ผู้เขียน หัวข้อ: เคาะ"ยางแผ่น"เปิดเทรดตลาดTFEX เริ่มม.ค.ปีหน้า-4โบรกเดิมAFETโอดสู้รายเก่าไม่ได้  (อ่าน 602 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82609
    • ดูรายละเอียด
เคาะ"ยางแผ่น"เปิดเทรดตลาดTFEX เริ่มม.ค.ปีหน้า-4โบรกเดิมAFETโอดสู้รายเก่าไม่ได้

 
updated: 06 ธ.ค. 2558 เวลา 11:30:14 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
 
 AFET เตรียมล้างสัญญาคงค้าง 2,000 สัญญา ก่อนเปิดเทรดควบรวม TFEX 18 ม.ค. 59 ด้านโบรกเกอร์ 4 ราย โดดร่วมแจมเทรดใหม่ อ้อนวอน ก.ล.ต.ปรับลดหลักเกณฑ์วางประกันตามสภาพการเทรด ทำธุรกรรมน้อยจ่ายน้อย หวั่นสู้โบรกเกอร์ TFEX ไม่ไหว

ผู้ สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2558 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ ให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศกำหนดเพิ่มเติมให้สินค้าเกษตรเป็นสินค้าตาม พ.ร.บ.สัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 โดยให้ "สินค้าเกษตร หมายถึง ผลิตผลทางเกษตรกรรมและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการแปรรูปผลิตผลทางเกษตรกรรม"



ซึ่ง เป็นความหมายเดียวกันกับที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.การซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าพ.ศ. 2542 โดยในขั้นตอนต่อไป คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะออกประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษาให้สินค้าเกษตรเป็นสินค้า ตามมาตรา 3 แห่งตาม พ.ร.บ.สัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 เพื่อให้บริษัท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TFEX สามารถดำเนินการซื้อขายล่วงหน้าโดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีสินค้าเกษตรเป็น สินค้าอ้างอิงได้ตามกฎหมาย ถือว่าการควบรวมตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) กับ TFEX เสร็จสิ้น

แหล่งข่าวจาก AFET เปิดเผยว่า คาดว่าก.ล.ต.จะลงนามประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ภายในกลางเดือนธันวาคม 2558 ซึ่งหลังจากนั้น ก.ล.ต.ต้องแจ้งต่อ AFET ล่วงหน้า 30 วัน ก่อนเปิดซื้อขาย (เทรด) ซึ่งมีความเป็นได้ว่าจะเริ่มเทรดในวันที่ 18 มกราคม 2559

"สินค้า ที่จะเปิดเทรดรายการแรก คือ ยางแผ่นรมควันชั้น 3 (RSS3) ซึ่งเงื่อนไขข้อกำหนดเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับที่เปิดใน พ.ร.บ.การซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า ที่กำหนดปริมาณ 5,000 กิโลกรัม หรือ 5 เมตริกตัน/หนึ่งหน่วยการซื้อขาย ส่วนสินค้าอื่นที่เคยเทรดในเอเฟต ไม่ว่าจะเป็นยางแท่ง (SR20), ข้าวขาว 5% Both Option, ข้าวขาว 5% F.O.B., มันสำปะหลังเส้น Both Option และสับปะรดกระป๋อง (CPPL) จะเปิดเทรดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับทาง ก.ล.ต.พิจารณาเป็นรายการ ๆ ไป หรืออาจจะเป็นสินค้าอื่น เช่น ถั่วเหลือง เป็นไปตามความเหมาะสม"

สำหรับการเปิดเทรดในช่วงแรกจะ ดำเนินการควบคู่กันไปทั้งสองตลาด โดย AFET จะค่อยทยอยลดบอกล้างสัญญาคงค้างให้หมด ซึ่งขณะนี้มีจำนวนสัญญาคงค้างประมาณ 2,000 สัญญา โดยเป็นสัญญาซื้อขาย RSS3 ทั้งหมด 100% โดยปริมาณการซื้อขายในเดือนตุลาคม 2558 มีจำนวน 1,284 ข้อตกลง แต่ปริมาณการเทรดเริ่มปรับลดลงหลังจากที่ ครม.มีมติออกมา โดยเฉพาะในส่วนของนักเก็งกำไร จะเหลือแต่เพียงการเทรดในส่วนของผู้ประกอบการที่จำเป็นต้องใช้การประกันความ เสี่ยงในด้านราคา และผู้ประกอบการที่ต้องการรับมอบสินค้า อย่างไรก็ตามคาดว่าในช่วงการเปลี่ยนผ่านตลาดจะไม่กระทบต่อการกำหนดราคาอ้าง อิงยางในตลาดจริง

