31
บอร์ดพูดคุยระหว่างสมาชิก / Re: มือใหม่สอบถามราคายาง
« เมื่อ: กรกฎาคม 29, 2013, 10:26:29 PM »
อยากลองแนะนำน่ะค่ะ ถ้ามียางประมาณ 1 ตันอยากให้ขายปั้วตามร้านน่าจะสะดวกกว่าค่ะ บางช่วงปั้วจะแพงกว่าโรงงานอีกน่ะค่ะไม่ต้องยุ่งยากเรื่อง???าษี
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
32
ข่าวทั่วไป / เกษตรฯชง2วิธีระบายสต็อกยาง
« เมื่อ: กรกฎาคม 29, 2013, 03:37:45 PM »
เกษตรฯชง2วิธีระบายสต็อกยาง
29 กรกฎาคม 2556
แหล่งข้อมูล: เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)
นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์สถานการณ์ยางในประเทศพบว่าผลผลิตที่ออกสู่ตลาดยังมากกว่าความต้องการ ราคายางจึงมีแนวโน้มไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งสถานการณ์นี้สวนทางกับความเห็นของผู้ประกอบการที่ระบุว่าปัจจุบันไม่มียางส่งออกและต้องซื้อยางจากตลาดโตคอม แสดงให้เห็นว่ามีการปั่นราคายางในประเทศให้ปรับตัวลดลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ???าคเอกชนเห็นว่ารัฐบาลมียางในสต็อกที่ได้จากโครงการพัฒนาศักย???าพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียร???าพราคายาง จำนวน 2.18 แสนตัน ซึ่งรอการตัดสินใจว่าจะจำหน่ายหรือไม่
อย่างไรก็ตาม หลังจากตรวจสต็อกยางจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการระบาย ซึ่งเบื้องต้นมี 2 แนวทางคือ 1.จำหน่ายให้ผู้ประกอบการโดยตรง และ2.จำหน่ายลักษณะสินค้าแปรรูปขั้นต้น เช่น ยางแท่ง ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ซึ่งองค์การสวนยาง (อสย.) สามารถดำเนินการได้ แต่ต้องรอจังหวะและเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้โครงการนี้ขาดทุนน้อยที่สุด โดยที่ผ่านมาใช้วงเงินซื้อยางไปทั้งหมด 2.3 หมื่นล้านบาท จากวงเงินรวมที่ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี 4.5 หมื่นล้านบาท
"จากการหารือกับสมาคมล้อยางพบว่าปีนี้จะเพิ่มการผลิตเป็น 70 ล้านเส้น จากเดิมปีละ 50 ล้านเส้น ความต้องการยางพาราจึงสูงขึ้น แต่สมาคมต้องการยางแปรรูปขั้นต้นจึงแนะนำให้กระทรวงฯใช้กระบวนการสหกรณ์ในการผลิตยางเหล่านี้ เพื่อขายให้กับผู้ประกอบการล้อยางโดยตรง จากปัจจุบันจะขายยางก้อนถ้วย น้ำยาง และยางแผ่นดิบที่มีราคาไม่สูงมากนัก"
สำหรับโครงสร้างอุตสาหกรรมยางในประเทศ พบว่าไทยมีผลผลิตยางปีละ 3.2 ล้านตัน เป็นการใช้ในประเทศ 17% ส่วนอีก 83%เป็นการส่งออกโดยผู้ประกอบการทั่วประเทศ 185 ราย แต่การส่งออกส่วนใหญ่ดำเนินการโดยผู้ประกอบการรายใหญ่เพียง 5 บริษัท คือ บริษัทไทยฮั้ว ยางพารา จำกัด บริษัท ศรีตรัง แอโกรอินดัสทรี จำกัด(มหาชน).บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์ คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท วงศ์บัณฑิต จำกัด และ บริษัท เซาท์แลนด์รับเบอร์ จำกัด ส่วนตลาดส่งออกหลัก คือจีน มาเลเซีย สห???าพยุโรป(อียู) สหรัฐ และเกาหลีใต้
"จากโครงสร้างดังกล่าวไทยต้องพึ่งพาการส่งออกเท่านั้น หากตลาดมีปัญหาจะกระทบราคายางในประเทศทันที และถ้า 5 บริษัทขยับตัว เช่น ชะลอการรับซื้อหรือเร่งซื้อ ราคายางในประเทศจะขยับตัวด้วยเดียวกัน การแก้ไขปัญหาอุตสาหกรรมยางในประเทศทั้งระบบคือการเพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศเป็น 30%"
นอกจากนั้น ยังควรใช้วิธีชะลอการกรีดยาง โดยใช้เทคโลโลยี เช่น การใช้แก๊สอะเซทิลีนรมต้นยาง สามารถชะลอการให้น้ำยางได้ 2 วัน การใช้สารอัดผิวหน้ายางต้นยางจะสามารถเก็บน้ำยางได้ 6 วัน วิธีการเหล่านี้ประเทศมาเลเซียใช้แล้วได้ผล แต่ต้องเป็นต้นยางที่มีอายุตั้งแต่ 14-15 ปีขึ้นไป ซึ่งกระทรวงฯจะนำไปหารือในคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ต่อไป
29 กรกฎาคม 2556
แหล่งข้อมูล: เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)
นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์สถานการณ์ยางในประเทศพบว่าผลผลิตที่ออกสู่ตลาดยังมากกว่าความต้องการ ราคายางจึงมีแนวโน้มไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งสถานการณ์นี้สวนทางกับความเห็นของผู้ประกอบการที่ระบุว่าปัจจุบันไม่มียางส่งออกและต้องซื้อยางจากตลาดโตคอม แสดงให้เห็นว่ามีการปั่นราคายางในประเทศให้ปรับตัวลดลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ???าคเอกชนเห็นว่ารัฐบาลมียางในสต็อกที่ได้จากโครงการพัฒนาศักย???าพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียร???าพราคายาง จำนวน 2.18 แสนตัน ซึ่งรอการตัดสินใจว่าจะจำหน่ายหรือไม่
อย่างไรก็ตาม หลังจากตรวจสต็อกยางจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการระบาย ซึ่งเบื้องต้นมี 2 แนวทางคือ 1.จำหน่ายให้ผู้ประกอบการโดยตรง และ2.จำหน่ายลักษณะสินค้าแปรรูปขั้นต้น เช่น ยางแท่ง ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ซึ่งองค์การสวนยาง (อสย.) สามารถดำเนินการได้ แต่ต้องรอจังหวะและเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้โครงการนี้ขาดทุนน้อยที่สุด โดยที่ผ่านมาใช้วงเงินซื้อยางไปทั้งหมด 2.3 หมื่นล้านบาท จากวงเงินรวมที่ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี 4.5 หมื่นล้านบาท
"จากการหารือกับสมาคมล้อยางพบว่าปีนี้จะเพิ่มการผลิตเป็น 70 ล้านเส้น จากเดิมปีละ 50 ล้านเส้น ความต้องการยางพาราจึงสูงขึ้น แต่สมาคมต้องการยางแปรรูปขั้นต้นจึงแนะนำให้กระทรวงฯใช้กระบวนการสหกรณ์ในการผลิตยางเหล่านี้ เพื่อขายให้กับผู้ประกอบการล้อยางโดยตรง จากปัจจุบันจะขายยางก้อนถ้วย น้ำยาง และยางแผ่นดิบที่มีราคาไม่สูงมากนัก"
สำหรับโครงสร้างอุตสาหกรรมยางในประเทศ พบว่าไทยมีผลผลิตยางปีละ 3.2 ล้านตัน เป็นการใช้ในประเทศ 17% ส่วนอีก 83%เป็นการส่งออกโดยผู้ประกอบการทั่วประเทศ 185 ราย แต่การส่งออกส่วนใหญ่ดำเนินการโดยผู้ประกอบการรายใหญ่เพียง 5 บริษัท คือ บริษัทไทยฮั้ว ยางพารา จำกัด บริษัท ศรีตรัง แอโกรอินดัสทรี จำกัด(มหาชน).บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์ คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท วงศ์บัณฑิต จำกัด และ บริษัท เซาท์แลนด์รับเบอร์ จำกัด ส่วนตลาดส่งออกหลัก คือจีน มาเลเซีย สห???าพยุโรป(อียู) สหรัฐ และเกาหลีใต้
"จากโครงสร้างดังกล่าวไทยต้องพึ่งพาการส่งออกเท่านั้น หากตลาดมีปัญหาจะกระทบราคายางในประเทศทันที และถ้า 5 บริษัทขยับตัว เช่น ชะลอการรับซื้อหรือเร่งซื้อ ราคายางในประเทศจะขยับตัวด้วยเดียวกัน การแก้ไขปัญหาอุตสาหกรรมยางในประเทศทั้งระบบคือการเพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศเป็น 30%"
นอกจากนั้น ยังควรใช้วิธีชะลอการกรีดยาง โดยใช้เทคโลโลยี เช่น การใช้แก๊สอะเซทิลีนรมต้นยาง สามารถชะลอการให้น้ำยางได้ 2 วัน การใช้สารอัดผิวหน้ายางต้นยางจะสามารถเก็บน้ำยางได้ 6 วัน วิธีการเหล่านี้ประเทศมาเลเซียใช้แล้วได้ผล แต่ต้องเป็นต้นยางที่มีอายุตั้งแต่ 14-15 ปีขึ้นไป ซึ่งกระทรวงฯจะนำไปหารือในคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ต่อไป
