ผู้เขียน หัวข้อ: เกษตรกรเมืองลุงตัดใจโค่นยางทิ้ง ลงปลูกมัลเบอร์รี่ขายสร้างรายได้เสริมอย่างงาม  (อ่าน 573 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82473
    • ดูรายละเอียด
เกษตรกรเมืองลุงตัดใจโค่นยางทิ้ง ลงปลูกมัลเบอร์รี่ขายสร้างรายได้เสริมอย่างงาม

โดย MGR Online

4 กรกฎาคม 2559 09:35 น. (แก้ไขล่าสุด 4 กรกฎาคม 2559 09:39 น.)


พัทลุง - เกษตรกรชาวสวนยางพัทลุง ตัดใจโค่นต้นยางพาราทิ้งในพื้นที่ 2 ไร่ ทดลองปลูกต้นหม่อนสด หรือมัลเบอร์รี่ หลังได้รับการสนับสนุนต้นพันธุ์จากศูนย์วิจัยหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ทั้งมีสรรพคุณทางยาสูง และอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ พร้อมสร้างรายได้อย่างงดงาม

       
        วันนี้ (4 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ลุงจารึก สุวรรณอักโข อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 113 ม.7 ต.ทุ่งนารี อ.ป่าบอน จ.พัทลุง นำต้นหม่อนสดที่ใช้กินลูก หรือต้นมัลเบอร์รี่ พันธุ์เชียงใหม่ 60 ซึ่งได้รับการสนับสนุนต้นพันธุ์ 300 ต้น จากศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จ.นราธิวาส เมื่อปี 2557 นำมาปลูกเป็นแห่งแรกใน จ.พัทลุง บนเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ซึ่งใช้เวลาปลูกเพียง 6 เดือน ก็สามารถให้ผลผลิตจนถึงปัจจุบัน


ลุงจารึก เล่าว่า ต้นมัลเบอร์รี่จะออกดอก และมีลูกสีเขียวอ่อน ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีส้ม สีแดง และสีม่วงแดง ภายในเวลา 2 เดือน ก็สามารถเก็บผลผลิตรับประทานผลสดได้ ซึ่งลูกหม่อน หรือลูกมัลเบอร์รี่จะมีรสชาติหวาน มีสรรพคุณทางยาสูง มีวิตามินซี และอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ หลายชนิด รวมทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงเลือด ขับเสมหะ แก้ท้องผูก โลหิตจาง แก้โรคไขข้ออักเสบ สามารถเก็บผลผลิตได้ตลอดทั้งปี มีโรค และแมลงรบกวนน้อย เหมาะสำหรับปลูกทั้งในที่โล่งแจ้ง และในกระถางริมรั้วของบ้าน ประหยัดเนื้อที่ โตเร็ว และสามารถปลูกเป็นไม้ประดับที่มีคุณประโยชน์สูง รับประทานได้ทุกเพศทุกวัย


โดย ลุงจารึก กล่าวว่า ผลผลิตมัลเบอร์รี่ จะเก็บวันเว้นวัน ส่งขายราคากิโลกรัมละ 150-200 บาท วันหนึ่งสามารถเก็บได้ไม่ต่ำกว่า 20-30 กิโลกรัม โดยตลาดส่วนใหญ่จะส่งขายในพื้นที่ โดยการแบ่งเป็นกล่อง ใส่พริกเกลือขาย ส่งตามตลาด และร้านค้า หรือตามสถานที่ราชการ รวมทั้งขายให้แก่แม่ค้าที่สั่งจองเอาไว้เพื่อนำขายต่ออีกทางหนึ่งด้วย โดยแต่ละเดือนสามารถสร้างรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดี

[/size][size=78%]       [/size]
        ลุงจากรึก ยังกล่าวอีกว่า ตอนแรกๆ ที่นำต้นหม่อนสดมาปลูกเพื่อนบ้านหาว่าบ้า ปลูกไปทำอะไร ตนก็ไม่กล้าพูดอะไร และเมื่อผลผลิตเริ่มออกมาจนเก็บ และชวนให้ชิม เพื่อนบ้านเลยชอบ เพราะมีรสหวานอมเปรี้ยว ยิ่งเด็กๆ และข้าราชการจะนิยมชื้อไปรับประทาน จนแทบเก็บขายไม่เพียงพอต่อยอดสั่งชื้อในแต่ละวัน