ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: เมษายน 21, 2015, 03:37:47 PM »

ครม.ทราบ! ประวิตร ถกรถไฟ-ซื้อข้าว-ยางพารา-ร่วมฝึกรบ



ครม.รับทราบผลเยือนจีนของ ?พล.อ.ประวิตร? เมื่อ 8-10เม.ย. เผยหารือโครงการรถไฟ-ซื้อข้าว-ยางพารา และร่วมฝึกรบ จีนฝากสื่อรายข่าวให้ถูกต้อง


รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันจันทร์ที่ 20 เม.ย. ที่ผ่านมา ครม.มีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะระหว่างวันที่ 8-10เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งสรุปว่าการเดินทางเยือนจีนครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างดีโดยฝ่ายจีนให้การต้อนรับที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นฉันมิตรและสมเกียรติ นอกจากจะมีส่วนช่วยในการกระชับความสัมพันธ์และเสริมสร้างความร่วมมือทางการทการแล้ว ยังเป็นการแสวงหาความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาในด้านต่างๆ และการพัฒนาประเทศร่วมกันเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ 


รายงานระบุช่วงหนึ่งว่า ในการเข้าเยี่ยมคำนับนายจาง เกาลี่ รองนายกรัฐมนตรีจีนนั้น รองนายกฯของจีนได้กล่าวชื่นชมการบริหารงานและดูแลความมั่นคงของรัฐบาลไทยซึ่่งสามารถนำความสงบสุขกลับสู่ประเทศและประชาชน ส่วนการหารือกันนั้นเนื่องในปี 2558 เป็นปีที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงพระชนมพรรษา 5 รอบ และครบรอบ 40 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะยกระดับความสัมพันธ์ในการเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์และสร้างกลไกความร่วมมือสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมในทุกมิติและพลเอกประวิตรได้หารือถึงความร่วมมือและสานต่อความคืบหน้าในการลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สองประเทศมีร่วมกัน โดยจีนจะสนับสนุนการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายหนองคาย - แก่งคอย - มาบตาพุด - กรุงเทพ ที่เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมของจีนกับประเทศนอกภูมิภาค โดยทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะผลักดันให้เกิดความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมระหว่างกัน ซึ่งฝ่ายจีนขอให้ไทยสร้างความเข้าใจกับสื่อมวลชนเพื่อให้รายงานข่าวอย่างถูกต้อง รวมทั้งสร้างปัจจัยและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินโครงการ นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องถึงความจำเป็นในการพัฒนาเศรษฐกิจและความมั่นคงควบคู่กันไป เนื่องจากปัจจุบันมีความเชื่อมโยงระหว่างประเทศในมิติต่างๆมากขึ้น ขณะที่ฝ่ายไทยขอบคุณจีนที่ส่งเสริมให้ชาวจีนมาเที่ยวประเทศไทยด้วย


สำหรับการหารือถึงความร่วมมือด้านการค้าผลิตผลทางการเกษตรฝ่ายจีนพร้อมที่จะซื้อข้าวและยางพาราจากไทยตามที่ได้ตกลงกันไว้ โดยขอให้รมว.พาณิชย์จีน หารือกับรมช.เกษตรและสหกรณ์และปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อยุติและมีการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมโดยเร็ว


ส่วนการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษของไทยนั้นฝ่ายจีนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี และสามารถบรรจุอยู่ในยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมของจีนได้ โดยพร้อมที่จะสนับสนุนให้รัฐวิสากิจและรัฐวิสาหกิจร่วมทุนของจีนร่วมลงทุนกับไทย ทั้งนี้ขอให้ไทยสร้างความชัดเจนในการคุ้มครองผลประโยชน์และสิทธิพิเศษการลงทุน ซึ่งพลเอกประวิตรชี้แจงว่าฝ่ายไทยอยู่ระหว่างการเร่งรัดการดำเนินการจัดทำกฎหมายรองรับ