33
ข่าวทั่วไป / ตลาดหุ้นจีนปิดลบ 10.32 จุด หลังนลท.ขายหุ้นกลุ่มเทคโนฯ รับราคาเกินปัจจัยพื้นฐาน
« เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2013, 04:19:21 PM »
ตลาดหุ้นจีนปิดลบ 10.32 จุด หลังนลท.ขายหุ้นกลุ่มเทคโนฯ รับราคาเกินปัจจัยพื้นฐาน
รายงานข่าวบนเว็บไซท์บลูมเบิร์กดอทคอมระบุว่า ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดที่
ระดับ 2,010.85 จุด ลดลง 10.32 จุด หรือ -0.51 %
ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นจีนปิดลบ เป็นผลมาจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังราคา
หุ้นอยู่ในระดับเกินปัจจัยพื้นฐาน หรือ อยู่ที่ระดับสูงในรอบกว่า 2 ปี ประกอบกับตอบรับข่าวที่
รัฐบาลมีแผนที่จะลดกำลังการผลิตใน 19 อุตสาหกรรมเพื่อแก้ปัญหาอุปทานส่วนเกิน
แปลโดย วรเชษฐ์ พันธ์???ูวงศ์
เรียบเรียง โดย วรเชษฐ์ พันธ์???ูวงศ์
อนุมัติ โดย อนุรักษ์ ลีประเสริฐสุนทร
อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 26/07/13 เวลา 14:51:50
รายงานข่าวบนเว็บไซท์บลูมเบิร์กดอทคอมระบุว่า ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดที่
ระดับ 2,010.85 จุด ลดลง 10.32 จุด หรือ -0.51 %
ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นจีนปิดลบ เป็นผลมาจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังราคา
หุ้นอยู่ในระดับเกินปัจจัยพื้นฐาน หรือ อยู่ที่ระดับสูงในรอบกว่า 2 ปี ประกอบกับตอบรับข่าวที่
รัฐบาลมีแผนที่จะลดกำลังการผลิตใน 19 อุตสาหกรรมเพื่อแก้ปัญหาอุปทานส่วนเกิน
แปลโดย วรเชษฐ์ พันธ์???ูวงศ์
เรียบเรียง โดย วรเชษฐ์ พันธ์???ูวงศ์
อนุมัติ โดย อนุรักษ์ ลีประเสริฐสุนทร
อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 26/07/13 เวลา 14:51:50
34
ข่าวทั่วไป / จีนสั่ง บ.กว่า 1,400 แห่งใน 19 อุตฯ ลดกำลังการผลิตส่วนเกินในปีนี้ ตามนโยบายเน้นความ ยั่งยืนทางศ
« เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2013, 04:12:44 PM »
จีนสั่ง บ.กว่า 1,400 แห่งใน 19 อุตฯ ลดกำลังการผลิตส่วนเกินในปีนี้ ตามนโยบายเน้นความ
ยั่งยืนทางศก.
รายงานข่าวบนเว็บไซท์บลูมเบิร์กดอทคอมระบุว่า จีนสั่งให้บริษัทกว่า 1,400 แห่งใน 19
อุตสาหกรรม ลดการผลิตส่วนเกินลงในปีนี้ตามนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อให้มีความยั่งยืนมาก
ขึ้นแทนการมุ่งให้เกิดการขยายตัวแต่เพียงอย่างเดียว
โดยอุตสาหกรรมที่จะต้องลดกำลังการผลิตในปีนี้ที่สำคัญได้แก่ เหล็ก ซีเมนต์ กระดาษ
อลูมิเนียม ทองแดง เป็นต้น ???ายใต้คำสั่งของกระทรวงอุตสาหกรรมและสารสนเทศของจีน
ปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินที่สูงในจีนทำให้???าคอุตสาหกรรมของประเทศเผชิญความ
เสี่ยงด้านผลการดำเนินงานในระยะยาว แม้จะทำให้ราคาสินค้าอุตสาหกรรมลดลงก็ตาม
'นี่เป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่จากจีนเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ และเป็นการทำ
ให้เห็นว่า จีนต้องการการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ที่เน้นการพัฒนาด้านคุณ???าพมากกว่า
ปริมาณ' นายเรย์มอนด์ เยียง นักเศรษฐศาสตร์ที่เอเอ็นซีแบงกิ้งกรุ๊ปกล่าว
ขณะที่โนมูระโฮลดิ้งส์ประเมินว่า จีนมีกำลังการผลิตส่วนเกินในอุตสาหกรรมซีเมนต์กว่า
92 ล้านตัน อุตสาหกรรมเหล็กกว่า 7 ล้านตัน อุตสาหกรรมการผลิตอลูมมิเนียมและทองแดงราว
654,400 ตัน และ 260,000 ตันตามลำดับ
แปลโดย วรเชษฐ์ พันธ์???ูวงศ์
เรียบเรียง โดย วรเชษฐ์ พันธ์???ูวงศ์
อนุมัติ โดย ดวงสุรีย์ วายุบุตร์
อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 26/07/13 เวลา 15:14:31
ยั่งยืนทางศก.
รายงานข่าวบนเว็บไซท์บลูมเบิร์กดอทคอมระบุว่า จีนสั่งให้บริษัทกว่า 1,400 แห่งใน 19
อุตสาหกรรม ลดการผลิตส่วนเกินลงในปีนี้ตามนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อให้มีความยั่งยืนมาก
ขึ้นแทนการมุ่งให้เกิดการขยายตัวแต่เพียงอย่างเดียว
โดยอุตสาหกรรมที่จะต้องลดกำลังการผลิตในปีนี้ที่สำคัญได้แก่ เหล็ก ซีเมนต์ กระดาษ
อลูมิเนียม ทองแดง เป็นต้น ???ายใต้คำสั่งของกระทรวงอุตสาหกรรมและสารสนเทศของจีน
ปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินที่สูงในจีนทำให้???าคอุตสาหกรรมของประเทศเผชิญความ
เสี่ยงด้านผลการดำเนินงานในระยะยาว แม้จะทำให้ราคาสินค้าอุตสาหกรรมลดลงก็ตาม
'นี่เป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่จากจีนเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ และเป็นการทำ
ให้เห็นว่า จีนต้องการการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ที่เน้นการพัฒนาด้านคุณ???าพมากกว่า
ปริมาณ' นายเรย์มอนด์ เยียง นักเศรษฐศาสตร์ที่เอเอ็นซีแบงกิ้งกรุ๊ปกล่าว
ขณะที่โนมูระโฮลดิ้งส์ประเมินว่า จีนมีกำลังการผลิตส่วนเกินในอุตสาหกรรมซีเมนต์กว่า
92 ล้านตัน อุตสาหกรรมเหล็กกว่า 7 ล้านตัน อุตสาหกรรมการผลิตอลูมมิเนียมและทองแดงราว
654,400 ตัน และ 260,000 ตันตามลำดับ
แปลโดย วรเชษฐ์ พันธ์???ูวงศ์
เรียบเรียง โดย วรเชษฐ์ พันธ์???ูวงศ์
อนุมัติ โดย ดวงสุรีย์ วายุบุตร์
อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 26/07/13 เวลา 15:14:31
35
ข่าวทั่วไป / จีนเริ่มชะลอผลิตยางธรรมชาติ หลังจากสต็อกยางทะลัก - ราคาตกต่ำ
« เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2013, 03:53:58 PM »
จีนเริ่มชะลอผลิตยางธรรมชาติ หลังจากสต็อกยางทะลัก - ราคาตกต่ำ
รายงานข่าวจากต่างประเทศ เปิดเผยว่า สวนยางธรรมชาติของเอกชนบางแห่งใน
มณฑลไห่หนานทางตอนใต้ของจีน ที่เป็นแหล่งผลิตยางที่ใหญ่ที่สุดของจีน ได้หยุดการผลิตยางชั่ว
คราว เนื่องจากสต็อกยางยังมีอยู่ในระบบเป็นจำนวนมาก จากปัญหาราคายางที่ปรับลดลงตลอด
ช่วงที่ผ่านมา ขณะที่กิจการสวนยางของรัฐบาลจีน ยังคงดำเนินการผลิตอยู่ เนื่องจากต้องเข้าไป
บริหารความเสี่ยงในตลาดซื้อ-ขายสัญญาล่วงหน้า และบริษัทในเครือของผู้ผลิต
ขณะที่สมาคมอุตสาหกรรมยางธรรมชาติจีน ระบุว่า ในปีนี้ในจีนเริ่มกรีดยางเร็วกว่า
ปีที่ผ่านมา ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ผลผลิตยางธรรมชาติมีปริมาณเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และผล
ผลิตยางธรรมชาติของจีนมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นกว่า 5% ในปีนี้ จากส???าพอากาศที่เป็นปกติ และ
อุปสงค์ที่ฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ตลาดยางยังได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มราคายางทั้ง
ในประเทศ และนอกประเทศที่ลดต่ำลง
ที่มา ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย วันที่ 24/07/13 เวลา 15:48:42
รายงานข่าวจากต่างประเทศ เปิดเผยว่า สวนยางธรรมชาติของเอกชนบางแห่งใน
