ผู้เขียน หัวข้อ: (เพิ่มเติม) เงินบาทเปิด 30.93/95 แนวโน้มยังแข็งค่า จากแรงขายดอลล์  (อ่าน 1635 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82651
    • ดูรายละเอียด
(เพิ่มเติม) เงินบาทเปิด 30.93/95 แนวโน้มยังแข็งค่า จากแรงขายดอลล์


 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม 2556 11:16:10 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ระบุว่า เงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 30.93/95 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.07/09 บาท/ดอลลาร์

"ข่าวจากเมื่อคืนที่ประธานเฟดออกมาบอก แม้เนื้อหาจะไม่ได้ต่างจากรอบที่แล้วมากนัก แต่มีแรงขายดอลล์ในช่วงเมื่อคืนเรื่อยมาจนถึงช่วงเช้า พอเปิดตลาดบาทก็เลยหลุด 31 บาท จากนั้นมีการ cut lost กัน บาทแข็งค่าไปค่อนข้างเร็วตอนเช้า โดยแข็งค่าสุด 30.91 บาท แต่จากนั้นก็มีการซื้อดอลล์กลับเข้ามา ล่าสุดเงินบาทอยู่ที่ 31.00 บาท/ดอลลาร์" นักบริหารเงิน กล่าว
     

   
นักบริหารเงิน มองการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้น่าจะไปในทิศทางที่แข็งค่า โดยให้กรอบไว้ที่ 30.90-31.10 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ปัจจัยสำคัญสำหรับวันนี้ยังไม่มีอะไรเด่นชัดมากนัก เป็นเพียงการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯ เท่านั้น

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ 31.0392 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 3M อยู่ที่ 2.25597% และ THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ 2.25438%


* ปัจจัยสำคัญ


- เปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 99.77 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเย็นวานนี้ที่ระดับ 99.63/65 เยน/ดอลลาร์

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3109 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.3154/3156 ดอลลาร์/ยูโร

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 31.0640 บาท/ดอลลาร์

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หวั่นวิกฤตการเงินโลกทำเครดิตคู่สัญญาแย่ลง กระทบต่อฐานะแบงก์ไทย สั่งแบงก์ทำรายงานผลกระทบเพิ่ม หากมีกรณีคู่สัญญามีความเสี่ยงเกิดปัญหาทางการเงินเตรียมความพร้อม อาจเพิ่มเกณฑ์สัดส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์รองรับปัญหาดังกล่าว

-  นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกิตติมศักดิ์ ส???าหอการค้าแห่งประเทศไทย มองเศรษฐกิจครึ่งปีหลังชะลอตัว แนะรัฐบาลไม่ควรออกมาตรการกระตุ้น สร้าง???าระหนี้ประชาชน "กิตติรัตน์" เผยหารือ "ฟิทช์ฯ" แจงโครงการลงทุน 2 ล้านล้าน ปรับสมดุลเศรษฐกิจ ด้านผลการสำรวจนักธุรกิจ พบทัศนคติด้านบวกยังไม่ดีขึ้น

- รัฐบาลปรับเป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยวจากเดิม 2 ล้านล้านบาท ในปี 58 เพิ่มขึ้น 10% เป็น 2.2 ล้านล้านบาท ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เสนอ โดยนายกฯ ได้สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปจัดทำข้อมูลพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเป็น กลุ่ม ว่ากลุ่มใดท่องเที่ยวที่ไหน เลือกซื้อสินค้าและบริการประเ???ทใด ก่อนจัดลำดับความสำคัญและหาแนวทางส่งเสริมได้อย่างเหมาะสม เพราะต้องการให้เกิดรายได้จากการท่องเที่ยวต่อเนื่อง

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้(17 ก.ค.) หลังจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดอาจจะเริ่มชะลอโครงการซื้อพันธบัตร หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ???ายในปีนี้

โดยระบุว่าจะพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจเป็นหลัก หากข้อมูลเศรษฐกิจออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ เฟดก็จะลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรให้เร็วขึ้น แต่หากข้อมูลที่ออกมาไม่สอดคล้องกับการคาดการณ์ เฟดก็อาจจะชะลอการดำเนินการดังกล่าว หรืออาจจะเพิ่มขนาดโครงการซื้อพันธบัตรในเวลานั้น

- ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นเช้านี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับถ้อยแถลงของเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า เฟดจะไม่กำหนดตารางเวลาเกี่ยวกับการลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรเอาไว้ล่วงหน้า

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ร่วงลงเกินคาด อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัดเพราะตลาดได้รับแรงกดดันจากรายงานตัวเลขสร้างบ้านที่ซบเซาของสหรัฐ

โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 48 เซนต์ ปิดที่ 106.48 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ ปิดที่ 108.61 ดอลลาร์/บาร์เรล

- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนมิ.ย.ร่วงลง 9.9% มาอยู่ที่ระดับ 836,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว และตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 960,000 ยูนิต ขณะที่ตัวเลขการอนุญาตสร้างบ้านเดือนมิ.ย.ลดลง 7.5% มาอยู่ที่ระดับ 911,000 ยูนิต ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1 ล้านยูนิต

- แบงก์ ออฟ อเมริกา รายงานว่า กำไรในไตรมาส 2 ปีนี้ ทะยานขึ้น 70% แตะระดับ 3.6 พันล้านดอลลาร์ จากระดับ 2.1 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ปีที่แล้ว เพราะได้แรงหนุนจากการปรับลดต้นทุน นอกจากนี้ ธนาคารยังสามารถปรับลดรายจ่ายลงราว 6% สู่ระดับ 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2

ทั้งนี้ แบงก์ ออฟ อเมริกาได้ปรับโครงสร้างองค์กรและลดจำนวนพนักงานนับตั้งแต่นายไบรอัน มอยนิแฮน เข้าดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารสูงสุดเมื่อต้นปี 53 ยุทธศาสตร์ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การบริหารจัดการของธนาคารเป็นไปอย่างราบรื่น

อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--