ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: ตุลาคม 19, 2015, 09:53:29 PM »ยางราคาตกทำชาวบ้านไม่มีเงินจ่ายหนี้กองทุนหมู่บ้าน
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 17 ตุลาคม 2558, 11:01
ประธานกองทุนหมู่บ้านฯเผยราคายางพาราตกทำชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ไม่มีเงินจ่ายหนี้กองทุนหมู่บ้านตรัง ที่กู้ยืมกว่า 50 %
นายพร้อมพงษ์ บริโท ประธานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองนาข้าวเสีย หมู่ 3 ตำบลข้าวเสีย อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง กล่าวว่า กองทุนหมู่บ้านนาข้าวเสียมีสมาชิกกองทุนทั้งหมด 115 คน มีเงินหมุนเวียนอยู่ในระบบทั้งหมด 1.2 ล้านบาท ขณะนี้ปล่อยกู้ให้แก่สมาชิกทั้งหมด เหลือเงินอยู่ในธนาคารเพียงแค่ 40,000 บาทเท่านั้น ส่วนใหญ่สมาชิกกู้เงินไปทำธุรกิจส่วนตัว ทำสวน ค้าขาย เลี้ยงสัตว์ โดยสมาชิกที่กู้ยืมเงินกว่า 50%รายละ 5,000 ? 20,000 บาท รวมเงินประมาณ 700,000 แสนบาท ยังส่งคืนได้ไม่ครบ โดยบางรายไม่ได้ผ่อนชำระมาประมาณถึง 2 ปี ทางกรรมการกองทุนจึงต้องใช้วิธีเรียกมาพูดคุย ทำความเข้าใจ และใช้วิธีผ่อนผันการจ่ายคืน ให้เหลือเดินละไม่กี่ร้อยบาท ตามความสามารถของแต่ละราย
โดยปัญหาสมาชิกค้างจ่ายดังกล่าว เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจรายครัวเรือน ที่เกิดจากยางพารามีราคาตกต่ำ เพราะแหล่งรายได้หลักของชาวบ้าน มาจากยางพารา เมื่อยางพารามีราคาตกต่ำมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน รายได้ที่เคยมีก็ขาดหายไป หรือเหลือน้อย ขณะที่รายจ่ายในครัวเรือนยังมีเท่าเดิม หรือมากกว่าเดิม จึงทำให้ได้รับความเดือดร้อนกันอย่างหนัก ไม่มีเงินจ่ายหนี้เงินกู้กองทุน
ส่วนเงินรัฐบาลอัดลงมาให้เพิ่มอีกกองทุนละ 1 ล้านบาท เพื่อปล่อยกู้ให้แก่สมาชิก กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ ทางกองทุนยังไม่สามารถกู้ได้ เนื่องจากหนี้เสียเดิมที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ทางกรรมการจึงอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ของกองทุนใหม่ ให้สมาชิกทุกคนนำเงินมาจ่ายคืนของเก่า จึงจะสามารถยื่นเรื่องขอกู้ 1 ล้านบาท ตามนโยบายรัฐบาลให้ได้ แต่ก็ไม่ทราบว่าจะดำเนินการได้เมื่อใด
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 17 ตุลาคม 2558, 11:01
ประธานกองทุนหมู่บ้านฯเผยราคายางพาราตกทำชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ไม่มีเงินจ่ายหนี้กองทุนหมู่บ้านตรัง ที่กู้ยืมกว่า 50 %
นายพร้อมพงษ์ บริโท ประธานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองนาข้าวเสีย หมู่ 3 ตำบลข้าวเสีย อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง กล่าวว่า กองทุนหมู่บ้านนาข้าวเสียมีสมาชิกกองทุนทั้งหมด 115 คน มีเงินหมุนเวียนอยู่ในระบบทั้งหมด 1.2 ล้านบาท ขณะนี้ปล่อยกู้ให้แก่สมาชิกทั้งหมด เหลือเงินอยู่ในธนาคารเพียงแค่ 40,000 บาทเท่านั้น ส่วนใหญ่สมาชิกกู้เงินไปทำธุรกิจส่วนตัว ทำสวน ค้าขาย เลี้ยงสัตว์ โดยสมาชิกที่กู้ยืมเงินกว่า 50%รายละ 5,000 ? 20,000 บาท รวมเงินประมาณ 700,000 แสนบาท ยังส่งคืนได้ไม่ครบ โดยบางรายไม่ได้ผ่อนชำระมาประมาณถึง 2 ปี ทางกรรมการกองทุนจึงต้องใช้วิธีเรียกมาพูดคุย ทำความเข้าใจ และใช้วิธีผ่อนผันการจ่ายคืน ให้เหลือเดินละไม่กี่ร้อยบาท ตามความสามารถของแต่ละราย
โดยปัญหาสมาชิกค้างจ่ายดังกล่าว เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจรายครัวเรือน ที่เกิดจากยางพารามีราคาตกต่ำ เพราะแหล่งรายได้หลักของชาวบ้าน มาจากยางพารา เมื่อยางพารามีราคาตกต่ำมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน รายได้ที่เคยมีก็ขาดหายไป หรือเหลือน้อย ขณะที่รายจ่ายในครัวเรือนยังมีเท่าเดิม หรือมากกว่าเดิม จึงทำให้ได้รับความเดือดร้อนกันอย่างหนัก ไม่มีเงินจ่ายหนี้เงินกู้กองทุน
ส่วนเงินรัฐบาลอัดลงมาให้เพิ่มอีกกองทุนละ 1 ล้านบาท เพื่อปล่อยกู้ให้แก่สมาชิก กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ ทางกองทุนยังไม่สามารถกู้ได้ เนื่องจากหนี้เสียเดิมที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ทางกรรมการจึงอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ของกองทุนใหม่ ให้สมาชิกทุกคนนำเงินมาจ่ายคืนของเก่า จึงจะสามารถยื่นเรื่องขอกู้ 1 ล้านบาท ตามนโยบายรัฐบาลให้ได้ แต่ก็ไม่ทราบว่าจะดำเนินการได้เมื่อใด