ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2016, 08:50:50 AM »รายงานสถานการณ์การผลิตยางธรรมชาติในทวีปเอเชีย (25/02/2559)
สำนักวิจัย Smart Research ได้ออกรายงานเกี่ยวกับการประเมินสถานการณ์การผลิตยางธรรมชาติของประเทศผู้ผลิตในทวีปเอเชีย
นับเป็นปีที่ 4 แล้วที่ตลาดโลกมีปริมาณยางธรรมชาติมากเกินกว่าความต้องการ จนทำให้มีสต็อกยางในระดับสูง ในขณะเดียวกันก็ทำให้ราคายางลดลงอย่างต่อเนื่อง ในรายงานยังมีการคาดการณ์ด้วยว่าภายในปี 2563 ปริมาณยางธรรมชาติส่วนเกินจะมีถึง 1 ล้านตัน ส่วนยางสังเคราะห์มีปริมาณมากถึง 3 ล้านตัน ในขณะที่ความต้องการยางธรรมชาติทั่วโลกซึ่งส่วนใหญ่นำไปใช้ในการผลิตยางล้อ ชะลอตัว เนื่องจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว
ทวีปเอเชียเป็นแหล่งผลิตยางธรรมชาติมากที่สุดของโลก มีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 93 ของปริมาณยางที่ผลิตได้ทั่วโลก โดยประเทศไทยเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด รองลงมาคืออินโดนีเซียและเวียดนาม ส่วนผู้ผลิตยางรายอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ได้แก่ อินเดีย จีนและมาเลเซีย
จีนนับเป็นประเทศที่ใช้ยางธรรมชาติมากที่สุดของโลก รองลงมาคือ อินเดียและสหรัฐอเมริกา การนำไปใช้ในการผลิตยางล้อและผลิตภัณฑ์ยางที่ใช้ในอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น นั้นคาดว่าจะช่วยหนุนอุปสงค์ยางธรรมชาติทั่วโลกได้มากขึ้น ในขณะที่อุตสาหกรรมกำลังเผชิญกับปัญหา เช่น การผลิตที่ลดลงและระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ดี อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ยางจากประเทศกำลังพัฒนาคาดว่าจะหนุนตลาดยางในปีที่ผ่านมา
ไทยเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดของโลก แต่กำลังประสบอันเนื่องมาจากอุปสงค์ลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดลงของอุปสงค์ยางจากจีน และมีสต็อกยางในประเทศเป็นจำนวนมาก ในปี 2557 ราคายางลดลงราวร้อยละ 30 ส่งผลให้รายได้ภาคเกษตรลดลงตามมา เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมยางของอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตยางรายใหญ่ ลำดับ 2 ของโลก ก็กำลังประสบปัญหายางล้นตลาดเช่นเดียวกัน
ส่วนการผลิตยางในมาเลเซียตกต่ำลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาพภูมิอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้ว อีกทั้งเกษตรกรรายย่อยต่างหันไปปลูกปาล์มน้ำมัน ยางธรรมชาติกว่าร้อยละ 60 ผลิตโดยเกษตรกรรายย่อยที่ยังไม่สามารถหาอาชีพอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
สำหรับเวียดนามซึ่งเป็นผู้ผลิตยางธรรมชาติรายใหญ่ลำดับ 3 ของโลก ผลิตยางได้ราวร้อยละ 8 ของปริมาณยางที่ผลิตได้ทั่วโลก โดยยางที่ผลิตได้กว่าร้อยละ 80 ส่งออกไปยัง 86 ประเทศทั่วโลก โดยมีจีนเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุด
จากปัญหาราคายางที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่องทำให้เมื่อไม่นานมานี้บริษัท ร่วมทุนยางพาราระหว่างประเทศ (International Rubber Consortium) ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ผลิตยางพาราจากประเทศไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย แนะนำว่าอย่าเพิ่งขายยางในช่วงที่ราคายางตกต่ำเพราะจะส่งผลให้ราคาตกลงอีก
