แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Rakayang.Com

หน้า: 1 ... 4067 4068 [4069] 4070 4071 ... 5507
61021

วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อราคายาง
วันพฤหัสบดี ที่ 30 เมษายน 2558
ปัจจัย
วิเคราะห์   
1.   สภาพอากาศ
 
- กระแสลมตะวันตกเคลื่อนจากภาคเหนือมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศลาว ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้ และอ่าวไทย   เข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเกิดขึ้น บางแห่ง ภาคใต้มีเมฆเป็นบางส่วนมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง   ๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่
 
2.การใช้ยาง
 
- สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น(JAMA)รายงานวันนี้ว่า ยอดการผลิตรถยนต์ภายใน   ประเทศลดลงร้อยละ 3.2   ในปีงบการเงิน 2014 สู่ระดับ 9,590,644 คัน ซึ่งเป็นการลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี   ขณะที่ภาคเอกชนลดการใช้จ่าย หลังการปรับขึ้นภาษีบริโภค หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)   จากร้อยละ 5 สู่ร้อยละ 8 ในเดือนเมษายนปีที่แล้วอย่างไรก็ดี การผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็กประเภท 660   cc เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 สู่ระดับ 1,812,335 คัน ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลในปี 1966   เนื่องจากผู้บริโภคหันไปซื้อรถยนต์ขนาดเล็กที่มีราคาถูก และประหยัดน้ำมันส่วนการผลิตรถยนต์นั่งโดยรวมลดลงร้อยละ 4.2 สู่ระดับ 8,087,895 คัน   ขณะการผลิตรถบรรทุกเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 สู่ระดับ 1,364,229 คัน และการผลิตรถบัสเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5  สู่ระดับ 138,520 คัน
 
3.เศรษฐกิจโลก
 
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกสำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวม ภายในประเทศ   (จีดีพี) ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ โดยระบุว่ามีการขยายตัวเพียงร้อยละ 0.2 เทียบกับระดับร้อยละ 2.2 ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว และร้อยละ 5 ในไตรมาส 3 การชะลอตัวเกิดจากการที่ภาคธุรกิจลดการลงทุน ขณะที่การส่งออกดิ่งลง และผู้บริโภคลดการใช้จ่าย นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า จีดีพีมีการขยายตัวร้อยละ 1.0 ในไตรมาสแรก
-สมา พันธ์อุตสาหกรรมอังกฤษ (CBI) เปิดเผยยอดค้าปลีกร่วงลงสู่ระดับ 12 ในเดือนเมษายน จาก 18 ในเดือนมีนาคม ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 25 ตัวเลขคาดการณ์ยอดขายในช่วง 1 เดือนข้างหน้า   ดีดตัวแตะ 40 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน จากเดิมที่ 21
- คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ   (เฟด) ลงมติในการประชุมเมื่อวานนี้ ด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยในช่วงร้อยละ 0-0.25 ต่อไป ขณะที่ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับกำหนดการในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
 
4.อัตราแลกเปลี่ยน
 
- เงินบาทอยู่ที่ 32.91 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ   อ่อนค่าลง 0.26 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ
- เงินเยนอยู่ที่ 118.93 เยนต่อดอลล่าร์สหรัฐ อ่อนค่าลง   0.10 เยนต่อดอลล่าร์สหรัฐ
 
5.ราคาน้ำมัน
 
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาด Nymex ส่งมอบเดือนมิถุนายน ปิดตลาดที่ 58.58 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.52 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ   (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง   รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในปีนี้
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือนมิถุนายน ปิดที่ 65.84 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล   เพิ่มขึ้น 1.2 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล
 
6.การเก็งกำไร
 
- ราคาตลาด TOCOM   ส่งมอบเดือนพฤษภาคม อยู่ที่ 213.6   เยนต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 0.8 เยนต่อกิโลกรัม   และส่งมอบเดือนกันยายน อยู่ที่ 216.8 เยนต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 1.0 เยนต่อดอลล่าร์สหรัฐ
- ราคตลาด SICOM   เปิดตลาดที่ 178.1 เซนต์สหรัฐต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 0.6 เซนต์สหรัฐต่อกิโลกรัม
 
7.ข่าว
 
- คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปจีน (NDRC)   เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าจีนมีผลกำไรทั้งสิ้น 1.813 หมื่นล้านหยวนในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงร้อยละ 36 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ   (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้วทั้งนี้ สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 490.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล
 
8.ข้อคิดเห็นของผู้ประกอบการ
 
- ราคายางทรงตัวหรือเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย   เนื่องจากผลผลิตยางมีน้อย ประกอบกับเงินบาทอ่อนค่า   อย่างไรก็ตามการถามซื้อจากต่างประเทศมีน้อย และยังคงขายออกยาก
 
 

 แนวโน้ม ราคายางปรับตัวสูงขึ้นเช่นเดียวกับราคายางตลาดล่วงหน้าต่างประเทศ และมีปัจจัยบวกจากผลผลิตยางที่ออกสู่ตลาดน้อย การอ่อนค่าของเงินเยนและเงินบาท ประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากปริมาณสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ (EIA) ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในปีนี้ อย่างไรก็ตามอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะส่งผลกระทบต่อราคายางในระยะนี้



ทีมวิเคราะห์สำนักงานตลาดกลางยางพาราสงขลา

61022

ราคาประมูลแผ่นรมควัน : ตลาดสงขลา 54.19 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น 0.51 บาท/กก.   ปริมาณยาง   59,900 กก.
รายละเอียดการประมูลยางแผ่นรมควันประจำวัน พฤหัสฯ ที่ 30  เมษายน  2558


ยางแผ่นรมควันชั้น 3
ตลาดกลางประมูลยางหาดใหญ่ (สงขลา) 54.19 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น 0.51 บาท/กก.  ผู้ชนะประมูล บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) มือรอง 53.89 บาท/กก.  ผู้ประมูล กลุ่มเกษตรกรทำสวนธารน้ำทิพย์มือรองกับมือได้ต่างกัน0.30บาท  ปริมาณยาง   59,900 กก.   ปริมาณยาง   เพิ่มขึ้น37300กก. จากช่วงเช้าก่อนหน้านี้ มีผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมด 6 ราย


ตลาดกลางประมูลยางสุราษฯ(โคออฟ) (ไม่มีปริมาณยาง)


ตลาดกลางประมูลยางนครศรีฯ(จันดี) 53.59 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น 0.47 บาท/กก.  ผู้ชนะประมูล กลุ่มเกษตรกรทำสวนธารน้ำทิพย์ มือรอง 53.15 บาท/กก.  ผู้ประมูล บริษัท ทองไทย เอ.เอส. จำกัดมือรองกับมือได้ต่างกัน0.44บาท  ปริมาณยาง   14,400 กก.   ปริมาณยาง   ลดลง-54200กก. จากช่วงเช้าก่อนหน้านี้ มีผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมด 5 ราย


รวมปริมาณยางแผ่นรมควันชั้น 1-3 นน.74,300กก.ปริมาณยางวันนี้ ลดลง -20,900 กก. จากวันก่อนหน้านี้


ส่วนราคาเฉลี่ยยางแผ่นรมควันคุณภาพดีวันนี้ 53.89 บาท/กก. ราคาเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 0.49 บาท/กก. จากวันก่อนหน้านี้

ยางแผ่นรมควันชั้น 4
ตลาดกลางประมูลยางหาดใหญ่ (สงขลา) 53.49 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น 0.52 บาท/กก.  ผู้ชนะประมูล บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) มือรอง 53.48 บาท/กก.  ผู้ประมูล กลุ่มเกษตรกรทำสวนธารน้ำทิพย์มือรองกับมือได้ต่างกัน0.01บาท  ปริมาณยาง   16,358 กก.   ปริมาณยาง   เพิ่มขึ้น14598กก. จากช่วงเช้าก่อนหน้านี้ มีผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมด 7 ราย


ตลาดกลางประมูลยางสุราษฯ(โคออฟ)(ไม่มีปริมาณยาง)


ตลาดกลางประมูลยางนครศรีฯ(จันดี) 52.12 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น 0.35 บาท/กก.  ผู้ชนะประมูล กลุ่มเกษตรกรทำสวนธารน้ำทิพย์ มือรอง 52.00 บาท/กก.  ผู้ประมูล บริษัท ทองไทย เอ.เอส. จำกัดมือรองกับมือได้ต่างกัน0.12บาท  ปริมาณยาง   323 กก.   ปริมาณยาง   ลดลง-2287กก. จากช่วงเช้าก่อนหน้านี้ มีผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมด 5 ราย


รวมปริมาณยางแผ่นรมควันชั้น 4 นน.16,681กก.ปริมาณยางวันนี้ เพิ่มขึ้น 12,311 กก. จากวันก่อนหน้านี้


ยางแผ่นรมควันชั้น 5
ตลาดกลางประมูลยางหาดใหญ่ (สงขลา) 53.07 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น 0.30 บาท/กก.  ผู้ชนะประมูล กลุ่มเกษตรกรทำสวนธารน้ำทิพย์ มือรอง 52.81 บาท/กก.  ผู้ประมูล หจก.เอกพล คลองแงะมือรองกับมือได้ต่างกัน0.26บาท  ปริมาณยาง   1,547 กก.   ปริมาณยาง   เพิ่มขึ้น1547กก. จากช่วงเช้าก่อนหน้านี้ มีผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมด 6 ราย


ตลาดกลางประมูลยางสุราษฯ(โคออฟ) (ไม่มีปริมาณยาง)




ตลาดกลางประมูลยางนครศรีฯ(จันดี) 51.82 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น 0.30 บาท/กก.  ผู้ชนะประมูล กลุ่มเกษตรกรทำสวนธารน้ำทิพย์ มือรอง 51.53 บาท/กก.  ผู้ประมูล บมจ.ไทยฮั้วยางพารา จำกัดมือรองกับมือได้ต่างกัน0.29บาท  ปริมาณยาง   0 กก.   ปริมาณยาง   ลดลง-4690กก. จากช่วงเช้าก่อนหน้านี้ มีผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมด 4 ราย


รวมปริมาณยางแผ่นรมควันชั้น 5 นน.1,547กก.ปริมาณยางวันนี้ ลดลง -3,143 กก. จากวันก่อนหน้านี้

