ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: กันยายน 05, 2017, 05:07:02 PM »ฟุ้งราคายางพุ่งแตะกิโลละ 60.50 บาท กทย. จ่อคืนเงิน 5 เสือบริษัทร่วมทุนฯ
วันที่ 5 กันยายน 2560 - 16:48 น. ที่ ประชาชาติธุรกิจ

นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า ตามที่ กยท. ร่วมกับ 5 บริษัทผู้ส่งออกยางรายใหญ่ของประเทศ ประกอบด้วย บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) บริษัท วงศ์บัณฑิต จำกัด บริษัท เซาท์แลนด์รับเบอร์ จำกัด บริษัท ไทยฮั้วยางพารา จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์คอร์ปอร์เรชั่นประเทศไทย จำกัด (มหาชน) จัดตั้งบริษัทร่วมทุนยางพาราไทย จำกัด เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2560 เงินทุนจดทะเบียน 1,200 ล้านบาทเพื่อเข้าซื้อขายยางพาราภายในประเทศและภูมิภาค ได้แก่ ตลาดกลางยางพารา กยท. 6 แห่ง และตลาดกลางภูมิภาค RRM (ไทย อินโดนีเซียมาเลเซีย) รวมถึงดำเนินการซื้อขายยางพาราผ่านตลาดล่วงหน้าบริษัทร่วมทุนฯผลการดำเนินงานดังกล่าว ส่งผลให้ราคายางพารามีการปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งโครงการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา กำหนดเพื่อยกระดับราคาในตลาด ให้ได้ประมาณ กิโลกรัม(ก.ก.) ละ 60-70 บาท เมื่อราคานิ่งแล้วบริษัทจะหยุดดำเนินการ ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกการตลาด ซึ่งราคายางแผ่นดิบรมควันชั้น 3 เมื่อวันที่ 5 ก.ย. อยู่ที่ 60.50 บาท/ก.ก. ถือว่าประสบผลสำเร็จแต่ต้องดูสถานการณ์อีกสักระยะหลังจากนั้นจะหารือกับบริษัทร่วมทุนเพื่อยุติการเข้าซื้อและคืนวงเงินลงทุนของแต่ละบริษัทไป
วันที่ 5 กันยายน 2560 - 16:48 น. ที่ ประชาชาติธุรกิจ

นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า ตามที่ กยท. ร่วมกับ 5 บริษัทผู้ส่งออกยางรายใหญ่ของประเทศ ประกอบด้วย บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) บริษัท วงศ์บัณฑิต จำกัด บริษัท เซาท์แลนด์รับเบอร์ จำกัด บริษัท ไทยฮั้วยางพารา จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์คอร์ปอร์เรชั่นประเทศไทย จำกัด (มหาชน) จัดตั้งบริษัทร่วมทุนยางพาราไทย จำกัด เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2560 เงินทุนจดทะเบียน 1,200 ล้านบาทเพื่อเข้าซื้อขายยางพาราภายในประเทศและภูมิภาค ได้แก่ ตลาดกลางยางพารา กยท. 6 แห่ง และตลาดกลางภูมิภาค RRM (ไทย อินโดนีเซียมาเลเซีย) รวมถึงดำเนินการซื้อขายยางพาราผ่านตลาดล่วงหน้าบริษัทร่วมทุนฯผลการดำเนินงานดังกล่าว ส่งผลให้ราคายางพารามีการปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งโครงการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา กำหนดเพื่อยกระดับราคาในตลาด ให้ได้ประมาณ กิโลกรัม(ก.ก.) ละ 60-70 บาท เมื่อราคานิ่งแล้วบริษัทจะหยุดดำเนินการ ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกการตลาด ซึ่งราคายางแผ่นดิบรมควันชั้น 3 เมื่อวันที่ 5 ก.ย. อยู่ที่ 60.50 บาท/ก.ก. ถือว่าประสบผลสำเร็จแต่ต้องดูสถานการณ์อีกสักระยะหลังจากนั้นจะหารือกับบริษัทร่วมทุนเพื่อยุติการเข้าซื้อและคืนวงเงินลงทุนของแต่ละบริษัทไป