รายงานข่าวระบุว่า โบรกเกอร์ (Broker) หรือสมาชิกประเภทนายหน้าซื้อขายล่วงหน้าที่จะไปดำเนินการซื้อขายในตลาด TFEX มี 3 ราย ซึ่งเป็นสมาชิกโบรกเกอร์หลักในตลาด ได้แก่ 1.บริษัท แอ็กโกรว์ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด (AGE) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 24% ของปริมาณการซื้อขายทั้งหมด 2.บริษัท ดีเอส ฟิวเจอร์ส จำกัด (DSF) คิดเป็นสัดส่วน 32% ของปริมาณการซื้อขาย 3.บริษัท อินฟินิตี้ เวลท์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (IWF) คิดเป็นสัดส่วน 11% ของปริมาณการซื้อขายทั้งหมด ส่วนอีก 1 รายคือ บริษัท หงต้า ฟิวเจอร์ส จำกัด (HOT) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 4% ของการซื้อขาย ยังอยู่ระหว่างดำเนินการเข้าร่วม TFEX ส่วนบริษัท หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทนายหน้าซื้อขายในตลาด TFEX เดิมอยู่แล้ว

ด้านแหล่ง ข่าวจากกลุ่มโบรกเกอร์ระบุว่า ผลการรวมตลาดมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีทำให้เกิดการพัฒนาอาจจะมีการสร้างสรรค์ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น แต่กระบวนการควบรวมดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพียง 1 ปี ทำให้โบรกเกอร์ AFET ปรับตัวไม่ทัน แม้ว่า TFEX จะผ่อนปรนหลักเกณฑ์ค่าแรกเข้าบางรายการให้ในปีแรก และไปเก็บค่าใช้จ่ายในปีที่ 2 แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ซึ่งเราเข้าใจว่าที่ ก.ล.ต.ให้สิทธิ์เท่านี้ เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำแตกต่างกับโบรกเกอร์เดิมใน TFEX มากนัก แต่โบกเกอร์เรายังเหนื่อยและหนัก ด้วยศักยภาพของโบรกเกอร์ AFET ที่มีขนาดเล็กกว่า ต้องเพิ่มทุนค่อนข้างสูงมากกว่า 50% แม้ว่าจะลดค่าคอมฯให้ครึ่งหนึ่งแต่มีรายจ่ายเฉลี่ยเดือนละ 2 แสนบาทจากเดิมไม่มี บางรายไม่สามารถแบกรับภาระได้หรือถึงสามารถเข้าไปประกอบธุรกิจต่อได้ แต่รายรับไม่แน่นอน เพราะยังต้องแข่งขันกับโบรกเกอร์ TFEX เดิมอีก 40 ราย ในขนาดตลาดที่มีก้อนเค้กเท่าเดิม"

ส่วนการปรับตัวรูปแบบอื่น เช่น การควบรวมธุรกิจโบรกเกอร์ไม่สามารถทำได้ เพราะเดิมโบรกเกอร์แต่ละรายจะมีพันธมิตรซึ่งเป็นลูกค้าผู้ประกอบกิจการใน สินค้านั้นแบบ 1 ต่อ 1 มาตลอด เช่น บริษัทยาง ก. ก็จับคู่กับโบรกเกอร์ เอ เพื่อป้องกันข้อมูลความลับทางการค้า ซึ่งหากควบรวมอาจจะมีผลต่อกำไร-ขาดทุนของแต่ละบริษัทได้

"อยากขอให้ ภาครัฐคำนึงถึงผู้ประกอบการรายเดิมด้วย เพราะเจตนารมณ์ของการควบรวมในสมัยอดีตต้องการให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ไปด้วยกันได้หมด ซึ่งโบรกเกอร์ AFET ถนัดเรื่องเกษตร ถ้าไปก็อาจจะช่วยสร้างปริมาณการเทรดได้"

ดังนั้นอยากขอให้ผ่อนปรน หลักเกณฑ์ที่ต้องใช้เม็ดเงินให้เป็นไปตามสภาพการซื้อขายของโบรกเกอร์ เพราะธุรกิจนี้มีลักษณะเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินมาก เพื่อไปประกันภาระต่าง ๆ ของลูกค้า หากมีการทำธุรกรรมน้อยก็ไม่ควรต้องเอาเงินไปวางไว้ เป็นต้น


ที่มา หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ (วันที่ 6 ธันวาคม 2558)