ผู้เขียน หัวข้อ: คอลัมน์: เลาะรั้วเกษตร: ตำนานยาง  (อ่าน 610 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 82686
    • ดูรายละเอียด
คอลัมน์: เลาะรั้วเกษตร: ตำนานยาง
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2018, 04:07:04 PM »

คอลัมน์: เลาะรั้วเกษตร: ตำนานยาง


หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- ศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2561 00:00:32 น.
แว่นขยาย
 
คดีทุจริตกล้ายาง 1 ล้านไร่ จบไปนานแล้วตั้งแต่ปี 2552 คิดว่าคงไม่มีอะไรคาใจกันแล้ว เพราะคดีดังกล่าว ถูกฟ้องกันกราวรูด ไม่เว้นแม้แต่ผู้ที่ประมูลงานได้อย่าง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์เมล็ดพันธุ์ จำกัด หรือที่เรียกกันติดปากสั้นๆ ว่า ซี.พี. แต่ศาลได้ตัดสินแล้วว่าจำเลยทั้งหมดไม่มีความผิด รวมทั้ง ซี.พี. ด้วย


ก่อนหน้าที่ศาลจะตัดสินพิพากษาคดีทุจริตกล้ายาง ซี.พี. ได้ฟ้องร้องกรมวิชาการเกษตร กรณีที่ยกเลิกสัญญาไม่ยอมรับกล้ายางที่บริษัทผลิต ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย...และศาลฎีกาเพิ่งจะตัดสินคดีเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา ให้ ซี.พี. ชนะคดี และให้กรมวิชาการเกษตรจ่ายค่าเสียหาย ซึ่งกรณีหลังนี้ไม่เกี่ยวกับคดีทุจริตกล้ายางที่ตัดสินคดีไปแล้วเมื่อปี 2552  แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกันกับกล้ายางในโครงการยาง 1 ล้านไร่
 
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ซี.พี. เป็น ผู้ประมูลงานผลิตกล้ายางชำถุงให้กับเกษตรกร ในโครงการส่งเสริมปลูกยางพาราเพื่อยกระดับรายได้และความมั่นคงให้เกษตรกรในแหล่งปลูกยางใหม่ ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2546 - 2549) หรือเรียกกันสั้นๆ ว่าโครงการยาง 1 ล้านไร่ได้ในวงเงิน 1,397 ล้านบาท งานที่ซี.พี.ต้องทำตามเงื่อนไขคือ ผลิตยางชำถุงตามมาตรฐานของกรมวิชาการเกษตร จำนวน 90 ล้านต้น เพื่อส่งมอบให้เกษตรกรที่ร่วมโครงการให้ครบถ้วน ภายใน 3 ปี
 
ในแต่ละปีจะแบ่งงานส่งมอบเป็นงวดๆ ไป ปรากฏว่ามีเหตุเอาในปีสุดท้ายซึ่งบริษัทจะต้องส่งมอบกล้ายางให้ครบถ้วนภายใน 31 สิงหาคม 2549 แต่บริษัทผลิตกล้ายางส่งมอบให้ได้ไม่ครบ ยังขาดอีก 16.14 ล้านต้น โดยบริษัทอ้างว่าเพราะเหตุสุดวิสัยทางธรรมชาติ เนื่องจากน้ำท่วมในหลายพื้นที่ จึงขอขยายเวลาส่งมอบ ซึ่ง ซี.พี.ยืนยันว่ากรมวิชาการเกษตรมีหนังสือแจ้งมาเหมือนกับจะให้ขยายเวลาส่งมอบได้ จึงเร่งทำการผลิตกล้ายาง แต่ต่อมากรมวิชาการเกษตรได้ขอยกเลิกสัญญา...ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย จึงได้ฟ้องร้อง.....
 
ประเด็นเรื่องหนังสือนี้ไม่ยืนยันว่าใครผิดใครถูก..เพราะไม่ได้เห็นหนังสือดังกล่าว....
 
