ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: ธันวาคม 17, 2015, 02:51:02 PM »3 ประเทศทนยางตกต่ำไม่ไหวเร่งหารือจำกัดปริมาณส่งออก
"ฉัตรชัย" แจงผลการประชุมระดับรัฐมนตรีของสภาไตรภาคียางพารา 3 ประเทศ จับมือศึกษาแนวทางการจำกัดปริมาณการส่งออกยางให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน พร้อมหารือรัฐมนตรีประมงอินโดฯ แก้ปัญหาเรือประมงไทย
พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงผลการประชุมระดับรัฐมนตรีของสภาไตรภาคียางพารา (ITRC) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ ประเทศอินโดนีเซียว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบร่วมกันเรื่องความร่วมมือในการกำหนดราคายางธรรมชาติ โดย ITRC จะศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้มาตรการจำกัดการส่งออก เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางธรรมชาติในปี 2559 โดยกำหนดศึกษาให้เสร็จภายใน 1 เดือน หรือภายในเดือน ม.ค. 2559 ซึ่งประเทศสมาชิกทั้ง 3 ประเทศจะต้องจำกัดปริมาณการส่งออกยางธรรมชาติ ตามห้วงระยะเวลาที่ประเทศสมาชิกเห็นชอบ และเห็นชอบการก่อตั้งตลาดกลางยางธรรมชาติระดับภูมิภาค เพื่อทำหน้าที่ป้องกันความเสี่ยงด้านราคา และสะท้อนราคาที่เป็นธรรม สร้างผลกำไรให้ผู้ผลิตยาง ทั้ง 3 ประเทศ ซึ่งทั้ง 3 ประเทศเห็นว่า จะตั้งให้เสร็จภายใน 3 เดือน ทั้งยังเรียกร้องให้ภาคเอกชนในประเทศสมาชิก ITRC รักษาระดับราคายางธรรมชาติให้เป็นธรรม และมีผลกำไร ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับผู้ปลูก ยางธรรมชาติรายเล็ก
ขณะเดียวกัน ประเทศเวียดนามแสดงเจตนารมณ์จะเข้าร่วมเป็นสมาชิก ITRC ซึ่งจะทำให้เป็น 4 ประเทศที่มีผลผลิตยางธรรมชาติ รวมกันเป็นร้อยละ 74.3 ของ ยางธรรมชาติทั่วโลก ซึ่งจะส่งเสริมประสานงานในการแก้ปัญหาราคายางธรรมชาติต่อไป
สำหรับด้านความร่วมมือในการส่งเสริมการใช้ยางธรรมชาติ ที่ประชุมได้เห็นชอบที่จะใช้ยางธรรมชาติ จำนวน 300,000 ตัน สำหรับการสร้างถนน ไม้หมอนรถไฟ ยางกันกระแทกเรือ และการก่อสร้างโครงสร้างขั้นพื้นฐานในปี 2559 และเห็นชอบแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี ความรู้ในการใช้ยางธรรมชาติปรับผิวถนน และเสนอแนะแนวทางสร้างแรงจูงใจกับสาธารณชนด้วยการจัดการแข่งขัน การประกวดการประดิษฐ์สินค้าที่ใช้นวัตกรรมจากยางธรรมชาติด้วย
นอกจากนี้ที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์ยางธรรมชาติ โดยราคายางธรรมชาติยังต่ำกว่าราคาต้นทุนการผลิต ถึงแม้สต๊อกยางธรรมชาติ ผลผลิตยางธรรมชาติจะลดลง ซึ่งในเดือน ก.ย. 2558 มีสต๊อกยางธรรมชาติทั่วโลก 2.8 ล้านตัน เทียบกับ 3.2 ล้านตันในปี 2557 ขณะที่ผลผลิตยางธรรมชาติจากประเทศสมาชิกสมาคมผู้ผลิตยางธรรมชาติ (Association of Natural Rubber Producing Countries-ANPC) รวม 11 ประเทศ คือ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย จีน อินเดีย ศรีลังกา เวียดนาม กัมพูชา สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และปาปัวนิวกินี คิดเป็นร้อยละ 92 ของการผลิตยางธรรมชาติทั่วโลก ในปีนี้ปรับลดลงเล็กน้อยจาก 10.95 ล้านตันในปี 2557 เป็น 10.94 ล้านตันในปี 2558 เนื่องจากราคาที่ลดลง และผู้ผลิตยางธรรมชาติหันไปปลูกพืชเศรษฐกิจอื่น ราคาที่ลดลงส่งผลต่อความเป็นอยู่ของผู้ผลิตยางธรรมชาติ
พลเอกฉัตรชัยกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากการเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีของสภาไตรภาคียางพาราแล้ว ยังได้หารืออย่างไม่เป็นทางการกับนางซูซี ปุดเจียสตูติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการทางทะเลและประมงอินโดนีเซีย ใน 3 ประเด็นสำคัญ คือ 1.จากกรณีเรือบรรทุกสินค้าสัตว์น้ำสัญชาติไทย จำนวน 4 ลำ ซึ่งถูกกักไว้ที่เมืองอำบนและเบนจินา ตามประกาศของรัฐมนตรีอินโดนีเซีย เรื่องให้เรือประมงที่นำเข้าจากต่างประเทศหยุดทำการประมง ฝ่ายไทยขอให้ตรวจสอบโดยเร็ว หากไม่พบความผิดขอให้ปล่อยเรือกลับประเทศไทย โดยฝ่ายอินโดนีเซียยินดีให้เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงจาการ์ตา ประสานงานร่วมกับฝ่ายอินโดนีเซีย 2.กรณีเรือประมง 124 ลำ (สัญชาติอินโดนีเซีย) ที่ถูกกักไว้รอการตรวจสอบ ซึ่งเรือ 124 ลำที่ขึ้นทะเบียน เป็นเรือของอินโดนีเซีย แต่ข้อเท็จจริงเป็นเรือของผู้ประกอบการไทยนั้น ฝ่ายอินโดนีเซียแจ้งว่า ต้องการทราบข้อมูลเรือทั้ง 124 ลำ โดยฝ่ายไทยจะให้ผู้แทนเจ้าของเรือ ในนามของสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยให้ข้อมูลแก่ฝ่ายอินโดนีเซียต่อไป 3.การร่วมมือกันต่อต้านการทำการประมงที่ผิดกฎหมาย IUU โดยทั้ง 2 ประเทศเห็นชอบร่วมกันที่จะจัดตั้งคณะทำงานร่วม และได้เรียนเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการทางทะเลและประมงอินโดนีเซีย มาเยือนประเทศไทย เพื่อจะได้ประชุมคณะทำงานร่วมโดยเร็วที่สุด--จบ--
ประชาชาติธุรกิจ (Th)
"ฉัตรชัย" แจงผลการประชุมระดับรัฐมนตรีของสภาไตรภาคียางพารา 3 ประเทศ จับมือศึกษาแนวทางการจำกัดปริมาณการส่งออกยางให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน พร้อมหารือรัฐมนตรีประมงอินโดฯ แก้ปัญหาเรือประมงไทย
พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงผลการประชุมระดับรัฐมนตรีของสภาไตรภาคียางพารา (ITRC) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ ประเทศอินโดนีเซียว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบร่วมกันเรื่องความร่วมมือในการกำหนดราคายางธรรมชาติ โดย ITRC จะศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้มาตรการจำกัดการส่งออก เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางธรรมชาติในปี 2559 โดยกำหนดศึกษาให้เสร็จภายใน 1 เดือน หรือภายในเดือน ม.ค. 2559 ซึ่งประเทศสมาชิกทั้ง 3 ประเทศจะต้องจำกัดปริมาณการส่งออกยางธรรมชาติ ตามห้วงระยะเวลาที่ประเทศสมาชิกเห็นชอบ และเห็นชอบการก่อตั้งตลาดกลางยางธรรมชาติระดับภูมิภาค เพื่อทำหน้าที่ป้องกันความเสี่ยงด้านราคา และสะท้อนราคาที่เป็นธรรม สร้างผลกำไรให้ผู้ผลิตยาง ทั้ง 3 ประเทศ ซึ่งทั้ง 3 ประเทศเห็นว่า จะตั้งให้เสร็จภายใน 3 เดือน ทั้งยังเรียกร้องให้ภาคเอกชนในประเทศสมาชิก ITRC รักษาระดับราคายางธรรมชาติให้เป็นธรรม และมีผลกำไร ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับผู้ปลูก ยางธรรมชาติรายเล็ก
