ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: มิถุนายน 05, 2015, 04:34:49 PM »รัฐตะลึงพบรุกป่าอนุรักษ์ปลูกยางเกือบทั้งประเทศ
05 มิถุนายน 2558 เวลา 10:04 น ที่มา โพสต์ทูเดย์

ภาคใต้เจอทุกจังหวัด ตั้งเป้าปีนี้ทวงป่าคืนหลวง 600,000 ไร่ เล็งจัดการนายทุนอันดับแรกปรามอย่าปลุกม็อบชาวบ้านเป็นหนังหน้าไฟ
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด เปิดเผยความคืบหน้าปฏิบัติการเพื่อบังคับใช้กฎหมายต่อพื้นที่ป่าที่ถูก บุกรุกปลูกยางพาราว่าจากการรวบรวมข้อมูลทั้งจากแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศและการเดินเท้าเข้า สำรวจในพื้นที่ป่าอนุกรักษ์ทั่วประเทศ จนนำมาสู่การออกแผนปฏิบัติการทวงคืนผืนป่า พบว่า มีการบุกรุกพื้นที่ป่าทั่วประเทศ รวม 62 จังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้พบการบุกรุกทุกจังหวัดโดยพื้นที่ที่ถูกบุกรุก แล้วแผ้วถางปลูกยางพารา มีทั้งที่เป็น ป่าสงวน อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า วนอุทยาน และเตรียมการประกาศเป็นวนอุทยาน
"รัฐบาลไม่สามารถยอมให้เกิดพฤติกรรมละเมิดกฎหมาย เอาเปรียบประเทศและรังแกทรัพยากรที่ควรสงวนรักษาไว้ให้ลูกหลาน แบบนี้ต่อไปได้
โดยในปีนี้ มอบหมายให้ กรมอุทยานแห่งชาติทวงคืนผืนป่า จำนวน 200,000 ไร่ และดำเนินการโดยกรมป่าไม้อีก 400,000 ไร่ โดยเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่1 มิถุนายนที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ ดำเนินการไปได้แล้วประมาณ 23,000 ไร่ โดยตั้งเป้าให้แล้วเสร็จในเดือนธันวาคมนี้ ทั้ง 600,000 ไร่ ซึ่งเป็นคนละส่วนกับการดำเนินการกับผู้บุกรุกป่าในกรณีอื่น เช่นการสร้างที่พักสร้างบ้าน ซึ่งส่วนนั้นก็ต้องดำเนินการต่อไปเช่นกัน"
พลตรีสรรเสริญ กล่าวต่อว่า แนวทางดำเนินการของเจ้าหน้าที่ มีขั้นตอนชัดเจน โดยให้ดำเนินการในพื้นที่นอกแปลงพิสูจน์สิทธิ์การครอบครองที่ดินตามมติครม. เมื่อวันที่30 มิถุนายน 2541 และต้องไม่มีพื้นที่ทับซ้อนกับเอกสารสิทธิ์อื่นๆ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นการบุกรุกอย่างชัดเจน อีกทั้งก่อนการดำเนินการในทุกขั้นตอน ยังให้เจ้าหน้าที่ทั้งของกรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้ ประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับผู้นำชุมชน และผู้ครอบครองที่ดินปลูกยางพาราให้ทราบถึงนโยบายของรัฐบาลอย่างชัดเจน การเข้าไปตัดฟันต้นยางพาราในพื้นที่ก็ต้องแจ้งผู้นำชุมชน อาทิ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในการดำเนินการ
"ท่านนายกรัฐมนตรียังได้กำชับเป็นพิเศษใน2 เรื่อง คือ 1. การปฏิบัติการตามนโยบายนี้ต้องไม่ให้มีเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตหรือแอบอ้างผล ประโยชน์ หากพบจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดทุกกรณี 2. ให้ดำเนินการในแปลงที่เป็นการบุกรุกจากนายทุนหรือผู้มีอิทธิพลเป็นอันดับ แรกตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อย่างไรก็ตามในขั้นต้นเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตัดต้นยาง เพียงร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนอีกร้อยละ 40 คงเหลือไว้ให้เป็นพื้นที่ที่ราษฎรผู้ยากไร้ ซึ่งมักจะเข้าไปเกี่ยวข้องในฐานะผู้รับจ้างกรีดยางจากนายทุนได้ทำมาหากินต่อ ไปก่อน
ดังนั้นการพยายามสร้างข่าวเท็จ หรือปลุกปั่นกระแสว่า รัฐเลือกปฏิบัติกับบางพื้นที่ หรือ รังแกประชาชนผู้ยากไร้ จึงไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย ขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนบริโภคข่าวสารอย่างมีเหตุผล ส่วนผู้ที่กระทำผิดกฎหมายก็อย่าได้ปลุกปั่นสร้างกระแสเอาประชาชนรายเล็กราย น้อยออกมาเป็นหนังหน้าไฟกำบังความผิดของตนเพราะเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามเอกสารหลักฐาน และสามารถพิสูจน์ตรวจสอบได้ทุกกรณี
