ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 31 มกราคม 2566  (อ่าน 97 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82473
    • ดูรายละเอียด

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 260.99 จุด หุ้นเทคโนฯดิ่งฉุดตลาด
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ม.ค. 2566)--ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันจันทร์ (30 ม.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นบริษัทรายใหญ่ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้
          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,717.09 จุด ร่วงลง 260.99 จุด หรือ -0.77%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,017.77 จุด ลดลง 52.79 จุด หรือ -1.30% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,393.81 จุด ดิ่งลง 227.90 จุด หรือ -1.96%
          นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางชั้นนำ 3 แห่งของโลกในสัปดาห์นี้ โดยเฟดจะแถลงผลการประชุมในวันพุธที่ 1 ก.พ.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ 2 ก.พ.ตามเวลาไทย ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้
          นอกจากนี้ ในวันพฤหัสบดีที่ 2 ก.พ.จะเป็นการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) โดยนักวิเคราะห์และนักลงทุนต่างก็คาดการณ์ซ่า ECB และ BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้
          หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง 2.29% และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 1.94% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคขยับขึ้นเพียง 0.07%
          สำหรับหุ้นเทคโนโลยีที่ดิ่งลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ รวมถึงหุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 2.2% หุ้นแอปเปิ้ล ร่วงลง 2.01% หุ้นอัลฟาเบท ดิ่งลง 2.45% หุ้นเมตา แพลตฟอร์ม ร่วงลง 3.08% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ดิ่งลง 3.91%
          หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 2% โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 2.49% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 1.78% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.93%
          หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ดิ่งลง 2.94% หลังจากบริษัทประกาศปรับลดราคารถยนต์
          หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ร่วงลง 3.7% หลังจากมีรายงานว่าศาลสหรัฐได้ปฏิเสธคำร้องของ J&J ที่ต้องการจะใช้วิธียื่นขอล้มละลายเพื่อแก้ไขปัญหาในกรณีที่บริษัทถูกฟ้องร้องเป็นเงินหลายพันล้านดอลลาร์ จากผู้บริโภคซึ่งระบุว่าผลิตภัณฑ์แป้งเด็กของ J&J ซึ่งทำจากแร่ทัลก์ทำให้เกิดโรคมะเร็ง เนื่องจากมีการปนเปื้อนของแร่ใยหินซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง
          นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงแอปเปิ้ล, อัลฟาเบท, แมคโดนัลด์ และเจเนอรัล มอเตอร์
โดย รัตนา พงศ์ทวิช

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดร่วง $1.78 กังวลดบ.ขาขึ้น-รัสเซียส่งออกน้ำมัน
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ม.ค. 2566)--สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันจันทร์ (30 ม.ค.) โดยปรับตัวลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางความกังวลที่ว่าธนาคารกลางชั้นนำของโลก ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากรายงานที่ว่า รัสเซียยังสามารถส่งออกน้ำมันในปริมาณมากแม้ถูกคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก
          ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 1.78 ดอลลาร์ หรือ 2.23% ปิดที่ 77.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 1.76 ดอลลาร์ หรือ 2.03% ปิดที่ 84.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
          สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากในสัปดาห์ที่ผ่านมา สัญญาน้ำมัน WTI ร่วงลง 2.4% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลง 1.1%
          ธนาคารกลางชั้นนำ 3 แห่งของโลกจะประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้ โดยเฟดจะเริ่มประชุมในวันอังคารที่ 31 ม.ค.และจะแถลงผลการประชุมในวันพุธที่ 1 ก.พ.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ 2 ก.พ.ตามเวลาไทย ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้
          นอกจากนี้ ในวันพฤหัสบดีที่ 2 ก.พ.จะเป็นการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) โดยนักวิเคราะห์และนักลงทุนต่างก็คาดการณ์ซ่า ECB และ BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้
          เดนนิส คิสเลอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท BOK Financial กล่าวว่า นักลงทุนยังคงหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เนื่องจากความกังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลง
          สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานที่ว่า รัสเซียยังสามารถส่งออกน้ำมันได้ในปริมาณมาก แม้ถูกสหภาพยุโรปแบนการนำเข้าน้ำมัน และถูกประเทศกลุ่ม G7 ใช้มาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันนำเข้าจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้กรณีที่รัสเซียรุกรานยูเครน
          รายงานระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับเจ้าชายมูฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฏราชกุมารซาอุดีอาระเบีย เพื่อหารือกันเกี่ยวกับความร่วมมือในการรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมันโลก รวมทั้งหารือกันเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการเมือง การค้า เศรษฐกิจและพลังงานระหว่างรัสเซียและซาอุดีอาระเบีย
          การหารือดังกล่าวมีขึ้น ก่อนที่คณะกรรมการร่วมด้านการตรวจสอบระดับรัฐมนตรี (JMMC) ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) จะจัดการประชุมในวันที่ 1 ก.พ. ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า ที่ประชุม JMMC จะมีมติให้โอเปกพลัสคงนโยบายปัจจุบันในการปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงสิ้นปี 2566
โดย รัตนา พงศ์ทวิช

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ $6.4 เหตุดอลล์แข็ง-นลท.ขายทำกำไร
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ม.ค. 2566)--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (30 ม.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และแรงขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
          ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 6.4 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่ 1,939.20 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 11.1 เซนต์ หรือ 0.47% ปิดที่ 23.733 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 3.8 ดอลลาร์ หรือ 0.37% ปิดที่ 1,020.6 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 28.30 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 1,628 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาทองคำได้รับปัจจัยลบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.35% แตะที่ระดับ 102.2850 เมื่อคืนนี้
          ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
          จิม วิคคอฟฟ์ นักวิเคราะห์จาก Kitco.com กล่าวว่า อีกหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดราคาทองคำอ่อนแรงลงเมื่อคืนนี้ คือการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ติดต่อกัน 6 สัปดาห์ ซึ่งถือเป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2563
          นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางชั้นนำ 3 แห่งของโลกในสัปดาห์นี้ โดยเฟดจะแถลงผลการประชุมในวันพุธที่ 1 ก.พ.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ 2 ก.พ.ตามเวลาไทย ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้
          นอกจากนี้ ในวันพฤหัสบดีที่ 2 ก.พ.จะเป็นการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) โดยนักวิเคราะห์และนักลงทุนต่างก็คาดการณ์ซ่า ECB และ BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้
โดย รัตนา พงศ์ทวิช