ที่มา http://rubberjournalasia.com, 18/02/2016
สำนักวิจัย Smart Research ได้ออกรายงานเกี่ยวกับการประเมินสถานการณ์การผลิตยางธรรมชาติของประเทศผู้ผลิตในทวีปเอเชีย
นับเป็นปีที่ 4 แล้วที่ตลาดโลกมีปริมาณยางธรรมชาติมากเกินกว่าความต้องการ จนทำให้มีสต็อกยางในระดับสูง ในขณะเดียวกันก็ทำให้ราคายางลดลงอย่างต่อเนื่อง ในรายงานยังมีการคาดการณ์ด้วยว่าภายในปี 2563 ปริมาณยางธรรมชาติส่วนเกินจะมีถึง 1 ล้านตัน ส่วนยางสังเคราะห์มีปริมาณมากถึง 3 ล้านตัน ในขณะที่ความต้องการยางธรรมชาติทั่วโลกซึ่งส่วนใหญ่นำไปใช้ในการผลิตยางล้อ ชะลอตัว เนื่องจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว
ทวีปเอเชียเป็นแหล่งผลิตยางธรรมชาติมากที่สุดของโลก มีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 93 ของปริมาณยางที่ผลิตได้ทั่วโลก โดยประเทศไทยเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด รองลงมาคืออินโดนีเซียและเวียดนาม ส่วนผู้ผลิตยางรายอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ได้แก่ อินเดีย จีนและมาเลเซีย
จีนนับเป็นประเทศที่ใช้ยางธรรมชาติมากที่สุดของโลก รองลงมาคือ อินเดียและสหรัฐอเมริกา การนำไปใช้ในการผลิตยางล้อและผลิตภัณฑ์ยางที่ใช้ในอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น นั้นคาดว่าจะช่วยหนุนอุปสงค์ยางธรรมชาติทั่วโลกได้มากขึ้น ในขณะที่อุตสาหกรรมกำลังเผชิญกับปัญหา เช่น การผลิตที่ลดลงและระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ดี อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ยางจากประเทศกำลังพัฒนาคาดว่าจะหนุนตลาดยางในปีที่ผ่านมา
ไทยเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดของโลก แต่กำลังประสบอันเนื่องมาจากอุปสงค์ลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดลงของอุปสงค์ยางจากจีน และมีสต็อกยางในประเทศเป็นจำนวนมาก ในปี 2557 ราคายางลดลงราวร้อยละ 30 ส่งผลให้รายได้ภาคเกษตรลดลงตามมา เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมยางของอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตยางรายใหญ่ ลำดับ 2 ของโลก ก็กำลังประสบปัญหายางล้นตลาดเช่นเดียวกัน
ส่วนการผลิตยางในมาเลเซียตกต่ำลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาพภูมิอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้ว อีกทั้งเกษตรกรรายย่อยต่างหันไปปลูกปาล์มน้ำมัน ยางธรรมชาติกว่าร้อยละ 60 ผลิตโดยเกษตรกรรายย่อยที่ยังไม่สามารถหาอาชีพอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
สำหรับเวียดนามซึ่งเป็นผู้ผลิตยางธรรมชาติรายใหญ่ลำดับ 3 ของโลก ผลิตยางได้ราวร้อยละ 8 ของปริมาณยางที่ผลิตได้ทั่วโลก โดยยางที่ผลิตได้กว่าร้อยละ 80 ส่งออกไปยัง 86 ประเทศทั่วโลก โดยมีจีนเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุด
จากปัญหาราคายางที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่องทำให้เมื่อไม่นานมานี้บริษัท ร่วมทุนยางพาราระหว่างประเทศ (International Rubber Consortium) ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ผลิตยางพาราจากประเทศไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย แนะนำว่าอย่าเพิ่งขายยางในช่วงที่ราคายางตกต่ำเพราะจะส่งผลให้ราคาตกลงอีก
ที่มา http://rubberjournalasia.com, 18/02/2016