05 มิถุนายน 2558 เวลา 10:04 น ที่มา โพสต์ทูเดย์

ภาคใต้เจอทุกจังหวัด ตั้งเป้าปีนี้ทวงป่าคืนหลวง 600,000 ไร่ เล็งจัดการนายทุนอันดับแรกปรามอย่าปลุกม็อบชาวบ้านเป็นหนังหน้าไฟ
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด เปิดเผยความคืบหน้าปฏิบัติการเพื่อบังคับใช้กฎหมายต่อพื้นที่ป่าที่ถูก บุกรุกปลูกยางพาราว่าจากการรวบรวมข้อมูลทั้งจากแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศและการเดินเท้าเข้า สำรวจในพื้นที่ป่าอนุกรักษ์ทั่วประเทศ จนนำมาสู่การออกแผนปฏิบัติการทวงคืนผืนป่า พบว่า มีการบุกรุกพื้นที่ป่าทั่วประเทศ รวม 62 จังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้พบการบุกรุกทุกจังหวัดโดยพื้นที่ที่ถูกบุกรุก แล้วแผ้วถางปลูกยางพารา มีทั้งที่เป็น ป่าสงวน อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า วนอุทยาน และเตรียมการประกาศเป็นวนอุทยาน
"รัฐบาลไม่สามารถยอมให้เกิดพฤติกรรมละเมิดกฎหมาย เอาเปรียบประเทศและรังแกทรัพยากรที่ควรสงวนรักษาไว้ให้ลูกหลาน แบบนี้ต่อไปได้
โดยในปีนี้ มอบหมายให้ กรมอุทยานแห่งชาติทวงคืนผืนป่า จำนวน 200,000 ไร่ และดำเนินการโดยกรมป่าไม้อีก 400,000 ไร่ โดยเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่1 มิถุนายนที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ ดำเนินการไปได้แล้วประมาณ 23,000 ไร่ โดยตั้งเป้าให้แล้วเสร็จในเดือนธันวาคมนี้ ทั้ง 600,000 ไร่ ซึ่งเป็นคนละส่วนกับการดำเนินการกับผู้บุกรุกป่าในกรณีอื่น เช่นการสร้างที่พักสร้างบ้าน ซึ่งส่วนนั้นก็ต้องดำเนินการต่อไปเช่นกัน"
พลตรีสรรเสริญ กล่าวต่อว่า แนวทางดำเนินการของเจ้าหน้าที่ มีขั้นตอนชัดเจน โดยให้ดำเนินการในพื้นที่นอกแปลงพิสูจน์สิทธิ์การครอบครองที่ดินตามมติครม. เมื่อวันที่30 มิถุนายน 2541 และต้องไม่มีพื้นที่ทับซ้อนกับเอกสารสิทธิ์อื่นๆ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นการบุกรุกอย่างชัดเจน อีกทั้งก่อนการดำเนินการในทุกขั้นตอน ยังให้เจ้าหน้าที่ทั้งของกรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้ ประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับผู้นำชุมชน และผู้ครอบครองที่ดินปลูกยางพาราให้ทราบถึงนโยบายของรัฐบาลอย่างชัดเจน การเข้าไปตัดฟันต้นยางพาราในพื้นที่ก็ต้องแจ้งผู้นำชุมชน อาทิ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในการดำเนินการ
"ท่านนายกรัฐมนตรียังได้กำชับเป็นพิเศษใน2 เรื่อง คือ 1. การปฏิบัติการตามนโยบายนี้ต้องไม่ให้มีเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตหรือแอบอ้างผล ประโยชน์ หากพบจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดทุกกรณี 2. ให้ดำเนินการในแปลงที่เป็นการบุกรุกจากนายทุนหรือผู้มีอิทธิพลเป็นอันดับ แรกตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อย่างไรก็ตามในขั้นต้นเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตัดต้นยาง เพียงร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนอีกร้อยละ 40 คงเหลือไว้ให้เป็นพื้นที่ที่ราษฎรผู้ยากไร้ ซึ่งมักจะเข้าไปเกี่ยวข้องในฐานะผู้รับจ้างกรีดยางจากนายทุนได้ทำมาหากินต่อ ไปก่อน
ดังนั้นการพยายามสร้างข่าวเท็จ หรือปลุกปั่นกระแสว่า รัฐเลือกปฏิบัติกับบางพื้นที่ หรือ รังแกประชาชนผู้ยากไร้ จึงไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย ขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนบริโภคข่าวสารอย่างมีเหตุผล ส่วนผู้ที่กระทำผิดกฎหมายก็อย่าได้ปลุกปั่นสร้างกระแสเอาประชาชนรายเล็กราย น้อยออกมาเป็นหนังหน้าไฟกำบังความผิดของตนเพราะเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามเอกสารหลักฐาน และสามารถพิสูจน์ตรวจสอบได้ทุกกรณี