มณฑลไห่หนานทางตอนใต้ของจีน ที่เป็นแหล่งผลิตยางที่ใหญ่ที่สุดของจีน ได้หยุดการผลิตยางชั่ว
คราว เนื่องจากสต็อกยางยังมีอยู่ในระบบเป็นจำนวนมาก จากปัญหาราคายางที่ปรับลดลงตลอด
ช่วงที่ผ่านมา ขณะที่กิจการสวนยางของรัฐบาลจีน ยังคงดำเนินการผลิตอยู่ เนื่องจากต้องเข้าไป
บริหารความเสี่ยงในตลาดซื้อ-ขายสัญญาล่วงหน้า และบริษัทในเครือของผู้ผลิต
ขณะที่สมาคมอุตสาหกรรมยางธรรมชาติจีน ระบุว่า ในปีนี้ในจีนเริ่มกรีดยางเร็วกว่า
ปีที่ผ่านมา ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ผลผลิตยางธรรมชาติมีปริมาณเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และผล
ผลิตยางธรรมชาติของจีนมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นกว่า 5% ในปีนี้ จากส???าพอากาศที่เป็นปกติ และ
อุปสงค์ที่ฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ตลาดยางยังได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มราคายางทั้ง
ในประเทศ และนอกประเทศที่ลดต่ำลง
ที่มา ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย วันที่ 24/07/13 เวลา 15:48:42
36
ข่าวทั่วไป / ดัชนี PMI จีนเดือนก.ค.ลดลงมาอยู่ที่ 47.7 จุด ส่งซิก???าคอุตสาหกรรมยังอยู่ใน???าวะหดตัว
« เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2013, 10:17:57 AM »
ดัชนี PMI จีนเดือนก.ค.ลดลงมาอยู่ที่ 47.7 จุด ส่งซิก???าคอุตสาหกรรมยังอยู่ใน???าวะหดตัว
รายงานข่าวบนเว็บไซท์บลูมเบิร์กดอทคอมระบุว่า ดัชนีการจัดซื้อ???าคอุตสาหกรรม หรือ PMI
ของจีน ซึ่งจัดทำโดยเอชเอสบีซีโฮลดิ้งส์ และมาร์กิตอิโคโนมิกส์เดือนกรกฎาคมอยู่ที่ระดับ 47.7
จุด จาก 48.2 จุดในเดือนก่อนหน้า ส่งสัญญาณว่า ???าวะอุตสาหกรรมจีนอยู่ใน???าวะหดตัวมากขึ้น
โดยดัชนีฯที่อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 50 จุดสะท้อนถึง???าวะหดตัวของ???าคอุตสาหกรรม ขณะที่ดัชนีฯ
ที่อยู่ที่ระดับสูงกว่า 50 จุดสะท้อนถึง???าวะขยายตัว
ดัชนีฯที่ลดลงในเดือนดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า การชะลอตัวของ???าคอุตสาหกรรมจีนยังไม่ผ่าน
พ้นจุดต่ำสุด เนื่องจากยังคงลดลงจากเดือนก่อนหน้า
'หัวใจสำคัญในขณะนี้อยู่ที่ความเชื่อมั่น ความเชื่อมั่นทั้งในตลาดเงินตลาดทุน และใน???าค
อุตสาหกรรมของจีนกำลังอ่อนแอ' นายฉู่ ฮ่องปินหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่เอชเอสบีซีกล่าว
แปลโดย วรเชษฐ์ พันธ์???ูวงศ์
เรียบเรียง โดย วรเชษฐ์ พันธ์???ูวงศ์
อนุมัติ โดย อนุรักษ์ ลีประเสริฐสุนทร
อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 24/07/13 เวลา 10:13:35
รายงานข่าวบนเว็บไซท์บลูมเบิร์กดอทคอมระบุว่า ดัชนีการจัดซื้อ???าคอุตสาหกรรม หรือ PMI
ของจีน ซึ่งจัดทำโดยเอชเอสบีซีโฮลดิ้งส์ และมาร์กิตอิโคโนมิกส์เดือนกรกฎาคมอยู่ที่ระดับ 47.7
จุด จาก 48.2 จุดในเดือนก่อนหน้า ส่งสัญญาณว่า ???าวะอุตสาหกรรมจีนอยู่ใน???าวะหดตัวมากขึ้น
โดยดัชนีฯที่อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 50 จุดสะท้อนถึง???าวะหดตัวของ???าคอุตสาหกรรม ขณะที่ดัชนีฯ
ที่อยู่ที่ระดับสูงกว่า 50 จุดสะท้อนถึง???าวะขยายตัว
ดัชนีฯที่ลดลงในเดือนดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า การชะลอตัวของ???าคอุตสาหกรรมจีนยังไม่ผ่าน
พ้นจุดต่ำสุด เนื่องจากยังคงลดลงจากเดือนก่อนหน้า
'หัวใจสำคัญในขณะนี้อยู่ที่ความเชื่อมั่น ความเชื่อมั่นทั้งในตลาดเงินตลาดทุน และใน???าค
อุตสาหกรรมของจีนกำลังอ่อนแอ' นายฉู่ ฮ่องปินหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่เอชเอสบีซีกล่าว
แปลโดย วรเชษฐ์ พันธ์???ูวงศ์
เรียบเรียง โดย วรเชษฐ์ พันธ์???ูวงศ์
อนุมัติ โดย อนุรักษ์ ลีประเสริฐสุนทร
อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 24/07/13 เวลา 10:13:35
37
ข่าวทั่วไป / จีนยืนยัน จะไม่ยอมให้จีดีพีขยายตัวต่ำกว่าระดับ 7% ส่งซิกพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจหากจำเป็น
« เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2013, 11:17:19 AM »
จีนยืนยัน จะไม่ยอมให้จีดีพีขยายตัวต่ำกว่าระดับ 7% ส่งซิกพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจหากจำ
เป็น
รายงานข่าวบนเว็บไซท์บลูมเบิร์กดอทคอมระบุว่า นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีนยืน
ยันว่า รัฐบาลจะไม่ให้การขยายตัวของผลิต???ัณฑ์มวลรวม???ายในประเทศ หรือ จีดีพีต่ำกว่าระดับ
7% เนื่องจากจีนมีเป้าหมายที่มีฐานะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในปี 2020 ส่งสัญญาณว่า จีน
พร้อมที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในกรณีที่จำเป็น
โดยนายหลี่กล่าวในการประชุมร่วมกับนักเศรษฐศาสตร์ในกรุงปักกิ่งวานนี้ว่า การขยายตัว
ของจีดีพีที่ระดับ 7% คือระดับต่ำสุดที่รัฐบาลจะยอมรับได้ และรัฐบาลจะไม่ยอมให้เศรษฐกิจ
ขยายตัวในระดับที่ต่ำกว่านั้น
'การแสดงความเห็นของนายกรัฐมนตรีจีนเป็นสิ่งที่ยืนยันว่ารัฐบาลจะพยายามคงระดับการ
ขยายตัวของจีดีพีให้อยู่ในระดับ 7%-7.5% ในปีนี้ หลังเศรษฐกิจขยายตัวในระดับต่ำกว่า 7.5%
เนื่องจากรัฐบาลใช้นโยบายคงเสถียร???าพทางเศรษฐกิจมากกว่ามุ่งเน้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ'
นายจาง เจียน นักเศรษฐศาสตร์ที่บาร์เคลย์สกล่าว
ทั้งนี้ การแสดงความเห็นของนายกรัฐมนตรีหลี่ขัดแย้งกับความเห็นของนายเล่า จื่อเว่ย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจีนที่กล่าวก่อนหน้านี้ว่า จีนอาจยอมให้เศรษฐกิจขยายตัวใน
ระดับ 6.5% และเชื่อว่า จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาใดๆ แต่ยังคงแสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจจะ
ขยายตัวในอัตรา 7% ในปีนี้
แปลโดย วรเชษฐ์ พันธ์???ูวงศ์
เรียบเรียง โดย วรเชษฐ์ พันธ์???ูวงศ์
อนุมัติ โดย ดวงสุรีย์ วายุบุตร์
อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 23/07/13 เวลา 10:40:59
เป็น
รายงานข่าวบนเว็บไซท์บลูมเบิร์กดอทคอมระบุว่า นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีนยืน
ยันว่า รัฐบาลจะไม่ให้การขยายตัวของผลิต???ัณฑ์มวลรวม???ายในประเทศ หรือ จีดีพีต่ำกว่าระดับ
7% เนื่องจากจีนมีเป้าหมายที่มีฐานะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในปี 2020 ส่งสัญญาณว่า จีน
พร้อมที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในกรณีที่จำเป็น
โดยนายหลี่กล่าวในการประชุมร่วมกับนักเศรษฐศาสตร์ในกรุงปักกิ่งวานนี้ว่า การขยายตัว
ของจีดีพีที่ระดับ 7% คือระดับต่ำสุดที่รัฐบาลจะยอมรับได้ และรัฐบาลจะไม่ยอมให้เศรษฐกิจ
ขยายตัวในระดับที่ต่ำกว่านั้น
'การแสดงความเห็นของนายกรัฐมนตรีจีนเป็นสิ่งที่ยืนยันว่ารัฐบาลจะพยายามคงระดับการ
ขยายตัวของจีดีพีให้อยู่ในระดับ 7%-7.5% ในปีนี้ หลังเศรษฐกิจขยายตัวในระดับต่ำกว่า 7.5%