ยางแผ่นรมควันชั้น ฟอง
ตลาดกลางประมูลยางหาดใหญ่ (สงขลา) 52.67 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น 0.60 บาท/กก.  ผู้ชนะประมูล กลุ่มเกษตรกรทำสวนธารน้ำทิพย์ มือรอง 52.41 บาท/กก.  ผู้ประมูล หจก.เอกพล คลองแงะมือรองกับมือได้ต่างกัน0.26บาท  ปริมาณยาง   2,366 กก.   ปริมาณยาง   ลดลง-2304กก. จากช่วงเช้าก่อนหน้านี้ มีผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมด 6 ราย


ตลาดกลางประมูลยางสุราษฯ(โคออฟ) (ไม่มีปริมาณยาง)


ตลาดกลางประมูลยางนครศรีฯ(จันดี) 51.82 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น 0.30 บาท/กก.  ผู้ชนะประมูล กลุ่มเกษตรกรทำสวนธารน้ำทิพย์ มือรอง 51.53 บาท/กก.  ผู้ประมูล บมจ.ไทยฮั้วยางพารา จำกัดมือรองกับมือได้ต่างกัน0.29บาท  ปริมาณยาง   4,802 กก.   ปริมาณยาง   ลดลง-11628กก. จากช่วงเช้าก่อนหน้านี้ มีผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมด 4 ราย


รวมปริมาณยางแผ่นรมควันชั้น ฟอง7,168กก.ปริมาณยางวันนี้ ลดลง -13,932 กก. จากวันก่อนหน้านี้


ยางแผ่นรมควันชั้น คัทติ้ง
ตลาดกลางประมูลยางหาดใหญ่ (สงขลา) 43.89 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น 0.78 บาท/กก.  ผู้ชนะประมูล หจก.เอ็น.พี.อาร์.รับเบอร์ มือรอง 43.31 บาท/กก.  ผู้ประมูล กลุ่มเกษตรกรทำสวนธารน้ำทิพย์มือรองกับมือได้ต่างกัน0.58บาท  ปริมาณยาง   1,044 กก.   ปริมาณยาง   เพิ่มขึ้น534กก. จากช่วงเช้าก่อนหน้านี้ มีผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมด 5 ราย


ตลาดกลางประมูลยางสุราษฯ(โคออฟ) (ไม่มีปริมาณยาง)


ตลาดกลางประมูลยางนครศรีฯ(จันดี) 43.09 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น 0.40 บาท/กก.  ผู้ชนะประมูล ร้านกบการยาง มือรอง 43.07 บาท/กก.  ผู้ประมูล กลุ่มเกษตรกรทำสวนธารน้ำทิพย์มือรองกับมือได้ต่างกัน0.02บาท  ปริมาณยาง   3,427 กก.   ปริมาณยาง   เพิ่มขึ้น1977กก. จากช่วงเช้าก่อนหน้านี้ มีผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมด 5 ราย


รวมปริมาณยางแผ่นรมควันชั้นคัทติ้ง 4,471กก.ปริมาณยางวันนี้ เพิ่มขึ้น 2,511 กก. จากวันก่อนหน้านี้


สรุปรวมปริมาณยางแผ่นรมควันทุกชนิดยาง104,167 กก.ปริมาณยางวันนี้ ลดลง -23,153 กก. จากวันก่อนหน้านี้


ตลาดกลางยางพาราราคายางซื้อขายที่ตลาดกลาง (บาท /กก.)ปริมาณยางซื้อขายที่
Rubber MarketPrice ( Baht/KG .)ตลาดกลาง (กก.)
ชั้น 1-3ชั้น 4ชั้น 5ชั้น ฟองชั้น CuttingQuantity ( KG. )
สงขลา54.1953.4953.0752.6743.8961,500
Songkhla
สุราษฎร์ธานี------
Suratthani
นครศรีธรรมราช53.5952.1251.8251.8243.0914,000
NakornSrithammarat
ยะลา ------
Yala
บุรีรัมย์------
Burirum
หนองคาย------
Nongkhai

จัดทำโดย ทีมงาน www.rakayang.net

61023

รายละเอียดการประมูลยางแผ่นดิบ ตลาดเอกชนประจำวัน พฤหัสฯ ที่ 30  เมษายน  2558


ตลาดประมูลยางพาราขุนทะเล สุราษฯ(ป1) 51.09 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น 0.30 บาท/กก.  ผู้ชนะประมูล ภาษีรับเบอร์ มือรอง 50.99 บาท/กก.  ผู้ประมูล เอ.เอ.รับเบอร์ มือรองกับมือได้ต่างกัน 0.10บาท  ปริมาณยาง   30,000 กก.   ปริมาณยาง ลดลง-2,000กก. จากช่วงเช้าก่อนหน้านี้- ราย


      ขุนทะเล(ป2) 50.09 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น 0.30 บาท/กก.  ผู้ชนะประมูล ภาษีรับเบอร์ มือรอง 49.99 บาท/กก.  ผู้ประมูล เอ.เอ.รับเบอร์ มือรองกับมือได้ต่างกัน 0.10บาท  ปริมาณยาง   0 กก.   ปริมาณยาง ลดลง-2,000กก. จากช่วงเช้าก่อนหน้านี้- ราย
    
ตลาดประมูลยางพาราโกชุม (จ.สฎ)50.66 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น 0.37 บาท/กก.  ผู้ชนะประมูล ส.พารา มือรอง 50.57 บาท/กก.  ผู้ประมูล สุดใจ มือรองกับมือได้ต่างกัน 0.09บาท  ปริมาณยาง   60,000 กก.   ปริมาณยาง เพิ่มขึ้น27,000กก. จากช่วงเช้าก่อนหน้านี้- ราย


ตลาดประมูลยางพาราอบต.บ้านส้อง(จ.สฎ)50.59 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น 0.30 บาท/กก.  ผู้ชนะประมูล ภูผา มือรอง 50.40 บาท/กก.  ผู้ประมูล เมืองใหม่การยาง มือรองกับมือได้ต่างกัน 0.19บาท  ปริมาณยาง   16,000 กก.   ปริมาณยาง ลดลง-4,000กก. จากช่วงเช้าก่อนหน้านี้- ราย


ตลาดประมูลยางพาราสินปุน (จ.สฎ)50.75 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น 0.30 บาท/กก.  ผู้ชนะประมูล เอส.ทีการเกษตร มือรอง 50.67 บาท/กก.  ผู้ประมูล วีรับเบอร์ มือรองกับมือได้ต่างกัน 0.08บาท  ปริมาณยาง   12,000 กก.   ปริมาณยาง ลดลง-1,000กก. จากช่วงเช้าก่อนหน้านี้- ราย


ตลาดประมูลยางพารากลุ่มบ้านนาราช (จ.สฎ)50.59 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น 0.70 บาท/กก.  ผู้ชนะประมูล เฉลิม มือรอง 50.49 บาท/กก.  ผู้ประมูล ชัยยุทธ มือรองกับมือได้ต่างกัน 0.10บาท  ปริมาณยาง   5,000 กก.   ปริมาณยาง ลดลง-10,000กก. จากช่วงเช้าก่อนหน้านี้- ราย


ตลาดประมูลยางพาราธนา ละแม(จ.ชุมพร) ยังไม่มีราคา - ราย


ยางแผ่นดิบตลาดเอกชน
ตลาดประมูลเอกชนราคายางซื้อขายที่ตลาดเอกชน (บาท /กก.) ปริมาณยางซื้อขายที่
Rubber Market ในตลาด (กก.)
แผ่นดิบคุณภาพคละส่วนต่างแผ่นดิบคุณภาพชั้น2ส่วนต่าง Quantity ( KG. )
ตลาดจริงจิตร(ขุนทะเล)51.090.3050.090.30    30,000.00
ตลาดโกชุม50.660.37     60,000.00
ตลาดอบต.(บ้านส้อง)50.590.30     16,000.00
ตลาดสินปุ่น50.750.30     12,000.00
ตลาดนาราช50.590.70       5,000.00
หมายเหตุ
ยางแผ่นดิบ ปิดประมูลเวลา 10.30 น. ยางแผ่นรมควัน เวลา 11.00 น.


จัดทำโดย ทีมงาน www.rakayang.net

61024

ราคาประมูลแผ่นดิบ : ตลาดสงขลา 51.18 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น 0.70บาท/กก.  ปริมาณยาง   22,300 กก.
รายละเอียดการประมูลยางแผ่นดิบตลาดกลางประจำวัน พฤหัสฯ ที่ 30  เมษายน  2558


ยางแผ่นดิบคุณภาพดี(USS)
ตลาดกลางประมูลยางหาดใหญ่ (สงขลา) 51.18 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น 0.70บาท/กก. ผู้ชนะประมูล กลุ่มเกษตรกรทำสวนธารน้ำทิพย์ มือรอง 50.90 บาท/กก.  ผู้ประมูล หจก.เอ็น.พี.อาร์.รับเบอร์  มือรองกับมือได้ต่างกัน  0.28บาท  ปริมาณยาง   22,300 กก.   ปริมาณยาง เพิ่มขึ้น21900กก. จากช่วงเช้าก่อนหน้านี้ มีผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมด 7 ราย


ตลาดกลางประมูลยางสุราษฯ(โคออฟ) 51.79 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น 0.24บาท/กก. ผู้ชนะประมูล ร้านหนองขรีการยาง มือรอง 51.13 บาท/กก.  ผู้ประมูล นายวุฒินันท์ ปาลคะเชนทร์  มือรองกับมือได้ต่างกัน  0.66บาท  ปริมาณยาง   11,500 กก.   ปริมาณยาง เพิ่มขึ้น9500กก. จากช่วงเช้าก่อนหน้านี้ มีผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมด 3 ราย


ตลาดกลางประมูลยางนครศรีฯ(จันดี) 50.89 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น 0.32บาท/กก. ผู้ชนะประมูล แอล.ที.การยาง มือรอง 50.87 บาท/กก.  ผู้ประมูล กลุ่มเกษตรกรทำสวนธารน้ำทิพย์  มือรองกับมือได้ต่างกัน  0.02บาท  ปริมาณยาง   33,400 กก.   ปริมาณยาง เพิ่มขึ้น9200กก. จากช่วงเช้าก่อนหน้านี้ มีผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมด 8 ราย


รวมปริมาณยางแผ่นดิบคุณภาพดีทั้ง3ตลาด  67,200กก.ปริมาณยางวันนี้ เพิ่มขึ้น 40,600 กก. จากวันก่อนหน้านี้


ส่วนราคาเฉลี่ยยางแผ่นดิบคุณภาพดีวันนี้ 51.29 บาท/กก. ราคาเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 0.42 บาท/กก. จากวันก่อนหน้านี้

