ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: มิถุนายน 28, 2016, 09:31:24 AM »รื้อถอนสวนยางในอุทยานน้ำตกโยง พบต้องเข้ารื้อซ้ำหลังนายทุนลอบปลูกใหม่อีกรอบ
โดย MGR Online
27 มิถุนายน 2559 16:43 น. (แก้ไขล่าสุด 27 มิถุนายน 2559 16:58 น.)
นครศรีธรรมราช - จน ท.ร่วมกันสนธิกำลังเข้ารื้อถอนสวนยางพารา ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง อ.ลานสกา จ.นครศรีฯ พบมีการลักลอบเข้าไปปลูกพืชใหม่ในพื้นที่จับกุมรื้อถอนแล้วเมื่อหลายปีก่อน และนำไปหลอกขายที่ดินให้แก่ผู้อื่น ขณะที่ จนท.ต้องเข้ารื้อถอนซ้ำเพื่อสกัดการบุกรุกเพิ่มเติม
วันนี้ (27 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 42 และกำลังทหารจาก มทบ.43 สนธิกำลังกว่า 300 นาย เข้าปฏิบัติการรื้อถอนแปลงสวนยางพารา และสวนไม้ผลที่บุกรุกแผ้วถาง และปลูกผลอาสินในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นแปลงที่เจ้าหน้าที่เคยทำการจับกุมตั้งแต่ปี 2548 และมีการรื้อถอนไปแล้ว
แต่กลับพบว่า ในแปลงที่ดำเนินคดีแล้ว จำนวน 18 คดี 21 แปลง รวมพื้นที่กว่า 100 ไร่ ผู้บุกรุกลอบเข้าไปลูกผลอาสินอีกครั้ง เจ้าหน้าที่จึงต้องเข้ารื้อถอนเพื่อทำให้เกิดความเสียหายในการลงทุน ทั้งค่าต้นพันธุ์ และค่าบำรุงรักษา ยุติการบุกรุก นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่พบข้อมูลว่า หลายแปลงที่เคยต้องคดีแล้วหลังจากที่เข้ารื้อถอนผู้บุกรุกได้เข้าปลูกใหม่ หลังจากนั้นได้หลอกขายพื้นที่ดินแบบราคาถูกให้แก่คนต่างถิ่น
นายเทอดไท ขวัญทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง ระบุว่า พื้นที่ทั้ง 21 แปลง เป็นพื้นที่คดีเก่าที่ไม่ปรากฏตัวผู้ต้องหาในช่วงการตรวจยึด เมื่อราวปี 47-48 และผ่านกระบวนการรื้อถอนมาแล้ว แต่ปรากฏว่า หลังจากที่มีการรื้อถอนผู้บุกรุกได้เข้ามาปลูกซ้ำ เจ้าหน้าที่จึงต้องเข้ามารื้อถอนซ้ำเพื่อเป็นการสกัดการบุกรุกเพิ่มเติม และป้องปรามผู้ที่คิดบุกรุก
ขณะเดียวกัน พบว่า ในการบุกรุกบางแปลงหลังจากที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจยึด แล้วทำลายผลอาสิน กลับพบว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ถอนกำลังกลับมีการเข้าไปปลูกซ้ำ และหลอกขายที่ดินผิดกฎหมายให้แก่คนต่างถิ่นในราคาถูก
สำหรับพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง ในเขต อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช พบว่า มีพื้นที่ทำกินที่อยู่ในระหว่างการตรวจสอบสิทธิของราษฎร ตามมติ 30 มิถุนายน 2541 ที่ทำกินมาก่อนการประกาศพื้นที่อุทยานถึงกว่า 6 พันไร่ เจ้าหน้าที่ต้องคัดกรองอย่างละเอียด เนื่องจากพบว่า บางแปลงมีการบุกรุกภายหลัง และบางแปลงมีการขยายพื้นที่เดิมจากหัวสวน ซึ่งจะต้องถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกัน
โดย MGR Online
27 มิถุนายน 2559 16:43 น. (แก้ไขล่าสุด 27 มิถุนายน 2559 16:58 น.)
นครศรีธรรมราช - จน ท.ร่วมกันสนธิกำลังเข้ารื้อถอนสวนยางพารา ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง อ.ลานสกา จ.นครศรีฯ พบมีการลักลอบเข้าไปปลูกพืชใหม่ในพื้นที่จับกุมรื้อถอนแล้วเมื่อหลายปีก่อน และนำไปหลอกขายที่ดินให้แก่ผู้อื่น ขณะที่ จนท.ต้องเข้ารื้อถอนซ้ำเพื่อสกัดการบุกรุกเพิ่มเติม
วันนี้ (27 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 42 และกำลังทหารจาก มทบ.43 สนธิกำลังกว่า 300 นาย เข้าปฏิบัติการรื้อถอนแปลงสวนยางพารา และสวนไม้ผลที่บุกรุกแผ้วถาง และปลูกผลอาสินในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นแปลงที่เจ้าหน้าที่เคยทำการจับกุมตั้งแต่ปี 2548 และมีการรื้อถอนไปแล้ว
แต่กลับพบว่า ในแปลงที่ดำเนินคดีแล้ว จำนวน 18 คดี 21 แปลง รวมพื้นที่กว่า 100 ไร่ ผู้บุกรุกลอบเข้าไปลูกผลอาสินอีกครั้ง เจ้าหน้าที่จึงต้องเข้ารื้อถอนเพื่อทำให้เกิดความเสียหายในการลงทุน ทั้งค่าต้นพันธุ์ และค่าบำรุงรักษา ยุติการบุกรุก นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่พบข้อมูลว่า หลายแปลงที่เคยต้องคดีแล้วหลังจากที่เข้ารื้อถอนผู้บุกรุกได้เข้าปลูกใหม่ หลังจากนั้นได้หลอกขายพื้นที่ดินแบบราคาถูกให้แก่คนต่างถิ่น
นายเทอดไท ขวัญทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง ระบุว่า พื้นที่ทั้ง 21 แปลง เป็นพื้นที่คดีเก่าที่ไม่ปรากฏตัวผู้ต้องหาในช่วงการตรวจยึด เมื่อราวปี 47-48 และผ่านกระบวนการรื้อถอนมาแล้ว แต่ปรากฏว่า หลังจากที่มีการรื้อถอนผู้บุกรุกได้เข้ามาปลูกซ้ำ เจ้าหน้าที่จึงต้องเข้ามารื้อถอนซ้ำเพื่อเป็นการสกัดการบุกรุกเพิ่มเติม และป้องปรามผู้ที่คิดบุกรุก
ขณะเดียวกัน พบว่า ในการบุกรุกบางแปลงหลังจากที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจยึด แล้วทำลายผลอาสิน กลับพบว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ถอนกำลังกลับมีการเข้าไปปลูกซ้ำ และหลอกขายที่ดินผิดกฎหมายให้แก่คนต่างถิ่นในราคาถูก
สำหรับพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง ในเขต อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช พบว่า มีพื้นที่ทำกินที่อยู่ในระหว่างการตรวจสอบสิทธิของราษฎร ตามมติ 30 มิถุนายน 2541 ที่ทำกินมาก่อนการประกาศพื้นที่อุทยานถึงกว่า 6 พันไร่ เจ้าหน้าที่ต้องคัดกรองอย่างละเอียด เนื่องจากพบว่า บางแปลงมีการบุกรุกภายหลัง และบางแปลงมีการขยายพื้นที่เดิมจากหัวสวน ซึ่งจะต้องถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกัน