ผู้เขียน หัวข้อ: เกษตรฯ เล็งขอ คสช. หมื่นล้านปล่อยกู้หนุนแปรรูปยางพารา  (อ่าน 870 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82609
    • ดูรายละเอียด
เกษตรฯ เล็งขอ คสช. หมื่นล้านปล่อยกู้หนุนแปรรูปยางพาราเชื่อราคาไม่ลดลงอีก หลังผลผลิตเข้าตลาด น้อยลง




"ชวลิต" ระบุ ราคายางไม่ร่วงแตะ 40 บาท แน่ ชี้ผลผลิตเริ่มเข้าสู่ตลาดลดลง พร้อม เร่งอสย.ขายยางในสต็อกภายในสิ้นปีนี้ เตรียมชง ครม. ของบประมาณ 10,000 ล้านบาท ปล่อยกู้สถาบันเกษตรกร อุดหนุนดอกเบี้ยต่ำ 4% ซื้อยางแปรรูปเพิ่มมูลค่า


นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกชุกในภาคใต้ จะส่งผลให้การกรีดยางทำได้น้อย ปริมาณน้ำยางที่ออกสู่ตลาดแต่ละวันจะลดลงตามไปด้วย ในขณะที่ผู้ประกอบการ รวมทั้งผู้ส่งออกยางขณะนี้ไม่มียางในสต็อกอยู่เลย ดังนั้นราคายางในตลาดจะไม่ปรับตัวลดลงไปกว่าปัจจุบันที่ กก. ละ 55 บาท หรือจะไม่ลดลงแตะ 40 บาทอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางที่จะออกสู่ตลาดตั้งแต่ขณะนี้เป็นต้นไป ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนนี้ กระทรวงเกษตรฯ จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อนุมัติงบประมาณ 10,000 ล้านบาท เพื่อใช้ปล่อยกู้ให้กับสถาบันเกษตรกร ผ่านกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นเงินทุนหมุนเวียนเสริมสภาพคล่องสำหรับการรับซื้อยางจากเกษตรแปรรูปขั้นต้นเพิ่มมูลค่าแทนการขายเป็นน้ำยาง


ทั้งนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์และรัฐบาล จะให้การสนับสนุนอัตราดอกเบี้ยรวม 4% แยกเป็นกรมส่งเสริมสหกรณ์ 1% และ รัฐบาล 3% รวมทั้งกระทรวงเกษตรฯ จะเร่งให้มีการโค่นยางเก่าจากที่กำหนดไว้ใน 7 ปี ต้องโค่นให้ได้ 3 แสนไร่ ให้เพิ่มเป็น 4 แสนไร่ โดยคาดว่าราคายางที่ปรับตัวลดลง จะส่งผลให้เกษตรกรยอมโค่นยางมากขึ้น ซึ่งสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางจะให้การชดเชยไร่ละ 26,000 บาท ในกรณีที่เกษตรกรปลูกปาล์มทดแทน และชดเชยไร่ละ 16,000 บาท กรณีที่เกษตรกรต้องการปลูกยางรอบใหม่


"ก่อนหน้านี้ รัฐบาลชุดที่ผ่านมาเคยอนุมัติเงินกู้ เพื่อสนับสนุนให้สถาบันเกษตรกร แปรรูปยางขั้นต้นมากขึ้น วงเงิน 5,000 ล้านบาท และอีก 15,000 ล้านบาทให้กับผู้ประกอบการในประเทศเพื่อปรับปรุงเครื่องจักร ซึ่งทั้งหมดนี้คาดว่า จะทำให้ยางในตลาดมีการซื้อขายมากขึ้น เกิดเสถียรภาพทางด้านราคา เมื่อได้เงินก้อนใหม่ลงไปจะเป็นการช่วยกระตุ้น" นายชวลิต กล่าว


สำหรับวงเงิน 10,000 ล้านบาท ที่จะเสนอ ครม. ให้ความเห็นชอบดังกล่าว ทางคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ให้ความเห็นชอบแล้ว และอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียด คาดว่าจะเสนอให้ ครม. หรือ คสช. เห็นชอบในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนนี้


ส่วนยางที่ค้างอยู่ในสต็อก 2.1 แสนตันนั้น กนย. ได้สั่งการให้องค์การสวนยางจัดทำแผนบริหารจัดการใน 2 ช่องทาง คือ 1. การใช้ในประเทศ ซึ่ง อสย. จะต้องรวบรวมความต้องการทั้งหมด เช่น การสร้างถนน การสร้างสนามเด็กเล่น เพื่อระบุถึงปริมาณอย่างชัดเจน เสนอให้ คสช. พิจารณาและจัดสรรยางให้แต่ละหน่วยงานภาครัฐนำไปใช้ และ 2. ยางที่เหลือจะต้องหาทางระบายโดยไม่ให้กระทบกับราคายางในตลาด


อสย. จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ ก่อนจะสิ้นสุดระยะของโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางในวันที่ 30 ธ.ค. นี้ ซึ่งเป็นการต่ออายุโครงการจากเดิมที่สิ้นสุดไปแล้วเมื่อเดือน มี.ค. 2556


รายงานจากสถาบันวิจัยยาง แจ้งว่า ราคายางตลาดกลางยางพาราสงขลา ยางแผ่นดิบแตะระดับ 52.40 บาท/กก. ปรับตัวลดลง 1.29 บาทเมื่อเทียบกับเมื่อ วันที่ 13 ส.ค. ที่ผ่านมา และยางแผ่นรมควันแตะระดับ 54.85 บาท/กก. ปรับตัวลดลง 1.44 บาท เมื่อเทียบกับวันที่ 13 ส.ค. ที่ผ่านมา ตามตลาดล่วงหน้าโตเกียวและสิงคโปร์ ประกอบกับนักลงทุนวิตกกังวลและเทขายเพื่อป้องกันความเสี่ยง หลังจากจีนและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ใช้ยางรายใหญ่ของโลก เปิดเผยข้อมูลที่ส่งสัญญาณถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจ


รวมทั้งการแข็งค่าของเงินบาทและสถานการณ์ทางการเมืองทั่วโลกที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น