แต่จากการตรวจสอบข่าว พบว่า อธิบดีกรมวิชาการเกษตรในสมัยนั้นชื่อ อดิศักดิ์ ศรีสรรพกิจ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ได้เจรจาไกล่เกลี่ยกับซี.พี. ขออย่าฟ้องร้องกันเลย มาร่วมมือกันแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรที่ยังไม่ได้กล้ายางจะดีกว่า กรมเองก็พร้อมจะซื้อกล้ายางของซี.พี. ถ้าซี.พี.มาขึ้นทะเบียนเป็นผู้ผลิต กล้ายางชำถุงตามมาตรฐานที่กรมวิชาการเกษตรกำหนดอย่างถูกต้อง
 
ถ้าเป็นจริงดังที่อธิบดีให้สัมภาษณ์ ซี.พี. ก็น่าจะพิจารณาถึงผลประโยชน์ของเกษตรกรเป็นสำคัญ ประกอบกับวงเงินที่ประมูลงานได้ก็สูงเป็นพันล้าน บวกลบคูณหารแล้ว กล้ายางที่ผลิตไว้เตรียมส่งมอบแต่ไม่ได้ส่งมอบก็ไม่น่าจะทำให้บริษัทเสียหายมากมายนัก...แต่อาจจะเสียหน้าบ้างเล็กน้อยก็อย่าคิดมาก......โครงการนี้ ร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกันแล้ว....ยกฟ้องกันไป...ร่วมมือแก้ปัญหาก็จะ วิน วิน ด้วยกันทั้งสองฝ่ายแต่ ซี.พี. คงไม่ได้คิด ดังนั้น การดำเนินคดีจึงเกิดขึ้น และจบลงอย่างที่เห็น...
 
ฝ่ายราชการ....ก็น่าสังเกตว่า...ระยะเวลาที่ผ่านมามัวยุ่งอยู่กับการตั้งหน่วยงานใหม่ คือ "การยางแห่งประเทศไทย" ซึ่งจัดตั้งขึ้นได้เมื่อปี 2558 หลังจากดำเนินการมาหลายปี แต่การจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมารับผิดชอบเรื่องยางโดยเฉพาะ ก็มิได้ทำให้ปัญหาเกี่ยวกับยางหมดไป กลับมีปัญหามากขึ้น ทั้งเรื่องราคา และเรื่องการผลิต ยาง 1 ล้านไร่ที่ส่งเสริมกันไว้ก็เพิ่มปริมาณผลผลิตยางให้มากขึ้น ขณะที่ความต้องการลดลง จนถึงกับมีนโยบายให้โค่นยาง (ของราชการ) เรื่องการบริหารงานภายในองค์กรเองก็มิได้ ราบรื่น ไม่ว่าจะเป็น องค์การสวนยาง กองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง และ สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร ก็ล้วนแต่ "ข้าแน่" กันทั้งนั้น....เมื่อมารวมกัน..จะให้เป็นเอกภาพคงต้องใช้เวลา....
 
เหตุนี้จึงอาจทำให้เอกสาร พยาน หลักฐาน ในการต่อสู้คดีมีข้อบกพร่อง ส่งผลให้แพ้คดี.....มิหนำซ้ำยังมีการเกี่ยง....เรื่องชดใช้ค่าเสียหายให้กับ ซี.พี.ครั้งนี้ ระหว่าง กรมวิชาการเกษตร กับ กยท. เดือดร้อนถึง รมว.กษ. กฤษฎา บุญราช ต้องฟันธง ให้กรมวิชาการเกษตร เจรจา กับซี.พี. ...ซึ่งนั่งอมยิ้มรออยู่......
 
สุดท้ายก็นึกถึงคำให้สัมภาษณ์ของบิ๊ก ซี.พี.ท่านหนึ่ง ตอนที่พ้นผิดคดีทุจริตกล้ายางเมื่อปี 2552 ว่า...บริษัทจะมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนานวัตกรรม ตลอดจนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยางพาราอย่างต่อเนื่องต่อไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันในตลาดโลกให้กับเกษตรกรผู้ปลูกยางของไทย....
แอ่น...แอน....แอ๊น......ซาบซึ้งป่ะล่ะ....