เนื่องจากรัฐบาลใช้นโยบายคงเสถียร???าพทางเศรษฐกิจมากกว่ามุ่งเน้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ'
นายจาง เจียน นักเศรษฐศาสตร์ที่บาร์เคลย์สกล่าว
ทั้งนี้ การแสดงความเห็นของนายกรัฐมนตรีหลี่ขัดแย้งกับความเห็นของนายเล่า จื่อเว่ย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจีนที่กล่าวก่อนหน้านี้ว่า จีนอาจยอมให้เศรษฐกิจขยายตัวใน
ระดับ 6.5% และเชื่อว่า จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาใดๆ แต่ยังคงแสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจจะ
ขยายตัวในอัตรา 7% ในปีนี้
แปลโดย วรเชษฐ์ พันธ์???ูวงศ์
เรียบเรียง โดย วรเชษฐ์ พันธ์???ูวงศ์
อนุมัติ โดย ดวงสุรีย์ วายุบุตร์
อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 23/07/13 เวลา 10:40:59
38
ข่าวทั่วไป / ชาวญี่ปุ่นใช้สิทธิเลือกวุฒิฯ คาดพรรครัฐบาลชนะ
« เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2013, 11:41:00 PM »
ชาวญี่ปุ่นใช้สิทธิเลือกวุฒิฯ คาดพรรครัฐบาลชนะ
ชาวญี่ปุ่นทยอยใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิส???าแล้ววันนี้ โดยคาดว่าพรรครัฐบาลจะได้รับชัยชนะทำให้สามารถครองเสียงข้างมากทั้งสองส???าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกสมาชิกวุฒิส???าจำนวนครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 242 ที่นั่ง โดยหน่วยเลือกตั้งเปิดให้ลงคะแนนได้ตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 2 ทุ่มตามเวลาท้องถิ่น หรือราว ตี 5 ถึง 6 โมงเย็นตามเวลาไทย และคาดว่าจะทราบผลเอ็กซิตโพลล์ได้แทบทันทีหลังปิดคูหาเลือกตั้งคาดกันว่า รัฐบาลผสม 2 พรรคของนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ จะสามารถคว้าชัยชนะทำให้ครองเสียงข้างมากในวุฒิส???า ซึ่งจะถือเป็นรัฐบาลแรกที่มีเสถียร???าพครองเสียงข้างมากทั้งสองส???านับตั้งแต่รัฐบาลของนายจุนอิชิโร่ โคอิซูมิพ้นตำแหน่งเมื่อปี 2549 โดยสื่อคาดว่า พรรคเสรีประชาธิปไตยหรือแอลดีพีของนายอาเบะ และพรรคนิวโคเมโตะ พรรคร่วมรัฐบาลจะสามารถกวาด 70 กว่าที่นั่งจาก 121 ที่นั่งที่มีการเลือกตั้ง ซึ่งจะทำให้สามารถผลักดันกฎหมายและการปฏิรูปใดๆในส???าได้ง่ายดายขึ้นแต่ผลสำรวจความคิดเห็นของรอยเตอร์พบว่า แม้ชาวญี่ปุ่นอยากให้ แอลดีพีชนะเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ก็วิตกว่าชัยชนะถล่มทลายจะทำให้นายอาเบะดำเนินนโยบายชาตินิยมสุดโต่งจนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเหมือนสมัยที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรีช่วงปี 2549-2550 นายอาเบะประกาศไว้หลังเข้ารับตำแหน่งอีกสมัยด้วยคะแนนเสียงเลือกตั้งกว่า 60% ในการเลือกตั้งส.ส.เมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้วว่า เขาจะมุ่งเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และเขาได้ดำเนินมาตรการส่งเสริมการใช้จ่าย???าครัฐ กำหนดอัตราดอกเบี้ยติดลบ ออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ จนทำให้ดัชนีหุ้นพุ่งสูงขึ้น เรียกคืนความเชื่อมั่นจากนักลงทุน และเงินเยนอ่อนค่าลงซึ่งส่งผลดีต่อการส่งออก
ชาวญี่ปุ่นทยอยใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิส???าแล้ววันนี้ โดยคาดว่าพรรครัฐบาลจะได้รับชัยชนะทำให้สามารถครองเสียงข้างมากทั้งสองส???าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกสมาชิกวุฒิส???าจำนวนครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 242 ที่นั่ง โดยหน่วยเลือกตั้งเปิดให้ลงคะแนนได้ตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 2 ทุ่มตามเวลาท้องถิ่น หรือราว ตี 5 ถึง 6 โมงเย็นตามเวลาไทย และคาดว่าจะทราบผลเอ็กซิตโพลล์ได้แทบทันทีหลังปิดคูหาเลือกตั้งคาดกันว่า รัฐบาลผสม 2 พรรคของนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ จะสามารถคว้าชัยชนะทำให้ครองเสียงข้างมากในวุฒิส???า ซึ่งจะถือเป็นรัฐบาลแรกที่มีเสถียร???าพครองเสียงข้างมากทั้งสองส???านับตั้งแต่รัฐบาลของนายจุนอิชิโร่ โคอิซูมิพ้นตำแหน่งเมื่อปี 2549 โดยสื่อคาดว่า พรรคเสรีประชาธิปไตยหรือแอลดีพีของนายอาเบะ และพรรคนิวโคเมโตะ พรรคร่วมรัฐบาลจะสามารถกวาด 70 กว่าที่นั่งจาก 121 ที่นั่งที่มีการเลือกตั้ง ซึ่งจะทำให้สามารถผลักดันกฎหมายและการปฏิรูปใดๆในส???าได้ง่ายดายขึ้นแต่ผลสำรวจความคิดเห็นของรอยเตอร์พบว่า แม้ชาวญี่ปุ่นอยากให้ แอลดีพีชนะเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ก็วิตกว่าชัยชนะถล่มทลายจะทำให้นายอาเบะดำเนินนโยบายชาตินิยมสุดโต่งจนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเหมือนสมัยที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรีช่วงปี 2549-2550 นายอาเบะประกาศไว้หลังเข้ารับตำแหน่งอีกสมัยด้วยคะแนนเสียงเลือกตั้งกว่า 60% ในการเลือกตั้งส.ส.เมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้วว่า เขาจะมุ่งเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และเขาได้ดำเนินมาตรการส่งเสริมการใช้จ่าย???าครัฐ กำหนดอัตราดอกเบี้ยติดลบ ออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ จนทำให้ดัชนีหุ้นพุ่งสูงขึ้น เรียกคืนความเชื่อมั่นจากนักลงทุน และเงินเยนอ่อนค่าลงซึ่งส่งผลดีต่อการส่งออก
39
ข่าวทั่วไป / ชาวญี่ปุ่นคาดพรรค"อาเบะ"ชนะการเลือกตั้ง
« เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2013, 11:39:01 PM »
ชาวญี่ปุ่นคาดพรรค"อาเบะ"ชนะการเลือกตั้ง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์21 กรกฎาคม 2556 19:07 น.
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า วันนี้ (21 ก.ค.) ชาวญี่ปุ่นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ได้ทยอยออกมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง โดยมีบรรยากาศของการเลือกตั้งเต็มไปอย่างคึกคัก นอกจากนี้ การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิส???าในครั้งนี้ จะเป็นการเลือกสมาชิกวุฒิส???าจำนวน 121 ที่นั่ง จากทั้งหมด 242 ที่นั่ง โดยประชาชนส่วนใหญ่ มีการคาดการณ์ว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ แอลดีพีของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ และพรรคโคเมอิโตะ จะได้รับที่นั่งในส???า มากกว่า 63 ที่นั่งนั่นเอง ถึงแม้ว่าผลการเลือกตั้งวุฒิส???ายังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่จากการคาดการณ์ล่วงหน้านั้น ประชาชนเชื่อว่า พรรคของนายกรัฐมนตรีชินโซะ อาเบะ อาจได้รับเสียงข้างมาก ให้กลับมาผงาดอีกครั้ง โดยการชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ จะทำให้พรรครัฐบาลครองเสียงข้างมาก ทั้งในส???าผู้แทนราษฎรและวุฒิส???า ซึ่งทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นกลับมามีเสถียร???าพทางการเมืองเป็นครั้งแรก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์21 กรกฎาคม 2556 19:07 น.
