ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2018, 07:47:01 PM »


กยท. เตือน พี่น้องชาวสวนยาง หมั่นตรวจตราสวนยางช่วงปิดกรีด พร้อมแนะจัดการสวนยาง เพื่อป้องกันเหตุไฟไหม้ในพื้นที่สวน


ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2561 11:39:53 น.



กรุงเทพฯ--26 ก.พ.--การยางแห่งประเทศไทย
 
กยท. ห่วงใยพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง เตือน หมั่นตรวจตราดูแลสวนยางป้องกันการเกิดเหตุไฟไหม้ พร้อมแนะนำวิธีการจัดการสวนยางให้เหมาะสมรับมืออากาศแห้งในช่วงปิดกรีดยาง
 
นายณรงศักดิ์ ใจสมุทร ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาการผลิต กล่าวว่า กยท. มีความห่วงใยต่อเกษตรกรชาวสวนยางในการดูแลสวนยางในช่วงหน้าแล้ง ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศร้อน และมีแสงแดดแรง เป็นสาเหตุทำให้ดินแห้งและส่งผลกระทบต่อต้นยางพารา เกษตรกรจึงควรให้ความสำคัญในการดูแลสวนยาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสวนยางปลูกใหม่ และสวนยางเล็ก ที่มีอายุไม่เกิน 3 ปี เนื่องจากในต้นยางอ่อนที่รับแดดแรงติดต่อกันเป็นเวลานาน จะส่งผลให้เซลล์เนื้อเยื่อส่วนที่รับแสงแดดไหม้เสียหาย และเจริญเติบช้ากว่าปกติ แนะนำให้เกษตรกรใช้ปูนขาวผสมน้ำอัตรา 1:2 ทิ้งไว้ 1 คืน แล้วทาบริเวณลำต้นสูงจากพื้นดินประมาณ ๑ เมตร เพื่อช่วยป้องกันความร้อนจากแสงแดด ป้องกันการสูญเสียน้ำของต้นยาง และป้องกันโรคหรือแมลงที่อาจเข้าทำลายได้ในเวลาต่อมา กรณีเปลือกต้นยางบริเวณที่ถูกไฟไหม้แสดงอาการแตกออกมา ให้ใช้มีดคมๆ ปาดเอาส่วนที่เสียหายออก จากนั้นทายาป้องกันเชื้อรา และนำสารเคมีรักษาเนื้อไม้ทาซ้ำอีกครั้ง จะทำให้รอยแผลหายสนิทได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ หากต้นยางในสวนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก จนไม่อาจรักษาหน้ายางได้เกิน 40% ของทั้งสวน เกษตรกรควรทำการปลูกใหม่


"เกษตรกรชาวสวนยางควรกำจัดวัชพืชในสวนยาง ออกจากบริเวณแถวยางข้างละ 1 เมตร พร้อมทั้งหาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ซากวัชพืช หญ้าคา หรือฟางข้าว มาคลุมโคนต้นยางเพื่อรักษาความชุ่มชื้นในดิน รวมถึงตัดแต่งกิ่งต้นยางเพื่อลดแรงต้านลม และใช้ปูนขาวทาบริเวณที่ตัดแต่งกิ่ง ซึ่งการหมั่นตรวจตราดูแลสวนยางอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากภัยแล้งได้ นอกจากนี้ ควรทำแนวกันไฟในสวนยางเพื่อป้องกันไฟลุกลามจากบริเวณใกล้เคียง และหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชในหน้าแล้ง เพราะวัชพืชที่แห้งตายอาจเป็นเชื้อเพลิงทำให้เกิดไฟไหม้สวนยางได้"
 
นายณรงศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เกษตรกรชาวสวนยางสามารถปลูกพืชแซมในสวนยาง อาทิ กล้วย และสับปะรด เพราะสามารถให้ความชุ่มชื้นกับดิน และช่วยสร้างรายได้เสริมให้กับพี่น้องชาวสวนยางระหว่างช่วงปิดกรีดอีกทางหนึ่ง ซึ่งหากพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือปรึกษาได้ที่การยางแห่งประเทศไทยทุกสาขาที่อยู่ใกล้บ้านท่าน