ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: มกราคม 23, 2016, 05:33:14 PM »

หัวใส! เกษตรกรชาวพัทลุงเลี้ยงแพะในสวนยางเส้นทางรายได้เสริม แม้ราคายางตกก็ไม่หวั่น


โดย MGR Online

22 มกราคม 2559 14:48 น. (แก้ไขล่าสุด 22 มกราคม 2559 15:03 น.)

 พัทลุง - เกษตรกรชาวพัทลุงสร้างรายได้เสริม โดยการเลี้ยงแพะในสวนยางพารา แม้ราคายางตกก็ไม่หวั่น เผยมีลูกค้าสั่งซื้อเพียบจนแพะโตไม่ทันความต้องการ
       
       วันนี้ (22 ม.ค.) นายอนันต์ ทิพย์รักษ์ เกษตรกรวัย 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93 หมู่ที่ 13 ต.เกาะเต่า อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง ผู้นำแพะเข้ามาเลี้ยงในสวนยางพาราของตัวเองมากว่า 4 ปี และมีลูกค้าสั่งซื้ออย่างต่อเนื่องจนแพะไม่สามารถเติบโตได้ทัน โดยมีจำนวนแพะทั้งหมด 115 ตัว ส่วนใหญ่เป็นแม่พันธุ์ และแพะเล็กที่ยังไม่ได้ขนาดที่จะจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคได้
       
       นายอนันต์ กล่าวว่า แพะเป็นสัตว์เล็กที่เลี้ยงง่าย เพียงสร้างโรงเรือนให้สูงจากพื้นดินสำหรับให้แพะนอน ส่วนอาหารก็สามารถปล่อยให้หากินวัชพืชในสวนยางพาราเพียงวันละ 3 ชม. ก็เพียงพอ หรือหากจะมีอาหารเสริมบ้างก็จะใช้ก้อนเกลือแร่ และขี้เค้กปาล์มที่สามารถหาซื้อได้จากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มทั่วไป โดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 40 สตางค์ ซึ่งไม่จำเป็นมากนัก ส่วนปัญหาเรื่องแหล่งน้ำไม่มีผลกระทบต่อการเลี้ยงแพะ เพราะแพะเป็นสัตว์ที่ต้องการน้ำน้อย


สำหรับพันธุ์แพะที่ นายอนันต์ เลี้ยง เป็นแพะเนื้อพันธุ์ผสมพื้นเมือง เนื่องจากสามารถต้านทานต่อโรคได้ดี ให้ลูกดกปีละ 2 ครอก แต่ละครอกมี 1-2 ตัว ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 5 เดือน ก็สามารถจับขายได้ โดยมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 15-25 กิโลกรัม ถ้าเป็นเพศเมียจะขายแพะเป็น ที่ราคากิโลกรัมละ 120 บาท เพศผู้ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 130 บาท เนื่องจากให้เนื้อดีกว่าเพศเมีย และข้อดีของแพะเล็กอีกอย่างคือ ตลาดมีความต้องการมากกว่าแพะขนาดใหญ่ที่มีราคาสูง ซึ่งไม่เหมาะต่อผู้บริโภคในท้องถิ่น ส่วนตลาดหลักๆ คือ จังหวัดตรัง ปัตตานี และเริ่มมีความนิยมบริโภคของชาวพัทลุงเพิ่มมากขึ้น
       
        ปัจจุบัน นายอนันต์ ทิพย์รักษ์ ได้รวมกลุ่มกับเพื่อนเกษตรกรใน ต.เกาะเต่า อ.ป่าพะยอม จำนวน 27 ราย ทำการเลี้ยงแพะในสวนยางพารา เนื่องจากการเลี้ยงแพะในสวนยางไม่เพียงส่งผลกระทบต่อต้นยาง แต่แพะจะช่วยในการกำจัดวัชพืชในสวนยาง และมูลของแพะก็ยังเป็นปุ๋ยให้แก่ยางพาราได้เป็นอย่างดี ประกอบกับขณะนี้ทางจังหวัดพัทลุง กำลังส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงปศุสัตว์มากขึ้น เพื่อให้จังหวัดพัทลุงเป็นศูนย์กลางการผลิตปศุสัตว์ป้อนให้แก่ตลาดอาเซียนใน อนาคต อาชีพการเลี้ยงแพะในสวนยางพาราจึงเป็นอาชีพเสริมที่จะสร้างรายได้ที่มั่นคง ให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางพาราได้เป็นอย่างดี แม้จะมีปัญหาด้านราคายางพาราตกต่ำ หรือปัญหาภัยแล้งก็จะไม่มีผลกระทบมากนัก