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า วันนี้ (21 ก.ค.) ชาวญี่ปุ่นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ได้ทยอยออกมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง โดยมีบรรยากาศของการเลือกตั้งเต็มไปอย่างคึกคัก นอกจากนี้ การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิส???าในครั้งนี้ จะเป็นการเลือกสมาชิกวุฒิส???าจำนวน 121 ที่นั่ง จากทั้งหมด 242 ที่นั่ง โดยประชาชนส่วนใหญ่ มีการคาดการณ์ว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ แอลดีพีของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ และพรรคโคเมอิโตะ จะได้รับที่นั่งในส???า มากกว่า 63 ที่นั่งนั่นเอง ถึงแม้ว่าผลการเลือกตั้งวุฒิส???ายังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่จากการคาดการณ์ล่วงหน้านั้น ประชาชนเชื่อว่า พรรคของนายกรัฐมนตรีชินโซะ อาเบะ อาจได้รับเสียงข้างมาก ให้กลับมาผงาดอีกครั้ง โดยการชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ จะทำให้พรรครัฐบาลครองเสียงข้างมาก ทั้งในส???าผู้แทนราษฎรและวุฒิส???า ซึ่งทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นกลับมามีเสถียร???าพทางการเมืองเป็นครั้งแรก
40
ข่าวทั่วไป / ยางร่วงหนักเกษตรกรนัดรวมพลขีดเส้นตาย15วัน ร้องรัฐพยุงราคา กิโลกรัมละ100 บาท
« เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2013, 07:29:10 PM »
ยางร่วงหนักเกษตรกรนัดรวมพลขีดเส้นตาย15วัน ร้องรัฐพยุงราคา กิโลกรัมละ100
19 กรกฎาคม 2556
แหล่งข้อมูล: โพสต์ ทูเดย์ (Th)
โพสต์ทูเดย์ ชาวสวนยาง???าคใต้นัดชุมนุมใหญ่ หลังราคาร่วงต่ำกว่ากิโลกรัมละ 70 บาท
นายเพิก เลิศวังพง ประธานชุมนุมชาวสวนยางพาราแห่งประเทศไทย ประชุมหารือกับแกนนำเกษตรกรสวนยางพารา14 จังหวัด???าคใต้ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือชาวสวนยางหลังจากราคายางตกต่ำเหลือเพียงกิโลกรัมละประมาณ 70 บาท
นายเพิก เปิดเผยว่า สาเหตุที่ทำให้ราคายางทรุดหนัก เนื่องจากรัฐบาลให้ข่าวการระบายสต๊อกยางที่คงค้างอยู่จากการรับจำนำเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในรอบที่ผ่านมากว่า 5 แสนกิโลกรัม ทำให้ตลาดต่างประเทศกดราคาลงมาอีก
"หากรัฐจะระบายยางพาราจริงควรค่อยๆ ระบายไม่ให้กระทบต่อราคาในตลาดปัจจุบัน นอกจากนี้ยังจะเสนอให้รัฐบาลนำเงิน 2 หมื่นล้านบาทที่มีมติว่าจะช่วยเกษตรกรออกมาดำเนินการอย่างจริงจัง" นายเพิก กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเรียกให้รัฐบาลแทรกแซงการรับซื้อ แบ่งเป็น ยางพาราแผ่นชั้น 3 กิโลกรัมละ 101 บาท ยางแผ่นดิบคุณ???าพชั้น 3 กิโลกรัมละ 92 บาทน้ำยางสด กิโลกรัมละ 81 บาท ยางก้อนถ้วย 100% ราคา 83 บาท
ด้าน นายวิรัตน์ อันตรัตน์ ประธานชุมนุมสหกรณ์กองทุนสวนยาง (สกย.)จ.ตรัง พร้อมด้วยนายอุทัย ศรีเทพประธานเครือข่ายชาวสวนยาง จ.ตรัง และแกนนำจากอำเ???อต่างๆ ใน จ.ตรัง กว่า 60 คน เข้ายื่นหนังสือเรียกร้องให้จังหวัดแก้ไขปัญหาเรื่องราคายางตกต่ำ
นายมนูญ อุปลา แกนนำเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางพาราจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ชาวสวนยาง จ.สุราษฎร์ธานี กว่า 5,000 คน นัดชุมนุมกันที่ลานหน้าสหกรณ์สุราษฎร์ธานี (โคออป) อ.พุนพินเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำเหลือกิโลกรัมละ 68-69 บาท ให้พยุงราคากิโลกรัมละ 100 บาท และให้คำตอบ???ายใน 15 วัน หากไม่มีคำตอบใดๆ ชาวสวนยาง 14 จังหวัด???าคใต้จะระดมพลขึ้นไปเรียกร้องที่หน้าทำเนียบรัฐบาล
19 กรกฎาคม 2556
แหล่งข้อมูล: โพสต์ ทูเดย์ (Th)
โพสต์ทูเดย์ ชาวสวนยาง???าคใต้นัดชุมนุมใหญ่ หลังราคาร่วงต่ำกว่ากิโลกรัมละ 70 บาท
นายเพิก เลิศวังพง ประธานชุมนุมชาวสวนยางพาราแห่งประเทศไทย ประชุมหารือกับแกนนำเกษตรกรสวนยางพารา14 จังหวัด???าคใต้ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือชาวสวนยางหลังจากราคายางตกต่ำเหลือเพียงกิโลกรัมละประมาณ 70 บาท
นายเพิก เปิดเผยว่า สาเหตุที่ทำให้ราคายางทรุดหนัก เนื่องจากรัฐบาลให้ข่าวการระบายสต๊อกยางที่คงค้างอยู่จากการรับจำนำเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในรอบที่ผ่านมากว่า 5 แสนกิโลกรัม ทำให้ตลาดต่างประเทศกดราคาลงมาอีก
"หากรัฐจะระบายยางพาราจริงควรค่อยๆ ระบายไม่ให้กระทบต่อราคาในตลาดปัจจุบัน นอกจากนี้ยังจะเสนอให้รัฐบาลนำเงิน 2 หมื่นล้านบาทที่มีมติว่าจะช่วยเกษตรกรออกมาดำเนินการอย่างจริงจัง" นายเพิก กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเรียกให้รัฐบาลแทรกแซงการรับซื้อ แบ่งเป็น ยางพาราแผ่นชั้น 3 กิโลกรัมละ 101 บาท ยางแผ่นดิบคุณ???าพชั้น 3 กิโลกรัมละ 92 บาทน้ำยางสด กิโลกรัมละ 81 บาท ยางก้อนถ้วย 100% ราคา 83 บาท
ด้าน นายวิรัตน์ อันตรัตน์ ประธานชุมนุมสหกรณ์กองทุนสวนยาง (สกย.)จ.ตรัง พร้อมด้วยนายอุทัย ศรีเทพประธานเครือข่ายชาวสวนยาง จ.ตรัง และแกนนำจากอำเ???อต่างๆ ใน จ.ตรัง กว่า 60 คน เข้ายื่นหนังสือเรียกร้องให้จังหวัดแก้ไขปัญหาเรื่องราคายางตกต่ำ
นายมนูญ อุปลา แกนนำเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางพาราจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ชาวสวนยาง จ.สุราษฎร์ธานี กว่า 5,000 คน นัดชุมนุมกันที่ลานหน้าสหกรณ์สุราษฎร์ธานี (โคออป) อ.พุนพินเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำเหลือกิโลกรัมละ 68-69 บาท ให้พยุงราคากิโลกรัมละ 100 บาท และให้คำตอบ???ายใน 15 วัน หากไม่มีคำตอบใดๆ ชาวสวนยาง 14 จังหวัด???าคใต้จะระดมพลขึ้นไปเรียกร้องที่หน้าทำเนียบรัฐบาล
41
ข่าวทั่วไป / อัตราเรียกเก็บเงินสงเคราะห์ (CESS) แหล่งรายได้ รายได้หลักในการดำเนินงานมาจาก 3 แหล่ง
« เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2013, 11:26:52 AM »
อัตราเรียกเก็บเงินสงเคราะห์ (CESS)
แหล่งรายได้ รายได้หลักในการดำเนินงานมาจาก 3 แหล่งดังนี้
(1) เงินสงเคราะห์ (CESS) เก็บจากผู้ส่งยางออกนอกราชอาณาจักร โดยการอนุมัติของคณะรัฐมนตรี ซึ่งได้ปรับปรุงเงินสงเคราะห์ใหม่และประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 โดยได้กำหนดอัตราเงินสงเคราะห์ ออกเป็น 5 ระดับ ดังนี้
(1.1) ราคายางไม่เกินกิโลกรัมละ 40 บาท เก็บเงินสงเคราะห์ (CESS) ในอัตรากิโลกรัมละ 90 สตางค์
(1.2) ราคายางเกินกิโลกรัมละ 40 บาท แต่ไม่เกินกิโลกรัมละ 60 บาท เก็บเงินสงเคราะห์ (CESS) ในอัตรากิโลกรัมละ 1.40 บาท
(1.3) ราคายางเกินกิโลกรัมละ 60 บาท แต่ไม่เกินกิโลกรัมละ 80 บาท เก็บเงินสงเคราะห์ (CESS) ในอัตรากิโลกรัมละ 2.00 บาท
(1.4) ราคายางเกินกิโลกรัมละ 80 บาท แต่ไม่เกินกิโลกรัมละ 100 บาท เก็บเงินสงเคราะห์ (CESS) ในอัตรากิโลกรัมละ 3.00 บาท
(1.5) ราคายางเกินกิโลกรัมละ 100 บาท เก็บเงินสงเคราะห์ (CESS) ในอัตรากิโลกรัมละ 5.00 บาท โดยใช้ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ยางแท่งชั้น 20 และน้ำยางข้น (60% DRC) เป็นราคา FOB (Free on Board) กรุงเทพฯ (ราคาสินค้าที่ส่งมอบ ณ ท่าเรือส่งออก) เป็นเกณฑ์ในการคำนวณเงินสงเคราะห์