ขณะเดียวกัน ประเทศเวียดนามแสดงเจตนารมณ์จะเข้าร่วมเป็นสมาชิก ITRC ซึ่งจะทำให้เป็น 4 ประเทศที่มีผลผลิตยางธรรมชาติ รวมกันเป็นร้อยละ 74.3 ของ ยางธรรมชาติทั่วโลก ซึ่งจะส่งเสริมประสานงานในการแก้ปัญหาราคายางธรรมชาติต่อไป
สำหรับด้านความร่วมมือในการส่งเสริมการใช้ยางธรรมชาติ ที่ประชุมได้เห็นชอบที่จะใช้ยางธรรมชาติ จำนวน 300,000 ตัน สำหรับการสร้างถนน ไม้หมอนรถไฟ ยางกันกระแทกเรือ และการก่อสร้างโครงสร้างขั้นพื้นฐานในปี 2559 และเห็นชอบแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี ความรู้ในการใช้ยางธรรมชาติปรับผิวถนน และเสนอแนะแนวทางสร้างแรงจูงใจกับสาธารณชนด้วยการจัดการแข่งขัน การประกวดการประดิษฐ์สินค้าที่ใช้นวัตกรรมจากยางธรรมชาติด้วย
นอกจากนี้ที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์ยางธรรมชาติ โดยราคายางธรรมชาติยังต่ำกว่าราคาต้นทุนการผลิต ถึงแม้สต๊อกยางธรรมชาติ ผลผลิตยางธรรมชาติจะลดลง ซึ่งในเดือน ก.ย. 2558 มีสต๊อกยางธรรมชาติทั่วโลก 2.8 ล้านตัน เทียบกับ 3.2 ล้านตันในปี 2557 ขณะที่ผลผลิตยางธรรมชาติจากประเทศสมาชิกสมาคมผู้ผลิตยางธรรมชาติ (Association of Natural Rubber Producing Countries-ANPC) รวม 11 ประเทศ คือ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย จีน อินเดีย ศรีลังกา เวียดนาม กัมพูชา สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และปาปัวนิวกินี คิดเป็นร้อยละ 92 ของการผลิตยางธรรมชาติทั่วโลก ในปีนี้ปรับลดลงเล็กน้อยจาก 10.95 ล้านตันในปี 2557 เป็น 10.94 ล้านตันในปี 2558 เนื่องจากราคาที่ลดลง และผู้ผลิตยางธรรมชาติหันไปปลูกพืชเศรษฐกิจอื่น ราคาที่ลดลงส่งผลต่อความเป็นอยู่ของผู้ผลิตยางธรรมชาติ
พลเอกฉัตรชัยกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากการเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีของสภาไตรภาคียางพาราแล้ว ยังได้หารืออย่างไม่เป็นทางการกับนางซูซี ปุดเจียสตูติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการทางทะเลและประมงอินโดนีเซีย ใน 3 ประเด็นสำคัญ คือ 1.จากกรณีเรือบรรทุกสินค้าสัตว์น้ำสัญชาติไทย จำนวน 4 ลำ ซึ่งถูกกักไว้ที่เมืองอำบนและเบนจินา ตามประกาศของรัฐมนตรีอินโดนีเซีย เรื่องให้เรือประมงที่นำเข้าจากต่างประเทศหยุดทำการประมง ฝ่ายไทยขอให้ตรวจสอบโดยเร็ว หากไม่พบความผิดขอให้ปล่อยเรือกลับประเทศไทย โดยฝ่ายอินโดนีเซียยินดีให้เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงจาการ์ตา ประสานงานร่วมกับฝ่ายอินโดนีเซีย 2.กรณีเรือประมง 124 ลำ (สัญชาติอินโดนีเซีย) ที่ถูกกักไว้รอการตรวจสอบ ซึ่งเรือ 124 ลำที่ขึ้นทะเบียน เป็นเรือของอินโดนีเซีย แต่ข้อเท็จจริงเป็นเรือของผู้ประกอบการไทยนั้น ฝ่ายอินโดนีเซียแจ้งว่า ต้องการทราบข้อมูลเรือทั้ง 124 ลำ โดยฝ่ายไทยจะให้ผู้แทนเจ้าของเรือ ในนามของสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยให้ข้อมูลแก่ฝ่ายอินโดนีเซียต่อไป 3.การร่วมมือกันต่อต้านการทำการประมงที่ผิดกฎหมาย IUU โดยทั้ง 2 ประเทศเห็นชอบร่วมกันที่จะจัดตั้งคณะทำงานร่วม และได้เรียนเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการทางทะเลและประมงอินโดนีเซีย มาเยือนประเทศไทย เพื่อจะได้ประชุมคณะทำงานร่วมโดยเร็วที่สุด--จบ--
ประชาชาติธุรกิจ (Th)