ยางแผ่นดิบความชื้น 3-5%
ตลาดกลางประมูลยางหาดใหญ่ (สงขลา) 50.67 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น 0.55บาท/กก. ผู้ชนะประมูล กลุ่มเกษตรกรทำสวนธารน้ำทิพย์ มือรอง 50.55 บาท/กก.  ผู้ประมูล บริษัท เซาท์อีสต์รับเบอร์ จำกัด  มือรองกับมือได้ต่างกัน  0.12บาท  ปริมาณยาง   9,776 กก.   ปริมาณยาง เพิ่มขึ้น4876กก. จากช่วงเช้าก่อนหน้านี้ มีผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมด 8 ราย


ตลาดกลางประมูลยางสุราษฯ(โคออฟ) 50.79 บาท/กก.  ราคาลดลง -0.06บาท/กก. ผู้ชนะประมูล ร้านหนองขรีการยาง มือรอง 50.63 บาท/กก.  ผู้ประมูล นายวุฒินันท์ ปาลคะเชนทร์  มือรองกับมือได้ต่างกัน  0.16บาท  ปริมาณยาง   0 กก.   ปริมาณยาง ลดลง-1100กก. จากช่วงเช้าก่อนหน้านี้ มีผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมด 2 ราย


ตลาดกลางประมูลยางนครศรีฯ(จันดี) 50.55 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น 0.66บาท/กก. ผู้ชนะประมูล #REF! มือรอง 50.17 บาท/กก.  ผู้ประมูล แอล.ที.การยาง  มือรองกับมือได้ต่างกัน  0.38บาท  ปริมาณยาง   205 กก.   ปริมาณยาง เพิ่มขึ้น205กก. จากช่วงเช้าก่อนหน้านี้ มีผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมด 6 ราย


รวมปริมาณยางแผ่นดิบความชื้น 3-5% ทั้ง3ตลาด  9,981กก.ปริมาณยางวันนี้ เพิ่มขึ้น 3,981 กก. จากวันก่อนหน้านี้


ยางแผ่นดิบความชื้น 5-7%
ตลาดกลางประมูลยางหาดใหญ่ (สงขลา) 50.57 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น 0.68 บาท/กก.  ผู้ชนะประมูล กลุ่มเกษตรกรทำสวนธารน้ำทิพย์ มือรอง 50.31 บาท/กก.  ผู้ประมูล หจก.เอ็น.พี.อาร์.รับเบอร์  มือรองกับมือได้ต่างกัน 0.26บาท  ปริมาณยาง   14,870 กก.   ปริมาณยาง เพิ่มขึ้น8270กก. จากช่วงเช้าก่อนหน้านี้ มีผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมด 7 ราย


ตลาดกลางประมูลยางสุราษฯ(โคออฟ) 49.63 บาท/กก.  ราคาเพิ่มขึ้น- บาท/กก.  ผู้ชนะประมูล นายวุฒินันท์ ปาลคะเชนทร์มือรอง ไม่มี  ปริมาณยาง   661 กก.   ปริมาณยาง เพิ่มขึ้น1กก. จากช่วงเช้าก่อนหน้านี้ มีผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมด 1 ราย


ตลาดกลางประมูลยางนครศรีฯ(จันดี)  วันนี้ไม่มียาง


รวมปริมาณยางแผ่นดิบความชื้น 5-7% ทั้ง3ตลาด  15,531กก.ปริมาณยางวันนี้ เพิ่มขึ้น 8,271 กก. จากวันก่อนหน้านี้


สรุปรวมปริมาณยาง ทั้ง 3 ชนิด (คุณภาพดี+ชื้น3-5%+ชื้น5-7%) 92,712 กก.ปริมาณยางวันนี้ เพิ่มขึ้น 52,852 กก. จากวันก่อนหน้านี้

ราคาน้ำยาง ณ โรงงาน(เฉลี่ย)
น้ำยางหาดใหญ่ 50.00 บาท ราคาเพิ่มขึ้น 1.00 บาท


วันที่ 30 เมษายน 2558
Date : April 30, 2015
ยางแผ่นดิบ (USS)
ตลาดกลางยางพาราราคาซื้อขายที่ตลาดกลางยางพารา (บาท/กก.) ปริมาณซื้อขายที่ตลาดกลางยางพารา (กก.) น้ำยางสด
Rubber MarketPrice ( Baht/KG .)Quantity ( KG. )Field
ยางแผ่นดิบยางแผ่นดิบยางแผ่นดิบยางแผ่นดิบยางแผ่นดิบยางแผ่นดิบยางแผ่นดิบยางแผ่นดิบยางแผ่นดิบยางแผ่นดิบLatex
คุณภาพดีความชื้น ความชื้น ความชื้น ความชื้น คุณภาพดีความชื้น ความชื้น ความชื้น ความชื้น
(USS)3-5%5-7%7-10%10-15%(USS)3-5%5-7%7-10%10-15%
สงขลา51.1850.6750.57--22,3004,6007,300---
Songkhla
สุราษฎร์ธานี51.7950.7949.63--11,500-----
Suratthani
นครศรีธรรมราช50.8950.55---33,000200----
NakornSrithammarat
ยะลา -----------
Yala
บุรีรัมย์-----------
Burirum
หนองคาย-----------
Nongkhai


จัดทำโดย ทีมงาน www.rakayang.net


61025
กลยุทธ์แก้ปัญหายางพาราแบบยั่งยืน ซีพีเสนอตัวผลิตสร้างถนนแทนคอนกรีต


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์29 เมษายน 2558 18:12 น.

นักวิชาการ-เอกชน-ภาคอุตสาหกรรม เสนอแนวทางการแก้ปัญหายางพาราอย่างยั่งยืน ด้วยการปฏิรูปยางพาราทั้งระบบตั้งแต่ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ ชี้ทางรอดในการช่วยเกษตรกรไปจนถึงภาคอุตสาหกรรม ขณะที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ สร้างต้นแบบการทำอุตสาหกรรม ?ยางพารา? แบบครบวงจร แจงหากรัฐหนุนพร้อมผลิตยางพารามาสร้างถนนแทนที่การระเบิดหินสร้างถนนคอนกรีต ได้นับพันกิโลเมตร เตรียมก้าวสู่เป้าหมายตั้งโรงงานผลิตยางรถยนต์ส่งออกทั่วโลก
       
        ยางพารา เป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทยแต่ต้องพบชะตากรรมจากการที่มี ยักษ์ใหญ่ 2 ประเทศคือ จีน และอเมริกา เป็นผู้กำหนดราคา และท่ามกลางราคายางที่ตกต่ำติดต่อกันมานาน ซึ่งรัฐบาลหลายๆ ยุคหลายสมัยที่เข้ามาบริหารก็พยายามหาทางออก แต่สุดท้ายปัญหานี้ก็ยังคงค้างคามาจนถึงปัจจุบัน
       
        ดังนั้นปัญหายางพาราจึงตกทอดมาถึงรัฐบาล คสช. ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เร่งแก้ปัญหาด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งที่เป็นการแก้ปัญหาแบบเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วน ด้วยโครงการชดเชยรายได้แก่เกษตรกรชาวสวนยางไร่ละ 1,000 บาท ตลอดจนการหาทางออกในการปฏิรูปยางเพื่อแก้ปัญหาในระยะยาวภายใต้โรดแมป 16 โครงการ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะพัฒนายางทั้งระบบด้วย 4 แนวทาง คือ 1.ลดผลผลิต (Supply) 2. การเพิ่มสภาพคล่อง 3. การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการตลาด 4.การเพิ่มการใช้ยางในประเทศ
       
        อย่างไรก็ดี เวทีสัมมนาวาระประเทศไทย ?อนาคตยางพาราไทย วิกฤตหรือโอกาส? ที่มีตัวแทนนักวิชาการ คือ ผศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผอ.ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และตัวแทนภาคเอกชน คือ นายขุนศรี ทองย้อย รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และนายบุญหาญ อู่อุดมยิ่ง ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมระดมความคิดพร้อมเสนอแนวทางในการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราไทยให้เดินหน้า ไปในอนาคตได้แบบยั่งยืนนั้น มี 11 แนวทาง ประกอบด้วย
       
        ข้อ 1 ภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมต้องปรับยุทธศาสตร์ใหม่ หันมาพัฒนาการแปรรูปในประเทศให้มากขึ้น ไม่พึ่งพาการส่งออกอย่างเดียว โดยเฉพาะการนำยางมาเป็นวัตถุดิบในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อใช้ในประเทศให้มากขึ้น



กลยุทธ์แก้ปัญหายางพาราแบบยั่งยืน ซีพีเสนอตัวผลิตสร้างถนนแทนคอนกรีต

ข้อ 3   หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ หรือกระทรวงอุตสาหกรรม ต้องทำงานเชื่อมโยงกัน เพื่อไปสู่เป้าหมายพัฒนาการแปรรูปยางพาราในประเทศให้มากขึ้น
       
        ข้อ 4 เสนอรัฐบาลให้ดึงตลาดขายยางพาราล่วงหน้าจากประเทศสิงคโปร์มาที่ประเทศไทย และให้มีการซื้อ-ขายและส่งมอบจริง
       
        ข้อ 5 รัฐจะต้องส่งเสริมและผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางผลิตรถยนต์อันดับ 1 ในอาเซียนต่อไป
       
        ข้อ 6 รัฐต้องออกนโยบายจำกัดโรงงานแปรรูปขั้นกลาง จากยางพาราสู่ยางแผ่นให้เป็นธุรกิจเฉพาะคนไทยเท่านั้น เช่นเดียวกับโรงสีข้าว
       
        ข้อ 7   การลงทุนของต่างชาติ ต้องลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษหรือให้เฉพาะกรณีที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเท่านั้น


กลยุทธ์แก้ปัญหายางพาราแบบยั่งยืน ซีพีเสนอตัวผลิตสร้างถนนแทนคอนกรีต

ข้อ 8   รัฐต้องดูแลเกษตรกรเรื่องเงินทุน โดยให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อและมีบริษัทน่าเชื่อถือรับความเสี่ยง
       
        ข้อ 9 ส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานให้ผู้ประกอบการลงทุนห้องทดสอบศึกษาวิจัยและพัฒนา เพื่อเป็นการสร้างมาตรฐานที่ดีให้ยางพาราไทย ทั้งในด้านการลดต้นทุน และเพิ่มศักยภาพการผลิต
       