พระราชบัญญัติฯ กำหนดให้แบ่งการใช้จ่ายเงินสงเคราะห์ (CESS) ออกเป็น 3 ส่วน คือ
1. ไม่เกินร้อยละ 5 เป็นค่าใช้จ่ายในการค้นคว้าทดลองเกี่ยวกับกิจการยางในอันที่จะเป็นประโยชน์แก่เจ้าของสวนยางโดยเฉพาะ มอบให้กรมวิชาการเกษตร
2. ไม่เกินร้อยละ 10 เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานการสงเคราะห์ของ สกย. หากปีใด ไม่เพียงพอให้รัฐบาลตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมตามความจำเป็น
3. เงินที่เหลือ เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการสงเคราะห์เจ้าของสวนยางที่ปลูกแทน
(2) เงินดอกผล ดอกผลของเงินสงเคราะห์ นำไปใช้จ่ายในการบริหารงานสงเคราะห์ของ สกย. ได้เท่าที่จำเป็น ส่วนที่เหลือสมทบเพื่อการสงเคราะห์เจ้าของสวนยางที่ปลูกแทน
(3) เงินอุดหนุนจากรัฐบาล ในรูปของเงินกู้ที่รัฐบาลเป็นผู้กู้ หรือเงินงบประมาณแผ่นดินเพื่อดำเนินการสงเคราะห์แก่เจ้าของสวนยางที่ปลูกแทน ปลูกยางใหม่ บริหารงานของ สกย. และดำเนินกิจกรรมอื่นที่รัฐบาลมอบหมาย
ที่มา สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง
แหล่งรายได้ รายได้หลักในการดำเนินงานมาจาก 3 แหล่งดังนี้
(1) เงินสงเคราะห์ (CESS) เก็บจากผู้ส่งยางออกนอกราชอาณาจักร โดยการอนุมัติของคณะรัฐมนตรี ซึ่งได้ปรับปรุงเงินสงเคราะห์ใหม่และประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 โดยได้กำหนดอัตราเงินสงเคราะห์ ออกเป็น 5 ระดับ ดังนี้
(1.1) ราคายางไม่เกินกิโลกรัมละ 40 บาท เก็บเงินสงเคราะห์ (CESS) ในอัตรากิโลกรัมละ 90 สตางค์
(1.2) ราคายางเกินกิโลกรัมละ 40 บาท แต่ไม่เกินกิโลกรัมละ 60 บาท เก็บเงินสงเคราะห์ (CESS) ในอัตรากิโลกรัมละ 1.40 บาท
(1.3) ราคายางเกินกิโลกรัมละ 60 บาท แต่ไม่เกินกิโลกรัมละ 80 บาท เก็บเงินสงเคราะห์ (CESS) ในอัตรากิโลกรัมละ 2.00 บาท
(1.4) ราคายางเกินกิโลกรัมละ 80 บาท แต่ไม่เกินกิโลกรัมละ 100 บาท เก็บเงินสงเคราะห์ (CESS) ในอัตรากิโลกรัมละ 3.00 บาท
(1.5) ราคายางเกินกิโลกรัมละ 100 บาท เก็บเงินสงเคราะห์ (CESS) ในอัตรากิโลกรัมละ 5.00 บาท โดยใช้ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ยางแท่งชั้น 20 และน้ำยางข้น (60% DRC) เป็นราคา FOB (Free on Board) กรุงเทพฯ (ราคาสินค้าที่ส่งมอบ ณ ท่าเรือส่งออก) เป็นเกณฑ์ในการคำนวณเงินสงเคราะห์
พระราชบัญญัติฯ กำหนดให้แบ่งการใช้จ่ายเงินสงเคราะห์ (CESS) ออกเป็น 3 ส่วน คือ
1. ไม่เกินร้อยละ 5 เป็นค่าใช้จ่ายในการค้นคว้าทดลองเกี่ยวกับกิจการยางในอันที่จะเป็นประโยชน์แก่เจ้าของสวนยางโดยเฉพาะ มอบให้กรมวิชาการเกษตร
2. ไม่เกินร้อยละ 10 เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานการสงเคราะห์ของ สกย. หากปีใด ไม่เพียงพอให้รัฐบาลตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมตามความจำเป็น
3. เงินที่เหลือ เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการสงเคราะห์เจ้าของสวนยางที่ปลูกแทน
(2) เงินดอกผล ดอกผลของเงินสงเคราะห์ นำไปใช้จ่ายในการบริหารงานสงเคราะห์ของ สกย. ได้เท่าที่จำเป็น ส่วนที่เหลือสมทบเพื่อการสงเคราะห์เจ้าของสวนยางที่ปลูกแทน
(3) เงินอุดหนุนจากรัฐบาล ในรูปของเงินกู้ที่รัฐบาลเป็นผู้กู้ หรือเงินงบประมาณแผ่นดินเพื่อดำเนินการสงเคราะห์แก่เจ้าของสวนยางที่ปลูกแทน ปลูกยางใหม่ บริหารงานของ สกย. และดำเนินกิจกรรมอื่นที่รัฐบาลมอบหมาย
ที่มา สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง
42
ข่าวทั่วไป / ราคาหุ้นฮุนได ดิ่ง 5.9% หนักสุดรอบ 8 เดือน หลังการเจรจาประเด็นค้าจ้างกับสห???าพแรงงานเหลว
« เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2013, 03:36:13 PM »
ราคาหุ้นฮุนได ดิ่ง 5.9% หนักสุดรอบ 8 เดือน หลังการเจรจาประเด็นค้าจ้างกับสห???าพแรง
งานเหลว
รายงานข่าวบนเว็บไซท์บลูมเบิร์กดอทคอมระบุว่า ราคาหุ้นฮุนไดมอเตอร์ ค่ายรถยนต์
รายใหญ่อันดับ 1 ของเกาหลีใต้ ลดลงมากที่สุดในรอบกว่า 8 เดือนในการซื้อขายที่ตลาดหุ้น
เกาหลีใต้ช่วงบ่ายวันนี้ หลังประสบความล้มเหลวในการเจรจากับสห???าพแรงงาน ประกอบกับนัก
ลงทุนกังวลว่า ความต้องการซื้อรถยนต์ในจีนจะลดลง
โดยราคาหุ้นฮุนไดลดลง 5.9% สูงสุดนับแต่วันที่ 5 พฤศจิกายนปีก่อนมาอยู่ที่ 209,000
วอน ขณะที่ราคาหุ้นเกียมอเตอร์สคอร์ปลดลง 5.2% และดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ลดลง
0.6%
ปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้นค่ายรถยนต์ทั้งสองแห่งลดลงเป็นผลจากการที่การเจรจาประเด็นค่า
จ้างกับสห???าพแรงงานล้มเหลววานนี้ ส่วนการประชุมครั้งใหม่จะมีขึ้นในวันที่ 16 กรกฎาคม
ขณะเดียวกันสมาคมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์จีนคาดว่า จะมี 8 เมืองใหญ่ในจีน
จำกัดการซื้อรถยนต์เพื่อลดปัญหามลพิษ ทำให้คาดว่า ยอดขายรถยนต์ในจีนจะลดลงราว
400,000 คัน
แปลโดย วรเชษฐ์ พันธ์???ูวงศ์
เรียบเรียง โดย วรเชษฐ์ พันธ์???ูวงศ์
อนุมัติ โดย พิมพ์ร???ัส ศิริไพรวัน
อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 12/07/13 เวลา 15:15:08
งานเหลว
รายงานข่าวบนเว็บไซท์บลูมเบิร์กดอทคอมระบุว่า ราคาหุ้นฮุนไดมอเตอร์ ค่ายรถยนต์
รายใหญ่อันดับ 1 ของเกาหลีใต้ ลดลงมากที่สุดในรอบกว่า 8 เดือนในการซื้อขายที่ตลาดหุ้น
เกาหลีใต้ช่วงบ่ายวันนี้ หลังประสบความล้มเหลวในการเจรจากับสห???าพแรงงาน ประกอบกับนัก
ลงทุนกังวลว่า ความต้องการซื้อรถยนต์ในจีนจะลดลง
โดยราคาหุ้นฮุนไดลดลง 5.9% สูงสุดนับแต่วันที่ 5 พฤศจิกายนปีก่อนมาอยู่ที่ 209,000
วอน ขณะที่ราคาหุ้นเกียมอเตอร์สคอร์ปลดลง 5.2% และดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ลดลง
0.6%
ปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้นค่ายรถยนต์ทั้งสองแห่งลดลงเป็นผลจากการที่การเจรจาประเด็นค่า
จ้างกับสห???าพแรงงานล้มเหลววานนี้ ส่วนการประชุมครั้งใหม่จะมีขึ้นในวันที่ 16 กรกฎาคม
ขณะเดียวกันสมาคมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์จีนคาดว่า จะมี 8 เมืองใหญ่ในจีน
จำกัดการซื้อรถยนต์เพื่อลดปัญหามลพิษ ทำให้คาดว่า ยอดขายรถยนต์ในจีนจะลดลงราว
400,000 คัน
แปลโดย วรเชษฐ์ พันธ์???ูวงศ์
เรียบเรียง โดย วรเชษฐ์ พันธ์???ูวงศ์
อนุมัติ โดย พิมพ์ร???ัส ศิริไพรวัน
อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 12/07/13 เวลา 15:15:08
43
ข่าวทั่วไป / กูรู AFET คาด RSS3 บ่ายนี้เคลื่อนไหวกรอบแคบ หลังนลท.กังวลศก.จีนชะลอตัว แนะเพียงเก็งกำไร
« เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2013, 12:23:41 PM »
กูรู AFET คาด RSS3 บ่ายนี้เคลื่อนไหวกรอบแคบ หลังนลท.กังวลศก.จีนชะลอตัว แนะ
เพียงเก็งกำไร
กูรู AFET คาด RSS3 บ่ายนี้เคลื่อนไหวกรอบแคบ หลังนลท.กังวลศก.จีนชะลอตัว
กระทบยางนำเข้าในจีนลดลง แนะเพียงเก็งกำไร ให้แนวรับ 77 บาท/ก.ก. แนวต้าน 80 บาท/ก.
