ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: เมษายน 18, 2015, 09:10:50 AM »

อินโดนีเซียประสบปัญหาราคายางตกต่ำ


ประเทศอินโดนีเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตยางธรรมชาติรายใหญ่ของโลกกำลังประสบกับปัญหาราคายางตกต่ำ ซึ่งขณะนี้ร่วงลงมาอยู่ที่ 1.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัม จากเดิมที่เคยอยู่ที่ 4.61 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัมเมื่อพ.ศ.2554

นาย Rachmat Gobel รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าของอินโดนีเซีย กล่าวว่า รัฐบาลจะพยายามผลักดันเพื่อเพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศให้มากขึ้นโดยร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงโยธาธิการและที่อยู่อาศัย และองค์กรประเมินและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี (Agency for the Assessment and Application of Technology หรือ BPPT)

ปัจจุบันอินโดนีเซียเป็นประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติรายใหญ่ของโลก โดยปริมาณการผลิตใน พ.ศ. 2557 อยู่ที่ 3.1 ล้านตัน สร้างรายได้ในรูปเงินตราต่างประเทศเป็นจำนวนเงิน 4,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

รัฐมนตรี Rachmat กล่าวว่า อุตสาหกรรมในประเทศใช้ยางเพียงร้อยละ 18 ของปริมาณยางที่ผลิตได้ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น เช่น มาเลเซียซึ่งใช้ยางในประเทศถึงร้อยละ 40 การใช้ยางในประเทศน้อยมีผลให้ราคายางตกต่ำเนื่องจากมีปริมาณยางดิบมากเกินไป ซึ่งรัฐบาลจะผลักดันให้มีการใช้ยางในประเทศเพิ่มขึ้นอีก 100,000 ตันต่อปี โดย พ.ศ. 2558 รัฐบาลตั้งเป้าการใช้อย่างต่ำที่ 700,000 ตัน โดยเน้นการใช้ยางในโครงการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งรัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการจำนวน 118 ล้านล้านรูเปียห์

นาย Taufik Widjojono รักษาการปลัดกระทรวงโยธาธิการและที่อยู่อาศัย กล่าวว่า จะนำยางพารา 60,000-80,000 ตัน ไปใช้ในการผสมกับยางมะตอยราดถนน ซึ่งจะทำให้พื้นถนนมีความความทนทานมากขึ้น เนื่องจากมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้นและทนน้ำมากขึ้นที่มา



http://rubberjournalasia.com