ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2016, 09:45:46 AM »

ผู้ผลิตยางในอินโดนีเซียไม่พอใจรัฐบาลที่เปิดให้ต่างชาติเป็นเจ้าของธุรกิจยางได้


กรุงจาการ์ตา, ประเทศอินโดนีเซีย- เว็บไซต์ Indonesia- Investment รายงานว่า ผู้ผลิตยางในประเทศอินโดนีเซียต่างแสดงความไม่พอใจในการตัดสินใจของรัฐบาล ที่เปิดโอกาสให้ต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจ 100% ในผลิตยางครัมบ์ได้


    โดย การตัดสินใจนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจลำดับที่ 10 ของรัฐบาล ซึ่งผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในภาคธุรกิจยางในอินโดนีเซียได้โต้แย้งว่า โรงงานแปรรูปยางที่มีอยู่ในปัจจุบันสามารถผลิตยางได้เกินความต้องการภายใน ประเทศอยู่แล้ว


    นาย Moenardji Soedargo ประธานสมาคมผู้ผลิตยางแห่งอินโดนีเซีย (Gapkindo) กล่าวว่า โรงงานยางจำนวน 140 แห่ง ที่มีอยู่ในปัจจุบันสามารถผลิตยางรวมกันได้ทั้งสิ้น 5.2 ล้านตัน แต่ในปีที่ผ่านมามีการผลิตยางเพียง 3.12 ล้านตัน แสดงว่ามีความแตกต่างระหว่างปริมาณยางที่ผลิตได้กับความต้องการยางมากกว่า 2 ล้านตัน และนอกจากนี้ ยางพาราที่เกษตรกรของอินโดนีเซียส่งป้อนให้กับโรงงานทั้ง 140 แห่ง นั้นเป็นยางที่มีความสกปรกสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (โดยภูมิภาคนี้ผู้ผลิตยางรายหลักคือ ประเทศไทยและมาเลเซีย) ดังนั้นโรงงานผลิตยางพาราจึงต้องใช้เวลามากขึ้นในการขจัดสิ่งสกปรกที่มีอยู่ ในยาง
    อุตสาหกรรมผลิตยางพาราต้นน้ำของอินโดนีเซียจึงเป็น อุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพต่ำสุดและมีความสามารถในการแข่งขันต่ำเมื่อเทียบ กับผู้ประกอบการในประเทศอื่น ด้วยเหตุนี้ นาย Soedargo จึงได้เสนอแนะให้ภาครัฐมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงอุตสาหกรรมยางต้นน้ำมากกว่า อุตสาหกรรมยางปลายน้ำ

    (ที่มา: http://www.rubberworld.com, 17/02/2016)