        ข้อ 10 เสนอให้รัฐบาลวางยุทธศาสตร์ในการพัฒนายางพาราอย่างชัดเจน เนื่องเพราะภาคเอกชนจะดำเนินการฝ่ายเดียวไม่ได้
       
        ข้อ 11   ในส่วนของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การยางแห่งประเทศไทย ต้องส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีขีดความสามารถในการแข่งขัน


กลยุทธ์แก้ปัญหายางพาราแบบยั่งยืน ซีพีเสนอตัวผลิตสร้างถนนแทนคอนกรีต

หนุนใช้ยางพาราในประเทศ เพิ่มขึ้น
       
        ผศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ กล่าวถึงที่มาของการเสนอปรับยุทธศาสตร์หาทางออกให้ยางพาราไทย ซึ่งถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ 1 ใน 10 ของประเทศนั้น มาจากข้อมูลในปี 2557 พบว่ามูลค่าการส่งออกยางพาราของประเทศไทยร่วงมาอยู่ที่อันดับ 3 และมีเพียง 1.9 แสนล้านบาท ขณะที่ผลิตภัณฑ์ยางพาราของไทยทรงตัว โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 2.5 แสนล้านบาท ดังนั้นการหาทางออกจึงมุ่งไปที่เพิ่มสัดส่วนการใช้ยางในประเทศให้มากขึ้น และที่สำคัญคือ ลดการพึ่งพาการส่งออกที่ยังมองไม่เห็นอนาคต
       
        ?ตัวเลขของการส่งออกยางพาราของไทยในปีที่ผ่านมามีการส่งออกมากถึง 87.2 % และใช้ในประเทศเพียง 12.8% เท่านั้น นั่นหมายถึงเรากำลังนำอนาคตของยางพาราไทยไปเสี่ยงไว้กับจีน สหรัฐฯ ให้เป็นผู้กำหนดราคา?
       
        ด้านภาคเอกชนรายใหญ่ที่เข้ามาปักธงในธุรกิจยางพาราอย่าง ซีพี ได้ตอบรับยุทธศาสตร์นี้ พร้อมเสนอว่าหากรัฐบาลสนับสนุนอย่างชัดเจน บริษัทก็เตรียมพร้อมจะเดินหน้าโปรเจกต์นำยางพารามาใช้ในรูปแบบต่างๆ นับตั้งแต่ทำถนน กรวยจราจร ตลอดจนถึงลู่กีฬา ลู่วิ่งและสนามเด็กเล่น
       
        ด้านสภาอุตสาหกรรมซึ่งมีบทบาทในการขับเคลื่อนให้มีการแปรรูปยางพารา ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ นั้น ก็เห็นด้วยกับแนวทางการนำยางพารามาใช้ในประเทศ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความชัดเจนของภาครัฐเอง 'บุญหาญ อู่อุดมยิ่ง' กล่าวถึงจุดเปลี่ยนที่ประเทศไทยกำลังจะมี พ.ร.บ.การยางฯ ว่า หากข้อกฏหมายฉบับนี้ไม่ได้ระบุถึงการส่งเสริมเพิ่มขีดความสามารถทางการเเข่ง ขันให้กับผู้ประกอบการนั้น ก็มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้นักลงทุนหนีไปลงทุนที่ประเทศอื่น ซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้ตัวเลขการผลิตและใช้ยางพาราในประเทศไม่เติบโตตามเป้า หมายที่วางไว้ [/color]
กลยุทธ์แก้ปัญหายางพาราแบบยั่งยืน ซีพีเสนอตัวผลิตสร้างถนนแทนคอนกรีต

ขณะที่นายขุนศรี ทองย้อย รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า การทำถนนหากใช้คอนกรีตต้องระเบิดภูเขา ซึ่งไม่สามารถสร้างใหม่ได้ แต่หากส่งเสริมให้ใช้ยางพาราแทนที่คอนกรีตจะมีปริมาณไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านตัน โดยการทำถนน 1,000 กม. จะใช้ยางพาราปริมาณ 3,000 ตัน และการผลิตกรวยจราจร 3 ล้านกรวย จะใช้ยางพารา 3,000 ตัน
       
        ทั้งนี้ รัฐบาลต้องส่งเสริมราคาทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ อย่างเหมาะสมเป็นธรรม หน่วยราชการ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ หรือกระทรวงอุตสาหกรรม ต้องทำงานเชื่อมโยงกัน พัฒนาการแปรรูปในประเทศให้มากขึ้น ไม่พึ่งปริมาณการส่งออกอย่างเดียว แต่หันมาใช้ในประเทศด้วย
       
        สำหรับการสร้างศักยภาพ และโอกาสการแข่งขันให้ยางพาราไทยในตลาดอาเซียนนั้น หากมีการส่งเสริมด้านพัฒนาการผลิตและการตลาด โดยเฉพาะการใช้จุดแข็งในเรื่องการมียางสายพันธ์ุที่ดี และการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลผลิตที่มีคุณภาพต่อไร่ให้มากขึ้นนั้น เชื่อว่าจะสามารถรักษาความเป็นเบอร์ 1 ของผู้ผลิตยางพาราของโลก ซึ่งในวันนี้ประเทศอินโดนีเซียกำลังไล่ตามมาติดๆแล้ว รวมถึงดึงตลาดขายยางพาราล่วงหน้าจากประเทศสิงคโปร์มาอยู่ที่ไทย และเปิดให้มีการซื้อ-ขาย และส่งมอบจริง ตลอดจนส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางผลิตรถยนต์อันดับ 1 ในอาเซียนต่อไป
       
       
ซีพีต้นแบบอุตสาหกรรม ?ยางพารา? แบบครบวงจร
       
        สำหรับเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี เป็นกรณีตัวอย่างของการสะท้อนมุมมองผู้ประกอบการที่มีพืชเศรษฐกิจ ?ยางพารา? เป็นอุตสาหกรรมแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยเฉพาะการวางนโยบายให้ยางพาราเป็น 1 ใน 5 ธุรกิจหลักของกลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร
       
        จุดเริ่มต้นที่ซีพีลงทุนตั้งโรงงานแปรรูปยาง ที่อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ซึ่งถือเป็นโซนที่มีการปลูกยางมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยที่นี่มีศูนย์เรียนรู้เพื่อเป็นพี่เลี้ยงช่วยเกษตรกรชาวสวนยาง ทั้งในเรื่องการใช้พันธุ์ยางที่ดี มีต้นกล้ายางจำหน่ายให้กับเกษตรกรด้วย และยังให้คำปรึกษาในการปลูกและการดูแลใช้ปุ๋ย ระบบน้ำ และการกรีดยางอย่างไรถูกวิธี ทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ตลอดจนมีผลผลิตสูงต่อไร่ต่อปี
       
        ส่วนตัวอย่างของการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมยางพารา ที่ซีพีต่อยอดจากการตั้งโรงงานนำร่องมาสู่ธุรกิจกลางน้ำ และปลายน้ำนั้น คือ การจับมือร่วมกันระหว่างภาครัฐ - เอกชน - เกษตรกร ที่จะช่วยฝ่าวิกฤตราคายางพาราตกต่ำได้อย่างยั่งยืน โดยจับมือกับหน่วยงานของภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานกองทุนสวนยาง ธ.ก.ส. และสหกรณ์การเกษตร โดยซีพีได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้าไปช่วยชาวสวนยาง ในด้านการพัฒนาการผลิตและการตลาดยางก้อนถ้วยคุณภาพ โดยรับซื้อยางก้อนถ้วยจากเกษตรกรในรัศมี 30 กิโลเมตร เรียกได้ว่าเป็นการแปรรูปยางที่ให้ความสำคัญกับการเพิ่มมูลค่าให้ยางพารา รวมถึงได้ผลผลิตน้ำยางที่มีคุณภาพและมีปริมาณเพิ่มขึ้นอีกด้วย
       
        แผนในอนาคต หลังจากที่มีการตั้งโรงงานแปรรูปยางแล้ว ซีพีวางแผนเตรียมขยายธุรกิจยางพาราโดยเตรียมจะตั้งโรงงานผลิตยางรถยนต์เพื่อ ใช้ในประเทศและส่งออกอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นปลายน้ำของอุตสหกรรมยางพาราแบบเต็มตัว เพราะการใช้ยางพาราในตลาดโลกนั้นนำมาผลิตยางล้อรถยนต์มากถึงร้อยละ 70
       
       
[/size]โอกาส-อุปสรรคการส่งออกยางพารา
       
        ด้าน ผศ.ดร.อัทธ์ กล่าวถึงสถานการณ์ยางพาราในตลาดโลก ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญต่อการกำหนดยุทธศาสตร์ยางของประเทศไทย ว่า ปริมาณการใช้ยางธรรมชาติของ 4 ประเทศหลักๆ คือ จีน อเมริกา ยุโรป และอินเดีย คิดเป็นร้อยละ 60 ของปริมาณยางทั่วโลก ซึ่งโอกาสในการเติบโตหลักๆ นั้นมาจากการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ในแต่ละประเทศ
[/size]
กลยุทธ์แก้ปัญหายางพาราแบบยั่งยืน ซีพีเสนอตัวผลิตสร้างถนนแทนคอนกรีต

ทั้งนี้จากตัวเลขการใช้ยางพาราที่ผ่านมานั้น ประเทศจีนถือเป็นประเทศที่มีการใช้ยางพารารายใหญ่ที่สุดในโลก เฉลี่ย 6 ปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 35 ของปริมาณการใช้ยางพาราทั่วโลก และร้อยละ 70 ของยางรถยนต์จีนผลิตจากยางพาราต่างประเทศ และอีกโอกาสที่กำลังจะเกิดขึ้นคือ เป้าหมายการผลิตรถยนต์ประเภทต่างๆ ให้ได้จำนวน 40 ล้านคันต่อปีของประเทศอินเดียนั้น เป็นที่มาของการส่งเสริมให้มีการปลูกยางพาราในประเทศ โดย 3 ประเทศ คือ อินเดีย จีน และสหรัฐอเมริกา คือ ประเทศที่ผลิตรถยนต์มากที่สุด และต้องการยางพารามาใช้ในอุตสาหกรรมนี้สูงถึงร้อยละ 70 ซึ่งถือเป็นโอกาสที่สำคัญของอนาคตยางพาราของประเทศไทยด้วยเช่นกัน


