ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2016, 08:50:50 AM »

รายงานสถานการณ์การผลิตยางธรรมชาติในทวีปเอเชีย  (25/02/2559)



สำนักวิจัย Smart Research  ได้ออกรายงานเกี่ยวกับการประเมินสถานการณ์การผลิตยางธรรมชาติของประเทศผู้ผลิตในทวีปเอเชีย

 
นับเป็นปีที่ 4 แล้วที่ตลาดโลกมีปริมาณยางธรรมชาติมากเกินกว่าความต้องการ จนทำให้มีสต็อกยางในระดับสูง ในขณะเดียวกันก็ทำให้ราคายางลดลงอย่างต่อเนื่อง ในรายงานยังมีการคาดการณ์ด้วยว่าภายในปี 2563 ปริมาณยางธรรมชาติส่วนเกินจะมีถึง 1  ล้านตัน ส่วนยางสังเคราะห์มีปริมาณมากถึง 3 ล้านตัน ในขณะที่ความต้องการยางธรรมชาติทั่วโลกซึ่งส่วนใหญ่นำไปใช้ในการผลิตยางล้อ ชะลอตัว  เนื่องจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว

 
ทวีปเอเชียเป็นแหล่งผลิตยางธรรมชาติมากที่สุดของโลก มีสัดส่วนมากถึงร้อยละ  93 ของปริมาณยางที่ผลิตได้ทั่วโลก โดยประเทศไทยเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด  รองลงมาคืออินโดนีเซียและเวียดนาม ส่วนผู้ผลิตยางรายอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ได้แก่  อินเดีย จีนและมาเลเซีย

 
จีนนับเป็นประเทศที่ใช้ยางธรรมชาติมากที่สุดของโลก รองลงมาคือ อินเดียและสหรัฐอเมริกา การนำไปใช้ในการผลิตยางล้อและผลิตภัณฑ์ยางที่ใช้ในอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น นั้นคาดว่าจะช่วยหนุนอุปสงค์ยางธรรมชาติทั่วโลกได้มากขึ้น ในขณะที่อุตสาหกรรมกำลังเผชิญกับปัญหา เช่น การผลิตที่ลดลงและระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ดี อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ยางจากประเทศกำลังพัฒนาคาดว่าจะหนุนตลาดยางในปีที่ผ่านมา

 
ไทยเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดของโลก แต่กำลังประสบอันเนื่องมาจากอุปสงค์ลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดลงของอุปสงค์ยางจากจีน และมีสต็อกยางในประเทศเป็นจำนวนมาก  ในปี 2557 ราคายางลดลงราวร้อยละ 30 ส่งผลให้รายได้ภาคเกษตรลดลงตามมา เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมยางของอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตยางรายใหญ่ ลำดับ 2  ของโลก ก็กำลังประสบปัญหายางล้นตลาดเช่นเดียวกัน

 
ส่วนการผลิตยางในมาเลเซียตกต่ำลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาพภูมิอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้ว อีกทั้งเกษตรกรรายย่อยต่างหันไปปลูกปาล์มน้ำมัน ยางธรรมชาติกว่าร้อยละ 60 ผลิตโดยเกษตรกรรายย่อยที่ยังไม่สามารถหาอาชีพอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
สำหรับเวียดนามซึ่งเป็นผู้ผลิตยางธรรมชาติรายใหญ่ลำดับ 3 ของโลก ผลิตยางได้ราวร้อยละ 8 ของปริมาณยางที่ผลิตได้ทั่วโลก โดยยางที่ผลิตได้กว่าร้อยละ  80 ส่งออกไปยัง 86 ประเทศทั่วโลก โดยมีจีนเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุด

 
จากปัญหาราคายางที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่องทำให้เมื่อไม่นานมานี้บริษัท ร่วมทุนยางพาราระหว่างประเทศ  (International Rubber Consortium) ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ผลิตยางพาราจากประเทศไทย  อินโดนีเซีย และมาเลเซีย แนะนำว่าอย่าเพิ่งขายยางในช่วงที่ราคายางตกต่ำเพราะจะส่งผลให้ราคาตกลงอีก
ที่มา http://rubberjournalasia.com, 18/02/2016