ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: พฤษภาคม 25, 2015, 12:43:24 PM »

ชาวสวนยิ้มราคายางเริ่มขยับขึ้น


updated: 25 พ.ค. 2558 เวลา 10:45:21 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
 
  เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม นายสิทธิพร จริยพงศ์ รองประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติและประธานสภาเกษตรกรจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ราคายางพาราขณะนี้ขยับตัวขึ้นมาสูงเกือบถึงกิโลกรัม (กก.) ละ 60 บาทแล้ว ตามกลไกตลาด โดยรัฐบาลไม่ได้แทรกแซง แต่รัฐบาลและสภาเกษตรกรเตรียมมาตรการต่างๆ รองรับหากราคายางตกต่ำอีก โดยขยายเวลาโครงการเดิม 3 โครงการ คือ 1.โครงการเงินกู้เพื่อประกอบอาชีพเสริมแก่เกษตรกร 10,000 ล้านบาท 2.โครงการเงินกู้แก่สถานบันเกษตรกร เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรับซื้อยางจากเกษตรกร 10,000 ล้านบาท และ 3. โครงการเงินกู้ 5,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุง ขยายกิจการ โดยขยายเวลาออกไปจนกว่าหมดวงเงิน นอกจากนั้นเตรียมโครงการมูลภัณฑ์กันชนไว้อีกทางหนึ่ง

นายวีระศักดิ์ สินธุวงศ์ ประชาสัมพันธ์คณะกรรมการเครือข่ายชาวสวนยางพาราแห่งประเทศไทย (คสยท.) กล่าวว่า ทำหนังสือเปิดผนึกเรื่องยางพาราถึงนายประชา เตรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ซึ่งจะจัดเวทีเพื่อรับฟังความคิดเห็นในวันที่ 28 พฤษภาคม ที่โรงแรมตรัง กทม. ที่ผ่านมาไทยปลูกยาง 120 ปี ยังส่งออกวัตถุดิบเกือบ 90% แปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าและบริโภคในประเทศ ไม่ถึง 15% ชี้ชัดว่าส่งเสริมให้ปลูก แต่ไม่ส่งเสริมให้ขาย รัฐบาลจึงแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

นายอาคม วงษ์ศิริ ชาวสวนยาง หมู่ที่ 6 ต.วัดประดู อ.เมืองสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ราคายางกก.ละ 55 บาท ค่อนข้างพอใจ เพราะขณะนี้ปริมาณน้ำยางยังน้อย แต่หากเปิดกรีดเต็มที่กังวลว่าราคายางจะปรับลดลงไปอีก และอยากให้ราคาไปอยู่ที่ กก.ละ 80 บาท จึงจะเพียงพอต่อการดำรงชีพ อยากวิงวอนรัฐบาลเข้ามาดูแลเรื่องต้นทุนการผลิตมากกว่านี้ โดยเฉพาะราคาปุ๋ย




ที่มา : นสพ.มติชน