กลยุทธ์แก้ปัญหายางพาราแบบยั่งยืน ซีพีเสนอตัวผลิตสร้างถนนแทนคอนกรีต

 นับว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ที่กำลังเฟื่องฟูในประเทศต่างๆ นั้น ก็ทำให้หลายๆประเทศในอาเซียนก็มองเห็นโอกาสนี้ด้วย โดยเฉพาะการเพิ่มพื้นที่การปลูกยางพารา ทั้งนี้จากข้อมูลพื้นที่การปลูกยางพาราในอาเซียน ประเทศที่ติดอันดับ 1 คือ อินโดนีเซีย มีพื้นที่ 22 ล้านไร่ และในปี 2563 อินโดนีเซียตั้งเป้าหมายจะขยายพื้นที่ปลูกให้ได้เป็น 25 ล้านไร่ ตามมาเป็นอันดับ 2 คือ ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกยางพารา 20.7 ล้านไร่ ส่วนอันดับ 3 และ 4 คือ ประเทศจีน 7.1 ล้านไร่ และมาเลเซีย 6 ล้านไร่ อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานนี้ประเทศจีนมีการขยายพื้นที่การปลูกยางพาราเพื่อ รองรับการเติบโตที่รวดเร็วของอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยเพิ่มพื้นที่ภายในประเทศ และเพิ่มการลงทุนธุรกิจยางพาราในต่างประเทศ เช่น ลาว กัมพูชา และเวียดนาม


กลยุทธ์แก้ปัญหายางพาราแบบยั่งยืน ซีพีเสนอตัวผลิตสร้างถนนแทนคอนกรีต

 ? เมื่อหันมาดูยุทธศาสตร์ขยายพื้นที่ปลูกยางพาราของไทยตั้งแต่ปี 2542-2556 จากเดิมมีพื้นที่การปลูกยางทั้งหมด 12 ล้านไร่ เพิ่มเป็น 20 ล้านไร่ หรือเฉลี่ยปีละ 5 แสนไร่ โดยปัญหาที่ผ่านมาพบปัญหายังไม่สามารถเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้ได้ตามเป้าหมาย ที่วางไว้ จะส่งเสริมให้เพิ่มผลผลิตได้ 300 กก.ต่อไร่ แต่ผลผลิตจริงๆ ทำได้เพียง 257 กก.ต่อไร่เท่านั้น? ผศ.ดร.อัทธ์กล่าวทิ้งท้าย
 


61026
กนง.หั่นดอกเบี้ยกู้ ศก. 

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -30 เม.ย. 58 7:35: น.


** แถลงปลดล็อคเงินไหลออกวันนี้-คลังลดจีดีพีเหลือ3.7%

            บอร์ดนโยบายการเงิน(กนง.)ทำเซอร์ไพรส์ ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 1.50% เป็นการหั่นลงติดต่อกัน2 ครั้งในรอบ 4 เดือน สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจไทยอ่อนแอกว่าคาด พร้อมเตรียมออกมาตรการผ่อนคลายเงินทุนไหลออก แถลงวันนี้ หวังกดบาทอ่อนกระตุ้นส่งออก ส่วน 10 มิ.ย.นี้ส่งสัญญาณปรับลดเป้าจีดีพี หลังคาดโตไม่ถึงเป้าเดิมที่ 3.8% ด้าน สศค. นำร่องหั่นจีดีพีเหลือโต 3.7%จากเดิม 3.9% ขณะที่ส่งออกลดเหลือโต 0.2% จาก 1.4%

*** กนง.ลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 1.5%


            นายเมธี สุภาพงษ์ เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.เปิดเผย ผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)วันนี้ว่า ที่ประชุมมีมติ 5 ต่อ 2เสียงให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% จาก 1.75% เหลือ 1.50% ต่อปี โดยมีผลทันที เนื่องจากคณะกรรมการเห็นว่า เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ในการประชุมครั้งก่อน แม้การเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐเพิ่มขึ้น การท่องเที่ยวมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง แต่ไม่เพียงพอที่จะชดเชยการส่งออกสินค้าและการบริโภคภาคเอกชนที่อ่อนแรงกว่าที่คาดการณ์
ไว้มาก
            ?สำหรับการลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ยอมรับว่าส่งผลดีต่ออัตราแลกเปลี่ยน และเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อภาคการส่งออกด้วย แต่ยืนยันว่าอัตราดอกเบี้ยคงไม่ได้เป็นปัจจัยหลักในการสนับสนุนการส่งออกทั้งหมด ?นายเมธี กล่าว

            อนึ่ง ประเด็นที่คณะกรรมการฯ ให้ความสำคัญในการตัดสินนโยบาย มีดังนี้ เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวในอัตราที่ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อน แม้การเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐที่ทาได้เพิ่มขึ้นและการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มดีต่อเนื่องช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจ แต่ไม่เพียงพอที่จะชดเชยการส่งออกสินค้าและการบริโภคภาคเอกชนที่อ่อนแรงกว่าคาดมากในไตรมาสที่ 1 นอกจากนี้ ในระยะข้างหน้าภาคการส่งออกมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และโครงสร้างการค้าโลกและภูมิภาคที่เปลี่ยนแปลงโดยคู่ค้าหลักมีการพึ่งพาการนาเข้าลดลง รวมทั้งจากแรงกดดันจากอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ การหดตัวของการส่งออกอาจส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนและการบริโภคภาคครัวเรือนอ่อนแอลงตามกาลังซื้อและความเชื่อมั่นที่ลดลง
            แรงกดดันเงินเฟ้อลดต่ำลงสอดคล้องกับอุปสงค์ในระบบเศรษฐกิจที่มีน้อยกว่าคาด ขณะที่ต้นทุนโดยเฉพาะราคาน้ามันอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง ซึ่งทาให้ความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะติดลบต่อเนื่องเพิ่มสูงขึ้นและการคาดการณ์เงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับลดลง ในการตัดสินนโยบาย คณะกรรมการฯ เสียงส่วนใหญ่ประเมินว่านโยบายการเงินควรผ่อนคลายเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภาวะที่มีความเสี่ยงด้านต่าเพิ่มขึ้น ตลอดจนดูแลการคาดการณ์เงินเฟ้อของประชาชนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม คณะกรรมการฯ เสียงส่วนน้อยเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ เนื่องจากการดาเนินนโยบายการเงินที่ผ่านมามีส่วนช่วยให้ภาวะการเงินผ่อนคลายมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับขีดความสามารถในการดาเนินนโยบายการเงินเพิ่มเติมมีจากัด ขณะที่แรงขับเคลื่อนด้านการคลังที่มากขึ้นจะช่วยพยุงเศรษฐกิจได้ส่วนหนึ่ง จึงเห็นควรให้รอประเมินผลต่อเศรษฐกิจและเสถียรภาพการเงินก่อนที่จะดาเนินนโยบายเพิ่มเติม ในระยะต่อไป คณะกรรมการฯ จะดำเนินนโยบายการเงินเพื่อดูแลให้ภาวะการเงินอยู่ในระดับที่ผ่อนคลายเพียงพอในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจะติดตามพัฒนาการทางเศรษฐกิจการเงินของไทยและใช้เครื่องมือเชิงนโยบายที่มีอยู่อย่างเหมาะสมต่อไป

*** 10 มิ.ย.นี้ หั่นเป้าจีดีพีโตไม่ถึง 3.8%


            นายเมธี กล่าวว่า ในวันที่ 10 มิถุนายน 2558 ธปท.จะแถลงตัวเลขการปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ลงจากปัจจุบันที่ 3.8% และปรับตัวเลขการส่งออกที่ปัจจุบันคาดการณ์ส่งออกเติบโต 0.8% นอกจากนี้ ยังจะปรับตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้ลงด้วย จากเดิมคาดอยู่ที่ 0.2%
            อนึ่ง การประชุม กนง.ครั้งที่ 4 ของปีนี้ จะจัดขึ้นในวันพุธที่ 10 มิถุนายน 2558 และจะมีการแถลงรายงานรายงานนโยบายการเงินในวันที่ 19 มิถุนายน 2558
            อย่างไรก็ตาม ในระยะข้างหน้า มองว่าภาคการส่งออกมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และโครงสร้างการค้าโลกและภูมิภาคที่เปลี่ยนอปลงโดยคู่ค้าหลักมีการพึ่งพาการนำเข้าลดลง รวมทั้งจากแรงกดดันจากอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ การหดตัวของการส่งออกอาจส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนและการบริโภคภาคครัวเรือนอ่อนแอลงตามกำลังซื้อและความเชื่อมั่นที่ลดลง
            ส่วนสถานการณ์เงินเฟ้อลดต่ำลงสอดคล้องกับอุปสงค์ในระบบเศรษฐกิจที่มีน้อยกว่าคาด ขณะที่ต้นทุนโดยเฉพาะราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะติดลบต่อเนื่องเพิ่มสูงขึ้น ตามการคาดการณ์เงินเฟ้อที่มีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้คณะกรรมการเริ่มเห็นความเสี่ยงของภาวะเงินฝืด เนื่องจากเห็นการชะลอตัวของราคาสินค้าเริ่มกระจายตัวมากขึ้น นอกเหนือจากราคาน้ำมันตัวเดียวเท่านั้น ซึ่ง กนง.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

*** แถลงมาตรการผ่อนคลายเงินทุนไหลออกวันนี้


            นายเมธี กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.จะประกาศมาตรการเงินทุนเคลื่อนย้ายนั้น ในพรุ่งนี้ (30 เม.ย.)ธปท.จะแถลงมาตรการผ่อนคลายเงินทุนไหลออก ซึ่งเป็นไปตามแผนแม่บทเงินทุนเคลื่อนย้ายที่ ธปท.มีอยู่แล้ว แต่จะเป็นการผ่อนคลายเพิ่มเติมจากหลักเกณฑ์ที่มีอยู่ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยดูแลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน หลังจากที่ผ่านมาเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้าและคู่แข่งด้านการส่งออก
            ธปท.มองว่าขณะนี้ รัฐบาลไม่สามารถจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้เต็มที่ ดังนั้น จึงต้องหวังพึ่งภาคเอกชนให้เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ดี เห็นว่ารัฐบาลมีความพยายามในการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนต่างๆ อย่างมาก ซึ่งหากรัฐบาลทำได้ดีและรวดเร็วก็น่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาคเอกชน และส่งผลให้เกิดการลงทุนใหม่เพิ่มขึ้นตามมา ซึ่งก็จะถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
            ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจปี 59 นั้น เชื่อว่ายังสามารถขยายตัวในระดับที่พอใช้ได้ แต่การฟื้นตัวคงจะไม่เร็วอย่างที่คาด และคงไม่สามารถหวังว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัวอยู่ในระดับปกติได้ในระยะเวลาอันรวดเร็วนัก
            อนึ่ง เวลา 11.00 น.วันนี้ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธปท.จะแถลงข่าวเรื่องการผ่อนคลายเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ


*** สศค.นำร่องลดเป้าจีดีพปีนี้เหลือโต 3.7% ลดเป้าส่งออกเหลือโต 0.2%

            นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค.เปิดเผยว่า สศค.ปรับลดประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ของไทยปี 58 ลงเหลือ 3.7% (ช่วงการคาดการณ์ 3.2-4.2%)จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.9% เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงอ่อนแอ ความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศและอัตราแลกเปลี่ยน และแนวโน้มของการปรับลดลงของราคาน้ำมันและราคาสินค้าเกษตร สำหรับจีดีพีไตรมาสแรกที่ผ่านมาขยายตัวได้ 3.2%
            นอกจากนี้ ยังได้ปรับลดประมาณการส่งออกลงเหลือโต 0.2% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 1.4% ด้านการนำเข้าคาดว่าจะติดลบ 0.2% จากเดิมที่ 4% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้ปรับลดลงจากปีก่อนเล็กน้อยมาอยู่ที่ 0.2% ตามแนวโน้มการปรับลดลงของราคาน้ำมันดิบและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตและค่าขนส่งสินค้าในประเทศ ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะอยู่ที่ 1.3%

*** แบงก์มองบวกต่อภาคส่งออกเล็กน้อย

            นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) หรือ KBANK กล่าวว่า การลดดอกเบี้ยของ กนง.0.25% จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น โดยเฉพาะภาคการส่งออก เพราะการลดดอกเบี้ยช่วยเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนไม่ให้แข็งค่าจนเกินไป หากเทียบกับสกุลเยน และ สกุลยูโร สำหรับมุมมองสินเชื่อของธนาคารไม่ได้ขึ้นกับการปรับลดดอกเบี้ย แต่เป็นการลดภาระของลูกหนี้ที่เป็นผู้กู้ได้
            "ดอกเบี้ยแบงก์จะปรับลงตามหรือไม่ต้องรอการประชุมของคณะกรรมการอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้กำลังปรึกษาหารือกันอยู่"นายปกรณ์ กล่าว

            นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโสสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า การปรับลดดอกเบี้ยรอบนี้จะช่วยเศรษฐกิจได้มากเพียงใดนั้น ขอมองว่า ช่วยผู้ประกอบการในประเทศได้ไม่มาก ช่วยได้บ้างแต่จำกัด เพราะปัจจัยหลักๆของผู้ประกอบการคือ รอการลงทุนภาครัฐ ขณะที่ดอกเบี้ยในประเทศนั้นต่ำอยู่แล้ว แทบจะต่ำสุดในภูมิภาค ส่วนธนาคารพาณิชย์เองก็ระวังในการปล่อยสินเชื่อเพราะห่วงหนี้เสีย
            อย่างไรก็ตาม การปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ กนง.สร้างความแปลกใจให้ตลาด เนื่องจากปรับลดดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด เดิมที่สำนักวิจัยฯ คาดว่าหลังจาก กนง.ปรับลดดอกเบี้ยเมื่อวันที่ 11 มี.ค.58 จะได้เห็น กนง.ปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมรอบหน้าวันที่ 10 มิ.ย.58 เพื่อรอดูการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1 ในวันที่ 18พ.ค.58 เสียก่อน โดยสำนักวิจัยฯ คาดว่าจีดีพีไตรมาส 1 น่าจะโตได้ 3.3% YoY แต่เป็นตัวเลขที่ไม่น่ายินดี เพราะหากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ)เป็นตัวเลขติดลบ ดังนั้น สำนักวิจัยฯประเมินว่าการเติบโตของเศรษฐกิจจะไม่ใช่ U shape ไม่ใช่ V shape และไม่ใช่ L shape แต่อาจเป็น W shape
            โดยจีดีพีรูป W shape เป็นการตกต่ำแบบ 2 ครั้งติดๆกัน (double dips) หรือภาวะ technical recession โดยครั้งนี้เกิดจากปัญหารายได้ภาคเกษตรตกต่ำ หนี้ครัวเรือนสูง และความเชื่อมั่นทั้งการลงทุนและการบริโภคไม่ได้เร่งตัวขึ้น ทำให้การใช้จ่ายหยุดชะงัก ภาคเอกชนรอการลงทุนภาครัฐ แรงส่งต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจทั้งไตรมาส 1 ลากยาวไปถึง ไตรมาส 2 อาจยังไม่มา
            อย่างไรก็ดี การที่ กนง.ประกาศปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ลงไปเหลือ 1.50% เมื่อวันที่ 29 เม.ย.58 น่าจะเป็นเพราะผู้ทรงคุณวุฒิของ ธปท.ทั้งคนนอกและคนในเห็นตรงกันว่าไม่สามารถรอได้ เพราะการส่งผ่านนโยบายต้องใช้เวลา ถ้ารอตัวเลขจีดีพีประกาศออกมาก่อนอาจไม่ทันการณ์ จึงต้องลดดอกเบี้ยในรอบนี้


*** SET ปิดลบ 9.06 จุด เมิน กนง.หั่นดอกเบี้ย

            ด้านบรรยากาศการซื้อขายของตลาดหุ้นไทย วานนี้ เปิดตลาดภาคบ่าย ดัชนีฯ ยังคงผันผวนในแดนลบต่อเนื่องจากช่วงเช้า แม้ กนง.จะเซอไพรส์ตลาดด้วยการปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ซึ่งการปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าว น่าจะส่งผลบวกต่อตลาดรวม แต่ตลาดกลับไม่ตอบรับข่าวอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งน่าจะมาจากความกังวลต่อทิศทางเศรษฐกิจไทย หลังจากที่ กนง.ได้ปรับลดดอกเบี้ยลงเป็นครั้งที่สองในการประชุม 3ครั้งของปีนี้ โดยปรับลงครั้งละ 0.25%เพื่อเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือ ที่จะช่วยกระตุ้นภาคส่งออก ซึ่งเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจ
            SET Index ปิดทำการวันนี้ที่ 1522.47 จุด ลดลง 9.06 จุด หรือ 0.59% มูลค่าการซื้อขาย 4.29 หมื่นล้านบาท โดยระหว่างวันปรับลงไปลึกสุดที่ระดับ 1513.42 จุด และปรับขึ้นไปแตะระดับสูงสุดของวันที่ 1529.29 จุด





เรียบเรียง โดย ประน้อม บุญร่วม                  อีเมล์. reporter@efinancethai.com


61027
เฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ คงดบ.ที่ 0-0.25% และไม่ส่งสัญญาณที่ชัดเจนในการปรับขึ้นดบ.ในอนาคต


สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -30 เม.ย. 58 8:08: น.

รายงานข่าวจากต่างประเทศ เปิดเผยว่า วานนี้ (29 เม.ย.58) คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลงมติในการประชุมด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 0-0.25% ต่อไป ขณะที่ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับกำหนดการในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
?? ทั้งนี้ ในแถลงการณ์หลังการประชุม เฟดได้ระบุว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาสแรกเกิดจากปัจจัยชั่วคราว และเฟดจำเป็นต้องใช้เวลาในการสร้างความมั่นใจต่อการคาดการณ์เกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งหมายความว่าความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปีนี้ได้ลดน้อยลง
?? ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกสำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ โดยระบุว่ามีการขยายตัวเพียง 0.2% เทียบกับระดับ 2.2% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว และ 5% ในไตรมาส 3 การชะลอตัวดังกล่าวเกิดจากการที่ภาคธุรกิจลดการลงทุน ขณะที่การส่งออกดิ่งลง และผู้บริโภคลดการใช้จ่าย
?? นอกจากนี้เฟดยังระบุว่า ถึงแม้การขยายตัวและการจ้างงานได้ชะลอลง แต่เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมามีการขยายตัวปานกลาง และตลาดแรงงานจะปรับตัวดีขึ้นจากการที่เฟดใช้นโยบายที่ผ่อนคลายอย่างเหมาะสม พร้อมกับย้ำว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ต่อเมื่อเฟดมีความเชื่อมั่นว่าภาวะเงินเฟ้อจะปรับตัวกลับสู่ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด และตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวขึ้น
?? โดยแถลงการณ์เฟดระบุว่า กรรมการเฟดมองว่าความเสี่ยงต่อแนวโน้มมีความสมดุล ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเฟดไม่ได้มีความวิตกต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสแรกนอกจากนี้ เฟดยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะยังคงขยายตัวในระดับปานกลาง และเงินเฟ้อจะค่อยๆปรับตัวกลับขึ้นสู่ระดับ 2%




เรียบเรียง โดย สุรเมธี มณีสุโข  
                อีเมล์. suramatee@efnancethai.com

61028
ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ 32.91-32.92 บาท/ดอลล์ แนวโน้มอ่อนค่า จับตามาตรการเงินทุนของ ธปท.


นักค้าเงินจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) หรือ KBANK กล่าวว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ 32.91-32.92 จากปิดตลาดเมื่อวานที่ 32.80-32.87 บาท/ดอลล์ โดยปัจจัยวันนี้ที่ต้องติดตาม คือ การแถลงนโยบายมาตราการเงินทุนของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)



??โดยให้กรอบการเคลื่อนไหววันที่ที่ 32.90-33.33 บาท/ดอลล์


ที่มา ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย     วันที่   30/04/15   เวลา   9:06:01

61029
สรุปข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศและในประเทศ 30/04/58


สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -30 เม.ย. 58 7:43: น.