ก. ในสัญญา ก.พ.57
นักวิเคราะห์ บริษัท ฟิวเจอร์ อกริ เทรด จำกัด (FAT) เปิดเผยถึงการซื้อขายสินค้ายาง
แผ่นรมควันชั้น 3 (RSS3) ในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) เช้าวันนี้ว่า
เคลื่อนไหวในกรอบแคบ และมีปริมาณการซื้อขายเบาบางเพียง 25 สัญญา โดยปัจจัยกดดันหลัก
ยังคงมาจาก???าพรวมของเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันความต้องการยางลดลง
โดยทิศทางการเคลื่อนไหวของราคายาง AFET ใน???าคบ่ายคาดว่ามีแนวโน้มเคลื่อน
ไหวในกรอบแคบ และมีปริมาณการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่สนับสนุน และนัก
ลงทุนยังกังวลปัญหาเศรษฐกิจในจีนที่ชะลอตัว กระทบยางนำเข้าในจีนมีดอกาสชะลอตัวลง
ส่วนยางในตลาดจริงวันนี้ปรับตัวลดลงตามกัน โดยราคายางตลาดกลางยางพารา
สงขลาปรับตัวลดลงทั้งยางแผ่นดิบและยางแผ่นรมควัน แตะระดับ 72.82 บาท/กก. และ 75.26
บาท/กก. ปรับตัวลดลง 0.46 บาท/กก. และ 0.03 บาท/กก.
ทั้งนี้กลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้เก็งกำไร ให้แนวรับ 77 บาท/กิโลกรัม แนวรับถัดไป
ที่ 75 บาท/กิโลกรัม แนวต้าน 80 บาท/กิโลกรัม ในสัญญาส่งมอบเดือนกุม???าพันธ์ 2557
รายงานโดย ชุติมา อ???ิชัยสุขสกุล
ที่มา ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย วันที่ 11/07/13 เวลา 11:50:52
เพียงเก็งกำไร
กูรู AFET คาด RSS3 บ่ายนี้เคลื่อนไหวกรอบแคบ หลังนลท.กังวลศก.จีนชะลอตัว
กระทบยางนำเข้าในจีนลดลง แนะเพียงเก็งกำไร ให้แนวรับ 77 บาท/ก.ก. แนวต้าน 80 บาท/ก.
ก. ในสัญญา ก.พ.57
นักวิเคราะห์ บริษัท ฟิวเจอร์ อกริ เทรด จำกัด (FAT) เปิดเผยถึงการซื้อขายสินค้ายาง
แผ่นรมควันชั้น 3 (RSS3) ในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) เช้าวันนี้ว่า
เคลื่อนไหวในกรอบแคบ และมีปริมาณการซื้อขายเบาบางเพียง 25 สัญญา โดยปัจจัยกดดันหลัก
ยังคงมาจาก???าพรวมของเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันความต้องการยางลดลง
โดยทิศทางการเคลื่อนไหวของราคายาง AFET ใน???าคบ่ายคาดว่ามีแนวโน้มเคลื่อน
ไหวในกรอบแคบ และมีปริมาณการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่สนับสนุน และนัก
ลงทุนยังกังวลปัญหาเศรษฐกิจในจีนที่ชะลอตัว กระทบยางนำเข้าในจีนมีดอกาสชะลอตัวลง
ส่วนยางในตลาดจริงวันนี้ปรับตัวลดลงตามกัน โดยราคายางตลาดกลางยางพารา
สงขลาปรับตัวลดลงทั้งยางแผ่นดิบและยางแผ่นรมควัน แตะระดับ 72.82 บาท/กก. และ 75.26
บาท/กก. ปรับตัวลดลง 0.46 บาท/กก. และ 0.03 บาท/กก.
ทั้งนี้กลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้เก็งกำไร ให้แนวรับ 77 บาท/กิโลกรัม แนวรับถัดไป
ที่ 75 บาท/กิโลกรัม แนวต้าน 80 บาท/กิโลกรัม ในสัญญาส่งมอบเดือนกุม???าพันธ์ 2557
รายงานโดย ชุติมา อ???ิชัยสุขสกุล
ที่มา ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย วันที่ 11/07/13 เวลา 11:50:52
44
ข่าวทั่วไป / 'เบอร์นันกี' เปิดใจ อยากใช้มาตรการ QE ต่อ ขณะคณะกรรมการเฟดเกือบครึ่งอยากให้ยกเลิกปีนี้
« เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2013, 11:45:33 AM »
'เบอร์นันกี' เปิดใจ อยากใช้มาตรการ QE ต่อ ขณะคณะกรรมการเฟดเกือบครึ่งอยากให้ยก
เลิกปีนี้ ,/b>
รายงานข่าวบนเว็บไซท์บลูมเบิร์กดอทคอมระบุว่า 'เบน เบอร์นันกี' ผู้ว่าการธนาคารกลาง
สหรัฐฯ หรือ เฟดเห็นด้วยกับการใช้มาตรการ QE ต่อไปในระยะเวลาที่ยาวขึ้น ขณะที่ในรายงาน
การประชุมเฟดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ที่ประชุมได้พิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการยก
เลิกมาตรการดังกล่าวในปีนี้
'การใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯไปอีกระยะ
เวลาหนึ่งที่คาดหมายได้' นายเบอร์นันกีกล่าวในให้สัม???าษณ์สื่อหลังเสร็จสิ้นการแสดงปาฐกถาที่
มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
โดยการให้ความเห็นดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังเฟดเผยแพร่รายงานการประชุม
ประจำเดือนมิถุนายน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า มีกรรมการตลาดเสรีเฟดเกือบกึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 19
คนที่ต้องการให้หยุดมาตรการดังกล่าวในปีนี้
'เป็นที่แน่ชัดว่า เฟดต้องการจะยกเลิกมาตรการดังกล่าว แต่ขณะเดียวกันก็ต้องการที่จะลด
ความตื่นตระหนกของนักลงทุนเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในอนาคต' นายวาร์ด
แมคคาร์ธี่หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์การเงินที่เจฟเฟอรี่ส์กรุ๊ปกล่าว
แปลโดย วรเชษฐ์ พันธ์???ูวงศ์
เรียบเรียง โดย วรเชษฐ์ พันธ์???ูวงศ์
อนุมัติ โดย พิมพ์ร???ัส ศิริไพรวัน
อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 11/07/13 เวลา 9:56:57
เลิกปีนี้ ,/b>
รายงานข่าวบนเว็บไซท์บลูมเบิร์กดอทคอมระบุว่า 'เบน เบอร์นันกี' ผู้ว่าการธนาคารกลาง
สหรัฐฯ หรือ เฟดเห็นด้วยกับการใช้มาตรการ QE ต่อไปในระยะเวลาที่ยาวขึ้น ขณะที่ในรายงาน
การประชุมเฟดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ที่ประชุมได้พิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการยก
เลิกมาตรการดังกล่าวในปีนี้
'การใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯไปอีกระยะ
เวลาหนึ่งที่คาดหมายได้' นายเบอร์นันกีกล่าวในให้สัม???าษณ์สื่อหลังเสร็จสิ้นการแสดงปาฐกถาที่
มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
โดยการให้ความเห็นดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังเฟดเผยแพร่รายงานการประชุม
ประจำเดือนมิถุนายน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า มีกรรมการตลาดเสรีเฟดเกือบกึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 19
คนที่ต้องการให้หยุดมาตรการดังกล่าวในปีนี้
'เป็นที่แน่ชัดว่า เฟดต้องการจะยกเลิกมาตรการดังกล่าว แต่ขณะเดียวกันก็ต้องการที่จะลด
ความตื่นตระหนกของนักลงทุนเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในอนาคต' นายวาร์ด
แมคคาร์ธี่หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์การเงินที่เจฟเฟอรี่ส์กรุ๊ปกล่าว
แปลโดย วรเชษฐ์ พันธ์???ูวงศ์
เรียบเรียง โดย วรเชษฐ์ พันธ์???ูวงศ์
อนุมัติ โดย พิมพ์ร???ัส ศิริไพรวัน
อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 11/07/13 เวลา 9:56:57
45
ข่าวทั่วไป / บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) : ราคายางเริ่มเห็น Downside ที่จำกัด
« เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2013, 02:51:56 PM »
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) : ราคายางเริ่มเห็น Downside ที่จำกัด
8 กรกฎาคม 2556
