ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2017, 06:35:03 PM »

STA รุกตั้งโรงงานผลิตยางเพิ่มทั้งใน-ต่างประเทศ

ศรีตรังแอโกร? ทุ่ม 1-2 พันล้านบาท ตั้งโรงงานผลิตยางแท่งและยางแผ่นรมควันเพิ่มอีก 2 โรงในไทย และอินโดนีเซีย ยอมรับช่วงนี้ราคายางพาราผันผวนมากทำให้ต้องปรับแผนเป้าหมายปริมาณการขายปีนี้เหลือ 1.3-1.5 ล้านตัน
[/size] นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการบริหาร บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (STA) เปิดเผยว่าบริษัทมีแผนลงทุนอีก 1-2 พันล้านบาทเพื่อตั้งโรงงานผลิตยางแท่ง ยางแผ่นรมควันและน้ำยางข้นอีก 2 โรงในไทยและอินโดนีเซีย กำลังผลิต 7.2 พันตัน/เดือน และ 5 พันตัน/เดือน ตามลำดับ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า

 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังพิจารณาแผนการขยายกำลังการผลิตถุงมือยางเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 1.4 หมื่นล้านชิ้น/ปี ภายหลังจากบริษัทเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มในบริษัท สยามเซมเพอร์เมด จำกัด (SSC) เป็น 90% เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาโดยบริษัทจะรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจปลายน้ำในไตรมาส 2/60 ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่เพิ่มขึ้น

 โดยในปีนี้มีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตยางธรรมชาติเพิ่มขึ้นเป็น 2.9 ล้านตัน จากปีก่อนอยู่ที่ 2.4ล้านตันจาก 35 โรงงานใน 3 ประเทศ และจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในอุตสาหกรรมยางธรรมชาติในตลาดโลกให้ได้ 20% ใน 5 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดในตลาดโลกอยู่ที่ 12% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการใช้ยางพาราทั่วโลกที่ปรับเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 12.9 ล้านตัน

 นายวีรสิทธิ์กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้ทบทวนปริมาณการขายปีนี้ใหม่มาอยู่ระหว่าง 1.3-1.5 ล้านตัน จากปีก่อนมีปริมาณการขายอยู่ที่ 1.5 ล้านตัน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยตั้งเป้าไว้ที่ 1.7 ล้านตัน เนื่องจากราคายางพาราในตลาดซื้อขายยางล่วงหน้าเซี่ยงไฮ้มีความผันผวนมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อย่างไรก็ตามคาดว่าราคายางพาราในปีนี้คาดว่าจะสูงกว่าปีก่อนที่ 1.5 เหรียญสหรัฐ/กิโลกรัม

 ปัจจุบันโครงสร้างรายได้บริษัทฯ มาจากธุรกิจขั้นกลาง คือ ยางแท่ง ยางแผ่นฯ และน้ำยางข้น 90% และธุรกิจถุงมือยางทางการแพทย์ 10% โดยปี 2559 บริษัทมีรายได้รวม 7.79 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% และขาดทุนสุทธิ 758.99 ล้านบาท เนื่องจากมีรายการพิเศษจากอาคารที่อินโดนีเซียไฟไหม้ ที่ปีนี้จะทยอยได้เงินค่าเคลมประกันจากเหตุการณ์ดังกล่าว



cr : ผู้จัดการ Online
[/color]