ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: ตุลาคม 07, 2015, 10:03:29 AM »ขึ้นป้ายสะท้อนปัญหาราคายางพาราตกต่ำ
ขึ้นป้ายสะท้อนปัญหาราคายางพาราที่ตกต่ำ
เมื่อ เวลา 13.00 น.วันที่ 6 ต.ค.58 ที่บริเวณริมถนนเพชรเกษม หลัก กม.ที่ 412 -413 ฝั่งขาขึ้น กทม. บ้านธรรมรัตน์ หมู่ที่ 5 ต.ทองมงคล อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีการนำป้ายขนาดใหญ่ขนาด 3 คูณ 5เมตร ที่มีข้อความว่า " อย่าร้องให้ ชาวสวนยาง " มาติดตั้ง โดยลงชื่อกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน 16 จังหวัดภาค ใต้ เพื่อให้รถที่วิ่งผ่านไปมาได้มองเห็นได้ชัด สะท้อนปัญหาราคายางพาราที่ตกต่ำ
นาย จำลอง ดีทองอ่อน ผู้ประสานงานเกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันและยางพาราได้รับความเดือดร้อนจากราคาผล ผลิตตกต่ำทั้งปาล์มน้ำมัน และ ยางพารา ที่มีราคาตกต่ำมาก อีกทั้งสวนยางพาราที่ทำกินมานานหลายปีบางแปลงได้ถูกตัดโค่น เนื่องจากไม่มีเอกสารสิทธิ์เพราะอยู่ในเขตป่าสงวน กลุ่มเกษตรกรจึงได้ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบ คีรีขันธ์ เพื่อเสนอต่อรัฐบาล ให้เร่งแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรที่กำลังได้รับความเดือดร้อนในเรื่องของราคา พืชผลทางการเกษตรและปัญหาที่ดินทำกิน
นาย จำลอง ยังกล่าวอีกว่า การโค่นต้นยางของเกษตรกรชาวสวนยางในพื้นที่ป่าไม่มีเอกสาร สิทธิ์ ยิ่งทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนซ้ำซาก จึงต้องการให้หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบเร่งทำการสำรวจข้อมูลรายแปลง ระหว่างที่ดินทำกินของเกษตรกร กับพื้นที่ป่าที่ยังสมบูรณ์ให้เป็นข้อมูลปัจจุบัน เพื่อร่วมกันดูแลรับผิดชอบไม่ให้มีการบุกรุกป่าเพิ่มเติม ในพื้นที่ที่เกษตรกรปลูกยางพาราอยู่แล้ว ขอให้รัฐบาลอนุญาตให้เกษตรกรเข้าอยู่อาศัยทำประโยชน์ในที่ดินตามมาตรา 16 พร บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 3 พ.ศ.2528 โดยก่อนหน้านี้ได้ส่งหนังสือ ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯไปถึงรัฐบาล เพื่อให้อธิบดีกรมป่าไม้อนุญาตให้เกษตรกรเช่าทำประโยชน์และอยู่อาศัยต่อไป ได้คราวละไม่น้อยกว่า 30 ปี
สำหรับ กรณีกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน 16 จังหวัดภาคใต้ จะเดินทางมารวมตัวกันที่บ้านธรรมรัตน์ นั้นนายจำลอง กล่าวว่า ขอยืนยันว่าเป็นเพียงข่าวออกไปตามสื่อเท่านั้น ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีการประสานงานดังกล่าว เพราะคณะกรรมการกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรฯ ยังต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาแบบสันติวิธีไม่ต้องการความรุนแรงที่เคยเกิด ขึ้นที่บ้านธรรมรัตน์เหมือนในอดีตที่ผ่านมา
ที่มา บ้านเมือง (06/10/58)
เมื่อ เวลา 13.00 น.วันที่ 6 ต.ค.58 ที่บริเวณริมถนนเพชรเกษม หลัก กม.ที่ 412 -413 ฝั่งขาขึ้น กทม. บ้านธรรมรัตน์ หมู่ที่ 5 ต.ทองมงคล อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีการนำป้ายขนาดใหญ่ขนาด 3 คูณ 5เมตร ที่มีข้อความว่า " อย่าร้องให้ ชาวสวนยาง " มาติดตั้ง โดยลงชื่อกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน 16 จังหวัดภาค ใต้ เพื่อให้รถที่วิ่งผ่านไปมาได้มองเห็นได้ชัด สะท้อนปัญหาราคายางพาราที่ตกต่ำ
นาย จำลอง ดีทองอ่อน ผู้ประสานงานเกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันและยางพาราได้รับความเดือดร้อนจากราคาผล ผลิตตกต่ำทั้งปาล์มน้ำมัน และ ยางพารา ที่มีราคาตกต่ำมาก อีกทั้งสวนยางพาราที่ทำกินมานานหลายปีบางแปลงได้ถูกตัดโค่น เนื่องจากไม่มีเอกสารสิทธิ์เพราะอยู่ในเขตป่าสงวน กลุ่มเกษตรกรจึงได้ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบ คีรีขันธ์ เพื่อเสนอต่อรัฐบาล ให้เร่งแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรที่กำลังได้รับความเดือดร้อนในเรื่องของราคา พืชผลทางการเกษตรและปัญหาที่ดินทำกิน
นาย จำลอง ยังกล่าวอีกว่า การโค่นต้นยางของเกษตรกรชาวสวนยางในพื้นที่ป่าไม่มีเอกสาร สิทธิ์ ยิ่งทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนซ้ำซาก จึงต้องการให้หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบเร่งทำการสำรวจข้อมูลรายแปลง ระหว่างที่ดินทำกินของเกษตรกร กับพื้นที่ป่าที่ยังสมบูรณ์ให้เป็นข้อมูลปัจจุบัน เพื่อร่วมกันดูแลรับผิดชอบไม่ให้มีการบุกรุกป่าเพิ่มเติม ในพื้นที่ที่เกษตรกรปลูกยางพาราอยู่แล้ว ขอให้รัฐบาลอนุญาตให้เกษตรกรเข้าอยู่อาศัยทำประโยชน์ในที่ดินตามมาตรา 16 พร บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 3 พ.ศ.2528 โดยก่อนหน้านี้ได้ส่งหนังสือ ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯไปถึงรัฐบาล เพื่อให้อธิบดีกรมป่าไม้อนุญาตให้เกษตรกรเช่าทำประโยชน์และอยู่อาศัยต่อไป ได้คราวละไม่น้อยกว่า 30 ปี
สำหรับ กรณีกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน 16 จังหวัดภาคใต้ จะเดินทางมารวมตัวกันที่บ้านธรรมรัตน์ นั้นนายจำลอง กล่าวว่า ขอยืนยันว่าเป็นเพียงข่าวออกไปตามสื่อเท่านั้น ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีการประสานงานดังกล่าว เพราะคณะกรรมการกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรฯ ยังต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาแบบสันติวิธีไม่ต้องการความรุนแรงที่เคยเกิด ขึ้นที่บ้านธรรมรัตน์เหมือนในอดีตที่ผ่านมา
ที่มา บ้านเมือง (06/10/58)