ราคายางเริ่มเห็น Downside ที่จำกัด : ฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคาซื้อขายยางแผ่นรมควันล่วงหน้า (อ้างอิงตลาด TOCOM) น่าจะปรับลดลงมาถึงระดับต่ำสุดไปแล้ว หลังจากนี้ คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบ 236-257 เยน/กิโลกรัม ขณะที่ราคายางไทย คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 79-86 บาท/กก. โดยมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.1% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เป็นผลจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหา Supply ในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ส่งผลให้ราคายางสังเคราะห์ (เป็นสินค้าทดแทนยางธรรมชาติ ซึ่งมีวัตถุดิบหลักเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำมันดิบ หรือก๊าซธรรมชาติ) มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นตาม และบวกต่อราคายางโลกในระยะสั้นเช่นกัน ทั้งนี้ จากการศึกษาเชิงปริมาณของฝ่ายวิจัย ASP พบว่า ค่าความสัมพันธ์ (Correlation) ระหว่างราคายางสังเคราะห์ และยางธรรมชาติ อยู่ที่ระดับสูงถึง 0.6 เท่า อย่างไรก็ตาม ราคายางพาราในช่วงเดือน ก.ค.56 ยังได้รับปัจจัยกดดันจากสต็อกยางพาราในประเทศจีนที่ทรงตัวระดับสูงต่อเนื่อง เห็นได้จาก รายงานปริมาณสินค้าคงเหลือล่าสุด ปรับลดลงเพียงเล็กน้อยสู่ระดับ 1.14 แสนตัน (จากช่วงก่อนหน้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำระดับ peak ที่เท่ากับ 1.22 แสนตัน) จึงมีแนวโน้มว่าผู้ประกอบการในประเทศจีน (ผู้ใช้ยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดของโลก) จะชะลอนำเข้ายางพาราต่อไป นอกจากนี้ ความกังวลต่อมาตรการการเงินผ่อนคลายของสหรัฐฯ ที่กำลังจะสิ้นสุดลง???ายในช่วงกลางปี 2557 หลังจากที่ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เห็นการฟื้นตัวต่อเนื่อง จึงทำให้สถานการณ์ดังกล่าวจะหักล้างกับปัจจัยบวกข้างต้น และกดดันให้ราคายางไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้มากนัก
ราคายางจะค่อยๆ ฟื้นตัวจนไปทดสอบ 86 บาท : ในช่วงต้นเดือน มิ.ย. ราคายางมีการปรับลดลงพอสมควรจนมาถึงเป้าหมายแรกที่วางไว้ที่ 76 บาทได้ตามคาด หลังจากนั้นราคาก็สามารถยืนเหนือระดับ 76 บาท และแกว่งตัวออกข้าง ก่อนจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นในช่วงปลายเดือน มิ.ย. คาดว่ารูปแบบการฟื้นตัวที่เริ่มเกิดขึ้น น่าจะมีต่อเนื่องในเดือน ก.ค. ซึ่งราคายางน่าจะแกว่งตัวเชิงบวกในกรอบ 79 ? 86 บาท
กลยุทธ์การลงทุน AFET Rubber : เปิด Long โดยมีเป้าหมายทำกำไรระยะสั้นที่ 86 บาท
- RSS3 Jan14 ราคาเริ่มฟื้นตัวคาดว่าจะแกว่งเชิงบวกในกรอบ 79 ? 86 บาท กลยุทธ์ให้ Long เพื่อลุ้นทำกำไรในระยะสั้น ที่ 86 บาท กรณีราคายางเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม กำหนดจุด Cut loss ที่ราคา 78 บาท
- STR20 Dec13 แนะนำ Trading ในกรอบ 70.4-77.0 บาท โดยรอ Long เมื่อราคาย่อตัวลงมาที่ 70.4 บาท โดยมีเป้าหมายการทำกำไรที่ 77 บาท และต้อง Cut loss หากราคาย่อตัวต่ำกว่า 68.9 บาท ทั้งนี้ แนะนำเปิด Short หากราคาอยู่ที่กรอบบน 77 บาท โดยมีจุดทำกำไรที่กรอบล่าง 70.4 บาท แต่ต้อง Cut loss หากราคาขึ้นสูงกว่า 78.5 บาท
นักวิเคราะห์
อุษณีย์ ลิ่วรัตน์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: R000018
usanee@asiaplus.co.th
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ธิปธวัช สุวรรณธำมรงค์
thiptawat@asiaplus.co.th
**ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ รวบรวมมาจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ อย่างไรก็ดี บมจ. หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ไม่สามารถที่จะยืนยันหรือรับรองความถูกต้องของข้อมูลเหล่านี้ได้ ไม่ว่าประการใด ๆ บทวิเคราะห์ในเอกสารนี้ จัดทำขึ้นโดยอ้างอิงหลักเกณฑ์ทางวิชาการเกี่ยวกับหลักการวิเคราะห์ และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใด ๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใด ๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือพันธะผูกพันใด ๆ กับ บมจ. หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ไม่ว่ากรณีใด**
8 กรกฎาคม 2556
ราคายางเริ่มเห็น Downside ที่จำกัด : ฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคาซื้อขายยางแผ่นรมควันล่วงหน้า (อ้างอิงตลาด TOCOM) น่าจะปรับลดลงมาถึงระดับต่ำสุดไปแล้ว หลังจากนี้ คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบ 236-257 เยน/กิโลกรัม ขณะที่ราคายางไทย คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 79-86 บาท/กก. โดยมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.1% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เป็นผลจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหา Supply ในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ส่งผลให้ราคายางสังเคราะห์ (เป็นสินค้าทดแทนยางธรรมชาติ ซึ่งมีวัตถุดิบหลักเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำมันดิบ หรือก๊าซธรรมชาติ) มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นตาม และบวกต่อราคายางโลกในระยะสั้นเช่นกัน ทั้งนี้ จากการศึกษาเชิงปริมาณของฝ่ายวิจัย ASP พบว่า ค่าความสัมพันธ์ (Correlation) ระหว่างราคายางสังเคราะห์ และยางธรรมชาติ อยู่ที่ระดับสูงถึง 0.6 เท่า อย่างไรก็ตาม ราคายางพาราในช่วงเดือน ก.ค.56 ยังได้รับปัจจัยกดดันจากสต็อกยางพาราในประเทศจีนที่ทรงตัวระดับสูงต่อเนื่อง เห็นได้จาก รายงานปริมาณสินค้าคงเหลือล่าสุด ปรับลดลงเพียงเล็กน้อยสู่ระดับ 1.14 แสนตัน (จากช่วงก่อนหน้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำระดับ peak ที่เท่ากับ 1.22 แสนตัน) จึงมีแนวโน้มว่าผู้ประกอบการในประเทศจีน (ผู้ใช้ยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดของโลก) จะชะลอนำเข้ายางพาราต่อไป นอกจากนี้ ความกังวลต่อมาตรการการเงินผ่อนคลายของสหรัฐฯ ที่กำลังจะสิ้นสุดลง???ายในช่วงกลางปี 2557 หลังจากที่ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เห็นการฟื้นตัวต่อเนื่อง จึงทำให้สถานการณ์ดังกล่าวจะหักล้างกับปัจจัยบวกข้างต้น และกดดันให้ราคายางไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้มากนัก
ราคายางจะค่อยๆ ฟื้นตัวจนไปทดสอบ 86 บาท : ในช่วงต้นเดือน มิ.ย. ราคายางมีการปรับลดลงพอสมควรจนมาถึงเป้าหมายแรกที่วางไว้ที่ 76 บาทได้ตามคาด หลังจากนั้นราคาก็สามารถยืนเหนือระดับ 76 บาท และแกว่งตัวออกข้าง ก่อนจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นในช่วงปลายเดือน มิ.ย. คาดว่ารูปแบบการฟื้นตัวที่เริ่มเกิดขึ้น น่าจะมีต่อเนื่องในเดือน ก.ค. ซึ่งราคายางน่าจะแกว่งตัวเชิงบวกในกรอบ 79 ? 86 บาท
กลยุทธ์การลงทุน AFET Rubber : เปิด Long โดยมีเป้าหมายทำกำไรระยะสั้นที่ 86 บาท
- RSS3 Jan14 ราคาเริ่มฟื้นตัวคาดว่าจะแกว่งเชิงบวกในกรอบ 79 ? 86 บาท กลยุทธ์ให้ Long เพื่อลุ้นทำกำไรในระยะสั้น ที่ 86 บาท กรณีราคายางเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม กำหนดจุด Cut loss ที่ราคา 78 บาท
- STR20 Dec13 แนะนำ Trading ในกรอบ 70.4-77.0 บาท โดยรอ Long เมื่อราคาย่อตัวลงมาที่ 70.4 บาท โดยมีเป้าหมายการทำกำไรที่ 77 บาท และต้อง Cut loss หากราคาย่อตัวต่ำกว่า 68.9 บาท ทั้งนี้ แนะนำเปิด Short หากราคาอยู่ที่กรอบบน 77 บาท โดยมีจุดทำกำไรที่กรอบล่าง 70.4 บาท แต่ต้อง Cut loss หากราคาขึ้นสูงกว่า 78.5 บาท
นักวิเคราะห์
อุษณีย์ ลิ่วรัตน์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: R000018
usanee@asiaplus.co.th
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ธิปธวัช สุวรรณธำมรงค์
thiptawat@asiaplus.co.th
**ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ รวบรวมมาจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ อย่างไรก็ดี บมจ. หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ไม่สามารถที่จะยืนยันหรือรับรองความถูกต้องของข้อมูลเหล่านี้ได้ ไม่ว่าประการใด ๆ บทวิเคราะห์ในเอกสารนี้ จัดทำขึ้นโดยอ้างอิงหลักเกณฑ์ทางวิชาการเกี่ยวกับหลักการวิเคราะห์ และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใด ๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใด ๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือพันธะผูกพันใด ๆ กับ บมจ. หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ไม่ว่ากรณีใด**