ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: ธันวาคม 25, 2015, 03:48:33 PM »

เครือข่ายยางพะเยา เบรกรบ.เงินชดเชยไร่ละ 1.5 พัน มองเป็นอัฐยายซื้อขนมยาย

วันที่ 24 ธันวาคม  พ.ศ. 2558 เวลา 14:00:00 น ที่มา มติชน


http://www.matichon.co.th/online/2015/12/14509394781450939793l.jpg height=341


(24 ธ.ค.58) นายสาย อิ่นคำ ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนยางพาราจังหวัดพะเยา กล่าวว่า นโยบายการช่วยเหลือชาวสวนยางพาราเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร โดยคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติอนุมัติโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศ มาตรการหนึ่งคือการชดเชยให้แก่ชาวสวนยาง ไร่ละ 1,500 บาท โดยเป็นยางที่เกิดกรีดแล้วรายหนึ่งไม่เกิน 15 ไร่ ทั้งนี้ทั่วประเทศจะใช้งบประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท แนวทางเบื้องต้นคือรัฐบาลได้ขอยืมเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) จ่ายชดเชยช่วยเหลือเกษตรกรไปก่อน จากนั้นรัฐบาลจะนำเงินเซส(Cess) จำนวนร้อยละ 35ตามมาตรา 49(3) พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 ออกมาชำระหนี้คืนให้แก่ ธ.ก.ส.

นายสาย กล่าวต่อว่า แนวทางดังกล่าวทางสถาบันเกษตรกรและเกษตรกรชาวสวนยางไม่เห็นด้วย เนื่องจากการนำเงินเซส ที่จะต้องถูกนำไปใช้เรื่องการพัฒนาตลาดและศักยภาพของยางพารา จำนวน 1.3หมื่นล้านบาท ออกมาใช้เป็นเงินที่ไม่ก่อให้เกิดดอกผล เป็นลักษณะของการใช้อัฐยายซื้อขนมยายไม่ถูกต้อง และไม่ควรทำอย่างยิ่ง ทางออกที่เหมาะสมคือ รัฐบาลควรต้องใช้งบประมาณกลางของรัฐบาลลงมาดำเนินการเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชาวสวนยางทั้งประเทศ เป็นแนวทางที่เหมาะสมและดีต่อทุกฝ่าย

?ทั้งนี้ เงินเซสดังกล่าว เหมาะสมสำหรับการใช้เพื่อพัฒนาตลาดและศักยภาพของยางพารา เช่น การส่งเสริมแปรรูปยางพารา โดยสนับสนุนให้แก่สถาบันเกษตรกรทั่วประเทศที่มีความสามารถ นำไปก่อสร้างโรงงานเพื่อแปรรูปยางพัฒนาศักยภาพของยางพารา ซึ่งทั้งประเทศใช้งบประมาณ 5,000 ล้านบาท เท่านั้น จะเกิดผลดีต่อภาพรวมทั้งประเทศ และจะช่วยกระตุ้นราคายางพาราให้สูงขึ้น แต่หากนำมาช่วยจ่ายชดเชยเกษตรกรถึง 1.3 หมื่นล้านบาท ทำให้เงินจมหายและก่อภาระหนี้ผูกพันให้แก่รัฐบาลและประชาชนแบกรับด้วย? นายสาย กล่าว