ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: มกราคม 14, 2016, 02:28:24 PM »ยางอีสานยัน ยังไม่พอใจมติรบ. ชี้กำหนดราคาไม่ชัดเจน คนกลางได้ประโยชน์ก่อน
วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 11:00:00 น. ที่มา มติชน

วันที่ 14 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม บรรยากาศความเคลื่อนไหวของเกษตรกรชาวสวนยาง ในพื้นที่ภาคอีสาน ยังมีการเคลื่อนไหว เพื่อจับตาแนวทางการช่วยเหลือของรัฐบาล เช่นเดียวกันกับ นายวิชิต สมรฤทธิ์ เกษตรกรสวนยางพารา ชาว อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ในฐานะประธานเครือข่ายยางพารา ภาคอีสาน ออกมาเปิดเผยว่า เกษตรกรในพื้นที่ภาคอีสาน รวม 4 จังหวัด มี นครพนม มุกดาหาร สกลนคร และกาฬสินธุ์ มากกว่า 2 แสนราย รวมถึงพื้นที่ จ.นครพนม มีเนื้อที่ปลูกทั้งหมด รวมกว่า 3 แสนไร่ เปิดกรีดแล้วกว่า 2 แสนไร่ จากข้อมูลพบว่าทุกเดือนจะมีเงินหมุนเวียนสะพัดจากการขายยางพารา เกือบ 100 ล้านบาท แต่หลังราคายางตกต่ำ ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ลดลงกว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์ ไม่เพียงเกษตรกรเท่านั้นที่เดือดร้อน ยังมีปัญหาต่อภาคเศรษฐกิจการค้า โดยเฉพาะร้านจำหน่วยวัสดุอุปกรณ์การเกษตร ต้องเจอปัญหาวิกฤต รวมไปถึงยังมีปัญหาหนี้ค้างชำระ
ทางแกนนำเกษตรกรสวนยางนครพนม และเครือข่ายภาคอีสาน ยืนยันว่า มติการช่วยเหลือของรัฐบาลยังไม่เป็นที่พอใจ เนื่องจากไม่มีความชัดเจนในเรื่องกำหนดราคารับซื้อยางพารา และกังวลว่าจะมีความล่าช้า เพราะหากพ้นเดือนมกราคม ? กุมภาพันธ์ จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรชาวอีสาน เพราะจะเข้าสู่ฤดูปิดการกรีดยางพาราแล้ว สิ่งที่ตามมาคือประโยชน์จะตกไปที่พ่อค้าคนกลาง หรือกลุ่มคนที่มีสต๊อกยางในมือ แต่ไม่ได้กับเกษตรกรโดยตรง และต้องการให้มีการช่วยเหลือที่เท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรชาวสวนยางอีสาน หรือภาคใต้ เพราะมีความเดือดร้อนวิกฤต ภาระหนี้สินจำนวนมาก วอนรัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไข แต่หากล่าช้าทางเครือข่ายสวนยางภาคอีสาน ยังพร้อมที่จะมีการเคลื่อนไหว เรียกร้องรัฐบาลต่อเนื่อง และไม่ต้องการในเรื่องเงินชดเชย แต่ต้องการแก้ไขเรื่องราคายางแบบถาวร ที่จะเป็นการแก้ไขระยะยาว ขอให้กำลังใจรัฐบาลในการช่วยเหลือ
วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 11:00:00 น. ที่มา มติชน

วันที่ 14 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม บรรยากาศความเคลื่อนไหวของเกษตรกรชาวสวนยาง ในพื้นที่ภาคอีสาน ยังมีการเคลื่อนไหว เพื่อจับตาแนวทางการช่วยเหลือของรัฐบาล เช่นเดียวกันกับ นายวิชิต สมรฤทธิ์ เกษตรกรสวนยางพารา ชาว อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ในฐานะประธานเครือข่ายยางพารา ภาคอีสาน ออกมาเปิดเผยว่า เกษตรกรในพื้นที่ภาคอีสาน รวม 4 จังหวัด มี นครพนม มุกดาหาร สกลนคร และกาฬสินธุ์ มากกว่า 2 แสนราย รวมถึงพื้นที่ จ.นครพนม มีเนื้อที่ปลูกทั้งหมด รวมกว่า 3 แสนไร่ เปิดกรีดแล้วกว่า 2 แสนไร่ จากข้อมูลพบว่าทุกเดือนจะมีเงินหมุนเวียนสะพัดจากการขายยางพารา เกือบ 100 ล้านบาท แต่หลังราคายางตกต่ำ ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ลดลงกว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์ ไม่เพียงเกษตรกรเท่านั้นที่เดือดร้อน ยังมีปัญหาต่อภาคเศรษฐกิจการค้า โดยเฉพาะร้านจำหน่วยวัสดุอุปกรณ์การเกษตร ต้องเจอปัญหาวิกฤต รวมไปถึงยังมีปัญหาหนี้ค้างชำระ
ทางแกนนำเกษตรกรสวนยางนครพนม และเครือข่ายภาคอีสาน ยืนยันว่า มติการช่วยเหลือของรัฐบาลยังไม่เป็นที่พอใจ เนื่องจากไม่มีความชัดเจนในเรื่องกำหนดราคารับซื้อยางพารา และกังวลว่าจะมีความล่าช้า เพราะหากพ้นเดือนมกราคม ? กุมภาพันธ์ จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรชาวอีสาน เพราะจะเข้าสู่ฤดูปิดการกรีดยางพาราแล้ว สิ่งที่ตามมาคือประโยชน์จะตกไปที่พ่อค้าคนกลาง หรือกลุ่มคนที่มีสต๊อกยางในมือ แต่ไม่ได้กับเกษตรกรโดยตรง และต้องการให้มีการช่วยเหลือที่เท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรชาวสวนยางอีสาน หรือภาคใต้ เพราะมีความเดือดร้อนวิกฤต ภาระหนี้สินจำนวนมาก วอนรัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไข แต่หากล่าช้าทางเครือข่ายสวนยางภาคอีสาน ยังพร้อมที่จะมีการเคลื่อนไหว เรียกร้องรัฐบาลต่อเนื่อง และไม่ต้องการในเรื่องเงินชดเชย แต่ต้องการแก้ไขเรื่องราคายางแบบถาวร ที่จะเป็นการแก้ไขระยะยาว ขอให้กำลังใจรัฐบาลในการช่วยเหลือ