ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 14, 2017, 01:41:57 PM »

เมือง Kochi: การเปิดเผยข้อมูลของคณะกรรมการยางที่คาดการณ์ว่า จะมีการขาดแคลนยางธรรมชาติภายในประเทศจำนวน 3.4 ล้านตัน ระหว่างปีงบประมาณ 2017-18

เมือง Kochi: การเปิดเผยข้อมูลของคณะกรรมการยางที่คาดการณ์ว่า จะมีการขาดแคลนยางธรรมชาติภายในประเทศจำนวน 3.4 ล้านตัน ระหว่างปีงบประมาณ 2017-18 นั้น ก่อให้เกิดความกังวลเป็นอย่างมากสำหรับอุตสาหกรรมยางล้อภายในประเทศ ซึ่งกำลังประสบปัญหาการขาดแคลนอุปทานยางอยู่แล้ว
ในการหารือกับกระทรวงพาณิชย์ ผู้แทนอุตสาหกรรมยางล้อเรียกร้องไม่ให้มีการเก็บภาษีนำเข้ายาง เท่ากับจำนวนยางในประเทศที่ขาดแคลน

เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการยางได้คาดการณ์ว่า จะมีผลผลิตยาง 7.2 ล้านตัน และการบริโภคยาง 10.6 ล้านตัน สำหรับปีงบประมาณ 2017-18 ทั้งนี้ อุตสาหกรรมยางล้อบริโภคยางธรรมชาติ ร้อยละ 65-70 ของยางธรรมชาติที่ผลิตในประเทศ
KM Mammen นายกสมาคมผู้ผลิตยางล้อรถยนต์ (Automotive Tyre Manufacturers Association หรือ ATMA) เปิดเผยว่า การผลิตยางภายในประเทศยังคงต่ำกว่าความต้องการมาก เมื่อเร็วๆ นี้ ราคายางธรรมชาติที่ผันผวนอย่างรุนแรงก็นำไปสู่ภาวะวิกฤติที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น ในช่วง 45-60 วันที่ผ่านมา ราคายางธรรมชาติพุ่งขึ้นสูงร้อยละ 30 และผู้ปลูกยางไม่ยอมขายยาง เพราะหวังว่าราคายางจะสูงขึ้นไปอีก
ดังนั้น จึงจำเป็นต้องนำเข้ายางเพื่อปิดช่องว่าง แต่ราคายางในตลาดโลกก็สูงเช่นกัน และมีภาษีนำเข้าสูง ทำให้การนำเข้าไม่คุ้ม
นอกจากความกังวลของภาคอุตสาหกรรมแล้ว ตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป การผลิตยางจะเริ่มลดลงและจะยาวนานไปจนถึงเดือนกันยายน ซึ่งจะทำให้อุปทานยางลดลงอย่างมาก
ที่มา: http://globalrubbermarkets.com