จากนั้นพลเอกประวิตรและคณะได้เข้าเยี่ยมคำนับพลอากาศเอกสวี่ ฉีเลี่ยง รองประธานคณะกรรมาธิการทหารกลางแห่งชาติของจีน ซึ่งกล่าวถึงความสัมพันธ์ไทย-จีนว่าเปรียบเหมือนพี่น้องครอบครัวเดียวกันและนับเป็นแบบอย่างของความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ดีที่สุดระหว่างจีนกับประเทศในอาเซียน โดยฝ่ายจีนพร้อมที่จะให้ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ในการพัฒนาเทคโนโลยีทางการทหารร่วมกับไทย เพื่อให้สามารถรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ของภูมิภาคร่วมกัน


ต่อจากนั้นพลเอกประวิตร ได้เข้าเยี่ยมคำนับนายเมิ่ง เจี้ยนจู้ สมาชิกกรมการเมืองและหัวหน้าคณะกรรมาธิการการเมืองและกฎหมาย คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน ซึ่งมีการหารือถึงการเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงเพื่อแก้ไขปัญหาในภูมิภาคให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข โดยฝ่ายจีนมีความกังวลต่อปัญหาภัยคุกคามรูปแบบใหม่ในเรื่องของการก่อการร้ายจึงประสงค์จะร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข่าวกรองกับนานาประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว พร้อมทั้งต้องการยกระดับความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายในแม่น้ำโขงให้สูงขึ้น โดยจะเชิญประเทศที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีเพื่อทบทวนแผนงาน รวมทั้งเสนอให้มีการยกระดับศูนย์บัญชาการลาดตระเวนร่วมเป็นศูนย์บัญชาการแบบบูรณาการ โดยจะเชิญผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)เข้าร่วมประชุมดังกล่าวด้วย


และสุดท้ายรายงานระบุว่าพลเอกประวิตรได้เข้าเยี่ยมคำนับพลเอกฉาง ว่านอวน มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของจีน โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องถึงความจำเป็นในการผลักดันความร่วมมือของประชาคมระหว่างประเทศในการร่วมกันแก้ไขปัญหาภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่มีความเชื่อมโยง ซับซ้อนและรุนแรงมากขึ้น ซึ่งพลเอกประวิตรได้กล่าวชี้แจงว่าไทยได้เตรียมพร้อมการที่จะพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพไทยให้มีศักยภาพที่หลากหลาย รวมทั้งพัฒนาความสัมพันธ์ทางทหารควคู่ไปกับการขยายความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคให้ครอบคลุมทุกมิติ ตลอดจนให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำรงรักษาความเป็นศูนย์กลางของอาเซียนซึ่งมีส่วนช่วยให้เกิดความร่วมมือด้านความมั่นคงและการเชื่อมโยงระหว่างประเทศในภูมิภาค


รมว.กลาโหมของไทยและรมว.กลาโหมของจีน ยังหารือถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ทางการทหารระหว่างทั้งสองประเทศผ่านการาประชุม "คณะกรรมการนโยบายดำเนินงานความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างกระทรวงกลาโหม ไทยกับกระทรวงกลาโหมของจีน (Sino - Thai Defence and Security Consultation) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับข้อเสนอของฝ่ายจีนที่ขอให้เพิ่มการฝึกผสมระหว่างกองทัพอากาศและการฝึกผสมทางทะเลมากยิ่งขึ้นนั้น กองทัพอากาศและกองทัพเรืออยู่ระหว่างการกำหนดขั้นตอนการดำเนินการ


นอกจากนี้ในการหารือ จีนมีความกังวลต่อการที่สหรัฐอเมริกาเข้ามาแทรกแซงปัญหาในทะเลจีนใต้และท่าที ทางทหารของญี่ปุ่นที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น นโยบายความมั่นคง การผ่อนปรนข้อจำกัดในการส่งออกอาวุธ และการยกเลิกข้อจำกัดในการใช้สิทธิป้องกันตนเอง ซึ่งพลเอกประวิตรได้ชี้แจงว่าไทยมีจุดยืนที่ชัดเจนในการแสวงหาความร่วมมือเพื่อหาหนทางแก้ไขปัญหาโดยสันติ และการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันเพื่อนำไปสู่สันติภาพ เสถียรภาพและความมั่นคงของภูมิภาค





โดย :  กรุงเทพธุรกิจออนไลน์   วันที่ 21 เมษายน 2558