สรุปข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
                ? กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการครั้งแรกสำหรับ GDP ในไตรมาสแรกจะขยายตัวเพียง 0.2% เทียบกับ 2.2% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว เนื่องจากการชะลอตัวของการลงทุนในภาคธุรกิจ การส่งออก และการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง
                ? ธนาคารกลางสวีเดน มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ติดลบ 0.25% และประกาศแผนซื้อพันธบัตรเพิ่มเติมอีก 4-5 หมื่นล้านโครเนอร์ เพื่อสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นสู่เป้าหมายที่ 2%
                ? รัฐบาลกรีซ เร่งสรุปร่างแผนปฏิรูปประเทศซึ่งรวมถึงแผนปฏิรูปภาษีเพื่อขอรับเงินช่วยเหลืออีก 7.2 พันล้านยูโร โดยต้องนำเสนอต่อคณะผู้แทนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และกรรมาธิการยุโรป หากรัฐบาลกรีซไม่ได้รับความช่วยเหลือครั้งนี้ จะทำให้เงินสดสำรองอยู่ในระดับต่ำจนเป็นอันตรายและอาจพ้นจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน
                ? ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรของเยอรมันในเดือน มี.ค. ขยายตัวเพิ่มขึ้น 4% เทียบรายปี โดยยอดสั่งซื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 6% และคำสั่งซื้อในประเทศเพิ่มขึ้น 1% เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินยูโรทำให้สินค้าจากเยอรมนีมีราคาถูกลง
                ? ราคาบ้านในอังกฤษประจำเดือน มี.ค.ปรับเพิ่มขึ้น 5.2% จากปีที่แล้ว โดยเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 10 เดือน เนื่องจากคาดการณ์ว่าการเลือกตั้งในสัปดาห์หน้าอาจส่งผลต่อความต้องการที่อยู่อาศัย
                ? สมาคมเหล็กและแร่เหล็กของจีน รายงานว่า ผลผลิตเหล็กดิบในช่วงไตรมาสแรกปรับตัวลง 1.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 200.1 ล้านตัน โดยมีสาเหตุมาจากอุปสงค์ที่อ่อนตัวในภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการควบคุมกำลังผลิตส่วนเกินของรัฐบาลจีน
                ? คณะรัฐมนตรีจีน อนุมัติโครงการนักลงทุนสถาบันต่างชาติที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับการใช้สกุลเงินหยวน(RQFII) ให้กับลักเซมเบิร์ก โดยโครงการนี้จะช่วยสนับสนุนการค้าระดับทวิภาคีและระดับโลกของจีน
                ? ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เร่งการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งสอดคล้องกับมาตรการอัดฉีดเงินลงทุนสำหรับโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคในจังหวังต่างๆ ทั้งนี้ได้ตั้งเป้าการขยายตัว GDP มากกว่า 7% ในช่วง 5 ปี จากปัจจุบัน
 
สรุปข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
                ? คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% เป็น 1.50% เนื่องจากประเมินว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ากว่าคาด โดยเฉพาะการส่งออกและการบริโภคที่อ่อนตัวลงในไตรมาสแรก อีกทั้งการส่งออกยังมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการค้าโลก
                ? สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดว่า เศรษฐกิจไทยในปี 58 มีแนวโน้มขยายตัวได้ 3.7% ต่อปี หรืออยู่ในช่วง 3.2-4.2 % จากเดิมคาดการณ์เติบโตที่ 3.9% เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจเติบโตช้ากว่าคาดและการส่งออกฟื้นตัวช้า แต่ทั้งนี้มองเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นจากการลงทุนของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ
                ? ธปท. เตรียมแถลงมาตรการผ่อนคลายเงินทุนไหลออกเพิ่มเติมหลังจากที่ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้าและคู่แข่งด้านการส่งออก โดยคาดหวังว่าการส่งออกจากภาคเอกชนจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย
                ? รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ไทยกำลังเตรียมแก้ปัญหากรณีสหภาพยุโรป(EU) ให้ใบเหลืองสินค้าประมงไทย โดยจะเดินทางไปชี้แจงกับผู้นำเข้าใน EU ในเดือน พ.ค.นี้
                ? SET Index ปิดที่ 1,522.47 จุด ลดลง -9.06 จุด (-0.59%) มูลค่าการซื้อขาย 43,378.28 ล้านบาท ดัชนีอ่อนตัวลงเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค แม้ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% เหลือ 1.50% แต่ตลาดยังคงกังวลกับภาพการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวช้า
                ? อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยเปลี่ยนแปลงอยู่ในช่วง 0.00% ถึง +0.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 146,870 ล้านบาท สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุ 91 วัน 182 วัน และ 1 ปี มูลค่ารวม 109,000 ล้านบาท

สรุปยอดสุทธิการซื้อขายของแต่ละกลุ่ม (29 เม.ย. 58)
กลุ่มนักลงทุน                 ล้านบาท
นักลงทุนสถาบัน          +563.94
บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ -997.50
นักลงทุนต่างชาติ       -2,909.99
นักลงทุนทั่วไป          +3,343.55
 
ที่มา : Good Morning News บลจ.บัวหลวง
เรียบเรียง โดย ประน้อม บุญร่วม  
                อีเมล์. reporter@efinancethai.com


61030

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ


สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 30 เมษายน 2558 07:38:12 น.
ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 29 เม.ย.2558

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 เม.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับกำหนดการในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกของสหรัฐขยายตัวน้อยกว่าการคาดการณ์


ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,035.53 จุด ลดลง 74.61 จุด หรือ -0.41% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,023.64 จุด ลดลง 31.78 จุด หรือ -0.63% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,106.85 จุด ลดลง 7.91 จุด หรือ -0.37%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (29 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลต่อรายงานที่ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกของสหรัฐขยายตัวน้อยกว่าการคาดการณ์
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 2.21% ปิดที่ 397.30 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,946.28 จุด ลดลง 84.25 จุด หรือ -1.20% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันที่ 11,432.72 จุด ร่วงลง 378.94 จุด หรือ -3.21% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,039.39 จุด ลดลง 133.99 จุด หรือ -2.59%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงแตะระดับเกือบต่ำสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อคืนนี้ (29 เม.ย.) นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากที่เคลื่อนไหวอย่างผันผวน
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 84.25 จุด หรือ 1.20% ปิดที่ 6,946.28 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 เม.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 1.52 ดอลลาร์ ปิดที่ 58.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 1.2 ดอลลาร์ ปิดที่ 65.84 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำปรับตัวลงไม่มากนัก เนื่องจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาสแรกของสหรัฐขยายตัวน้อยกว่าคาด ซึ่งช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนจำนวนหนึ่งเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 3.9 ดอลลาร์ หรือ 0.32% ปิดที่ระดับ 1,210 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 7.2 เซนต์ ปิดที่ 16.702 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 2.9 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,161.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 3.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 784.75 ดอลลาร์/ออนซ์

-- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (29 เม.ย.) เนื่องจากตัวเลขประมาณการครั้งแรกสำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ขยายตัวต่ำกว่าคาด ขณะที่แถลงการณ์หลังการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1114 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0979 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5430 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5337 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 119.01 เยน เทียบกับระดับ 118.87 เยน และลดลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9397 ฟรังก์ จาก 0.9542 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8033 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8015 ดอลลาร์

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 18,035.53 จุด                           ลดลง 74.61 จุด      -0.41%
ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,023.64 จุด                          ลดลง 31.78 จุด      -0.63%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,106.85 จุด                          ลดลง 7.91 จุด       -0.37%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,946.28 จุด                        ลดลง 84.25 จุด      -1.20%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,432.72 จุด                            ลดลง 378.94 จุด     -3.21%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,039.39 จุด                          ลดลง 133.99 จุด     -2.59%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,853.83 จุด                            ลดลง 103.00 จุด     -1.03%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,142.63 จุด                          ลดลง 5.04 จุด       -0.23%
ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,818.20 จุด               ลดลง 103.30 จุด     -1.74%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,838.60 จุด                  ลดลง 109.90 จุด     -1.85%
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 4,476.62 จุด                       เพิ่มขึ้น 0.40 จุด      +0.01%
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,825.47 จุด                   ลดลง 61.10 จุด      -0.77%
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 28,400.34 จุด                             ลดลง 42.41 จุด      -0.15%
ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,105.56 จุด             ลดลง 136.60 จุด     -2.61%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,842.93 จุด                        ลดลง 12.13 จุด      -0.65%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,842.93 จุด                        ลดลง 12.13 จุด      -0.65%
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 27,225.93 จุด                          ลดลง 170.45 จุด     -0.62%


อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--



61031
ชาวสวนปาล์มทุกข์ราคาร่วงต่ำสุดในรอบ 10 ปี


27 เม.ย. 58 15.53 น.
ที่มา INN


นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com
 
 ชาวสวนปาล์มทุกข์หนัก ราคาร่วงต่ำสุดในรอบ 10 ปี ราคา 2.7 บาทต่อกิโลกรัม จี้รัฐบาลเร่งแก้

จาก ภาวะราคาผลปาล์มน้ำมันที่ตกต่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดลานเทรับซื้อจากเกษตรกรรายย่อย 2.7 บาทต่อกิโลกรัม ตกต่ำสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่โรงงานรับ ซื้ออยู่ที่ 3-3.50 บาทต่อกิโลกรัม ส่งผลให้เกษตรกรจำนวนมาก เริ่มได้รับความเดือดร้อนจากภาวะผลปาล์มน้ำมันตกต่ำ โดยวันนี้ นายชโยดม สุวรรณวัฒนะ แกนนำเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน จ.กระบี่ พร้อมด้วยสมาชิกได้เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดกระบี่ และพบ นายอรุณ ไม้ทิพย์ พาณิชย์จังหวัดกระบี่ หารือถึงราคาปาล์มที่ร่วงตกต่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเหตุผลมาจากการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศ และโรงงานกดราคาหลังมีการนำเข้า ทำให้ผลปาล์มร่วงต่อเนื่อง จึงขอให้จังหวัดได้ทำเรื่องไปยังรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหานี้โดยเร็ว เพราะหากไม่รีบทำ จะมีเกษตรกรจำนวนมากออกมาเคลื่อนไหวแน่นอน

61032
ตรัง-ตรังวิกฤติปาล์มล้นตลาด -4โรงงานประกาศงดซื้อ

ที่มา สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น
29 เม.ย. 58 16.51 น.


นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com
 
 วิกฤติปาล์มล้นตลาด 4 โรงงานสกัดน้ำมัน ประกาศงดซื้อผลผลิตไม่มีกำหนด

นาย ชัยฤทธิ์ ถ่ายย้วน ประธานชมรมชาวสวนปาล์มจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า พรุ่งนี้ทางโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มในพื้นที่จังหวัดตรัง ซึ่งมีด้วยกัน 4 โรงงาน ประกาศงดซื้อปาล์มโดยไม่มีกำหนด เพราะด้วยเหตุผล ผลผลิตจากสวนปาล์ม เข้ามายังโรงงานมาก ทำให้กำลังผลิตที่มีอยู่นั้นไม่เพียงพอ อีกทั้ง ผลิตน้ำมันปาล์มออกไปแล้ว ทางผู้รับซื้อก็ชะลอการรับซื้อเพราะมีน้ำมันปาล์มล้นสต๊อก เพราะรัฐบาลนำเข้าน้ำมันปาล์มจากมาเลเซีย 5 หมื่นตัน ขณะนี้ ราคาปาล์มกิโลกรัมละ 2.70 บาทเท่านั้น จากการสอบถามไปยังโรงงานน้ำมันปาล์ม พบว่าช่วงนี้ปาล์มล้นตลาด ประกาศหยุดรับซื้อตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน - 4 พฤษภาคม นี้

61033
พิเชษฐ์ แนะรัฐเร่งราคาปาล์มตกต่ำ


พิเชษฐ์ แนะรัฐเร่งราคาปาล์มตกต่ำ


นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com
 
 อดีต ส.ส.กระบี่ แนะรัฐบาลแก้ไขปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ ชี้นำเข้าน้ำมันปาล์มดิบเป็นการทุจริต

นาย พิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุล อดีต ส.ส.กระบี่ หลายสมัย พรรคประชาธิปัตย์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมาแนะนำการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันที่กำลังตกต่ำอย่างหนักในรอบนับ สิบปี ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังราคาปาล์มตกลงมาอยู่ที่ 2.50-3.00 บาทต่อกิโลกรัม ว่า รัฐต้องประกาศรับซื้อน้ำมันปาล์มจากโรงกลั่นในประเทศจำนวน 5 หมื่นตัน ในราคา กก.ละ 40 บาทเพื่อส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ให้โรงกลั่นซื้อน้ำมันจากโรงสกัด ในราคากิโลกรัมละ 34 บาท รวมถึงซื้อผลปาล์มจากเกษตรกรในราคา กก.ละ 5 บาท ส่งน้ำมันปาล์มไปขายประเทศเพื่อนบ้านในราคามิตรภาพ นอกจากนี้ ยังแนะนำให้นำไปช่วยเหลือประเทศเนปาลที่กำลังประสพภัยพิบัติแผ่นดินไหว ขณะที่วิกฤตครั้งนี้ เกิดจากกลไกตลาดถูกบิดเบือนเพราะการนำเข้า รัฐบาลจำเป็นต้องส่งออก น้ำมันจำนวน 5 หมื่นตัน เพื่อปรับกลไกตลาดให้คืนสู่ปกติ
นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้ นายพิเชษฐ์ ยังได้โฟสต์ข้อความถึงเหตุผลที่ทำให้ปาล์มราคาร่วงอย่างหนักอีกว่า การนำเข้าน้ำมันปาล์มเป็นทุจริตคอร์รัปชั่น การแก้ปัญหาปาล์มน้ำมัน ต้องแก้ที่การทุจริตค้าโควตาของราชการที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้น ต้องมีการสอบสวนราชการที่ให้ข้อมูลเท็จ จนนำมาสู่การนำเข้าน้ำมันปาล์ม 5 หมื่นตัน และต้องไม่มีการนำเข้าน้ำมันปาล์มอีก ราคาปาล์มจะกลับสู่ภาวะปกติทันที

61034
เกษตรกรชาวสุราษฎร์ธานี ขอทุนสงเคราะห์ปลูกยางพาราลดลงแล้ว หันกลับไปปลูกผลไม้ทดแทน


แหล่งที่มา : สวท.สุราษฎร์ธานี
วันที่ข่าว : 27 เมษายน 2558

นาย สุวิทย์ ก้องศักดิ์ศรี ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้อนุมัติเงินกองทุนสงเคราะห์ในการปลูกพืชให้กับเกษตรกรไปแล้ว 71,300 ไร่ เกินกว่าเป้าหมายทั้งปี 2558ที่ตั้งไว้ 69,000 ไร่ แบ่งเป็นอนุมัติปลูกยางพารา 40,000 ไร่ ปาล์มน้ำมัน  33,000 ไร่ ไม้ผลเงาะ ทุเรียนกว่า 2,000 ไร่ เกษตรผสมผสาน 18 ไร่

 
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากการอนุมัติเงินกองทุนสงเคราะห์แล้วพบว่า การขอสงเคราะห์ปลูกยางพาราได้ลดลงแล้วเมื่อเปรียบเทียบกับพืชชนิดอื่น จากยางพารา 80 พืชชนิดอื่น 20 ลดลงเหลือครึ่งต่อครึ่ง โดยที่ขอปลูกเพิ่มขึ้นเป็นผลไม้ ทุเรียน และเงาะโรงเรียน

 
ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสงเคราะห์ การทำสวนยาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวด้วยว่า การปลูกยางที่ลดลงเป็นไปตามนโยบายของรัฐที่ต้องการลดพื้นที่ปลูกยางพารา สำหรับทุนสงเคราะห์ปลูกยางพาราทดแทน ปัจจุบันมี 2 ประเภท ขอปลูกยางทดแทน ไม้ผล เกษตรผสมผสานอัตราไร่ละ 16,000 บาท ขอปลูกปาล์มน้ำมัน อัตราไร่ละ 26,000 บาท

61035
ชาวบ้านในชุมพรสุดทน โรงงานปล่อยน้ำเสียลงคลองสาธารณะส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

29 เมษายน 2558 09:06 น. (แก้ไขล่าสุด 29 เมษายน 2558 10:41 น.)


ชุมพร - ชาวบ้านในอำเภอหลังสวน จ.ชุมพร สุดทน!! โรงงานไม้ยางพารา และโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ปล่อยน้ำเสียไหลลงลำห้วยสาธารณะ ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งทั่วบริเวณ ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านบริเวณรอบโรงงานอย่างหนัก [size=78%]

วันนี้ (28 เม.ย.) นายภิรมย์ ฉิมวารี รองนายก อบต.บ้านควน อ.หลังสวน จ.ชุมพร นายประเสริฐ รัตน์รัตน์ ผอ.กองช่าง อบต.บ้านควน นายสงัด คงสุวรรณ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 18 ตำบลบ้านควน พร้อมด้วยชาวบ้านเกือบ 30 คน นำผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หน้าโรงงานแปรรูปไม้ยางพาราของบริษัท นีโอเทคพลายวู๊ด จำกัด และโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มสามารถปาล์มออยล์ ซึ่งโรงงานทั้ง 2 แห่ง ตั้งอยู่ติดกัน ตั้งอยู่ริมถนนสายเอเชีย 41 หมู่ที่ 18 ตำบลบ้านควน อ.หลังสวน จ.ชุมพร เพื่อดูน้ำเสียที่โรงงานทั้ง 2 แห่ง ได้ปล่อยน้ำเสียลงมา และไหลลงสู่ลำห้วยสาธารณะทำให้น้ำเน่าเหม็น ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่อย่างมาก


ชาวบ้านในชุมพรสุดทน โรงงานปล่อยน้ำเสียลงคลองสาธารณะส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง height=450


นายสงัด คงสุวรรณ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 18 ตำบลบ้านควน เปิดเผยว่า เมื่อช่วงกลางปี 57 ที่ผ่านมา ชาวบ้านได้ร้องเรียนโรงงานแปรรูปไม้ยางพาราแห่งนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว เนื่องจากได้ปล่อยให้น้ำเสียไหลลงไปในสวนปาล์มของชาวบ้าน และต่อมา ก็มีการเจรจาหาทางออกร่วมกันเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่นานก็เกิดปัญหาใหม่ขึ้นอีกเมื่อโรงงานแปรรูปไม้ยางได้ขุดบ่อดินหน้า โรงงานเพื่อรองรับน้ำเสียที่ล้นจากโรงงาน และเกิดการรั่วไหลลงไปสู่ลำห้วยญวณ ลำห้วยสาธารณะ และยังมีโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มสามารถปาล์มออยล์ อีกแห่งซึ่งอยู่ติดกันปล่อยน้ำเสียลงมาเพิ่มอีกทำให้มีน้ำเสียจำนวนมากไหลลง ไปในลำห้วยญวณ

 ส่งผลให้ชาวบ้านจำนวน 4 หมู่บ้าน ในตำบลบ้านควน คือหมู่ที่ 7, 8, 9 และหมู่ที่ 18 ได้รับผลกระทบ บ่อน้ำที่ขุดไว้ใช้อุปโภคบริโภคไม่ได้ และมีบ่อเลี้ยงปลาของชาวบ้านมีปลาเริ่มลอยคอและมีตายบ้างแล้วเพราะขาดอ๊อกซิ เจน ซึ่งเรื่องนี้ชาวบ้านเคยไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอหลังสวน เมื่อหลายเดือนก่อน ซึ่งทางศูนย์ดำรงธรรมได้เรียกโรงงานแปรรูปไม้ยางพาราไปพบซึ่งตัวแทนโรงงานก็ รับปากชาวบ้านว่าจะแก้ไขให้ จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ จนที่ผ่านมา ในพื้นที่มีฝนตกลงมาทำให้น้ำเน่าเสียไหลลงสู่ลำห้วยอีก จึงรวมตัวกันออกมาเพื่อขอคำชี้แจง และให้ทั้ง 2 โรงงานแก้ไขปัญหาดังกล่าว


ด้าน นายเฉลิมพงษ์ ภักดีเรือง อายุ 26 ปี ผู้จัดการโรงงานนีโอเทคพลายวู๊ด ซึ่งเป็นโรงงานแปรรูปไม้ยางพารา ได้เชิญตัวแทนชาวบ้านเข้าหารือเพื่อร่วมกันหาทางออกในเรื่องดังกล่าว และหลังจากนั้นได้เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา โรงงานยอมรับว่าเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นจริง และโรงงานก็ได้พยามแก้ไขมาโดยตลอด พร้อมได้ขอเวลาอีก 15 วัน เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำเสียที่อยู่หน้าโรงงาน ในเบื้องต้นจะนำรถมาดูด และตักกากตะกอนของเสียที่บริเวณหน้าโรงงานออก ส่วนในระยะต่อไปจะได้สร้างเครื่องดักขี้เถ้า และตะกอนตามคำแนะนำของ อบต.บ้านควน ส่วนในระยะยาวนั้นจะได้สร้างบ่อบำบัดให้สามารถรองรับน้ำเสียที่เกิดจากในโรง งานต่อไป ทั้งนี้ จะได้เข้าร่วมประชุม และชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจต่อชาวบ้านต่อไป 


ชาวบ้านในชุมพรสุดทน โรงงานปล่อยน้ำเสียลงคลองสาธารณะส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง height=450



[/size]

หน้า: 1 ... 4067 4068 [4069] 4070 4071 ... 5507