.93% ปิดที่ 1,135.3 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 11.60 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 2,342.80 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร โดยเมื่อคืนนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.541% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.306%

ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) ในการถือครองทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะดึงดูดให้นักลงทุนหันเข้าซื้อพันธบัตร แต่จะเทขายทอง ในการปรับพอร์ตการลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัย

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นหลังจากนายพาวเวลกล่าวว่า การที่สหรัฐกลับมาเปิดเศรษฐกิจ หลังมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ จะทำให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้น

อย่างไรก็ดี นายพาวเวลยืนยันว่า การปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้อดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และยังไม่มีความรุนแรงเพียงพอที่จะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.75% แตะที่ 91.6293 เมื่อคืนนี้



***ดาวโจนส์ปิดร่วง 345.95 จุด ถ้อยแถลงปธ.เฟดดันบอนด์ยีลด์พุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 5, 2021 06:52 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (4 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 1.5% หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตือนว่าสหรัฐอาจเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อหลังเปิดเศรษฐกิจ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,924.14 จุด ร่วงลง 345.95 จุด หรือ -1.11% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,768.47 จุด ลดลง 51.25 จุด หรือ -1.34% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,723.47 จุด ร่วงลง 274.28 จุด หรือ -2.11%

นายพาวเวลกล่าวว่า การที่สหรัฐกลับมาเปิดเศรษฐกิจ หลังมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ จะทำให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้น ขณะเดียวกันนายพาวเวลได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนในตลาดพันธบัตรและภาวะตึงตัวด้านการเงินที่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายของเฟด อย่างไรก็ตาม นายพาวเวลไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการควบคุมความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดพันธบัตร ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ คำเตือนเรื่องเงินเฟ้อของนายพาวเวลยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1.5% เมื่อคืนนี้ ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาด เนื่องจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น จะทำให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจเผชิญเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นในการชำระหนี้

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ดิ่งลง 5.36% หุ้นอินเทล ร่วงลง 2.92% หุ้น Nvidia ดิ่งลง 3.39% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.58% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 1.81%

ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นกว่า 4% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 3.87% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 0.88% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 3.65% หุ้นออคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 4.33%

ข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐเป็นปัจจัยหนุนตลาดในระหว่างวัน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐพุ่งขึ้น 2.6% ในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 2.1% โดยแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของคำสั่งซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 745,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 750,000 ราย

นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติให้ความเห็นชอบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา ก่อนที่จะส่งให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามรับรองเป็นกฎหมาย

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ของสหรัฐซึ่งกระทรวงแรงงานมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนก.พ.จะเพิ่มขึ้น 210,000 ตำแหน่ง


***น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง $2.55 ขานรับซาอุฯเดินหน้าลดการผลิต

ข่าวต่างประเทศ Friday March 5, 2021 07:08 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งเมื่อคืนนี้ (4 มี.ค) ขานรับซาอุดีอาระเบียสมัครใจที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรล/วันต่อไปอีก 1 เดือน ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติคงเพดานการผลิตน้ำมันที่ระดับเดิมไปจนถึงเดือนเม.ย.

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 2.55 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 63.83 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย. 2563

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 2.67 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 66.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ. 2564

ที่ประชุมกลุ่มโอเปกพลัส มีมติคงเพดานการผลิตน้ำมันที่ระดับ 7.2 ล้านบาร์เรล/วันต่อไปจนถึงเดือนเม.ย. ทางด้านซาอุดีอาระเบียสมัครใจที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรล/วันต่อไปอีก 1 เดือน

อย่างไรก็ดี ที่ประชุมโอเปกพลัสได้อนุญาตให้รัสเซียปรับเพิ่มกำลังการผลิต 130,000 บาร์เรล/วันในเดือนเม.ย. และอนุญาตให้คาซัคสถานเพิ่มกำลังการผลิต 20,000 บาร์เรล/วัน เพื่อรองรับความต้องการภายในประเทศ

รายงานระบุว่า ในการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสเมื่อวานนี้ เจ้าชายอับดูลาซิส บิน ซัลมานจากซาอุดีอาระเบีย ได้เรียกร้องให้สมาชิกโอเปกพลัสใช้ความระมัดระวังในการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการผลิตน้ำมัน ท่ามกลางความไม่แน่นอนของอุปสงค์ อันเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19