ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2018, 08:11:01 AM »

'กฤษฎา? หารือผู้ส่งออกยางพารารายใหญ่ พร้อมเตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือชาว


ThaiPR.net -- พุธที่ 14 พฤศจิกายน 2561 17:49:00 น.
กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
 
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังหารือร่วมกับ 5 บริษัทเอกชนผู้ส่งออกยางรายใหญ่ของประเทศ ได้แก่ บริษัท ไทยฮั้วยางพารา จำกัด (มหาชน) บริษัท วงศ์บัณฑิต จำกัด บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) บริษัทยางไทยปักษ์ใต้ และบริษัท เซาท์แลนด์ รับเบอร์ จำกัดณ ห้องประชุม 124 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า การประชุมครั้งนี้เพื่อหาแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหาราคายางพารา ตามที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์หามาตรการแก้ไขยางพาราตกต่ำโดยเร่งด่วนภายใน 7วัน โดยที่ประชุมได้เห็นชอบร่วมกันในมาตรการช่วยเหลือชาวสวนยาง ดังนี้ 1.โครงการเสริมความเข้มแข็งของเกษตรกรชาวสวนยาง โดยให้ กยท.ไปพิจารณาจำนวนเงินสนับสนุน โดยมีเงื่อนไขต้องเป็นเกษตรกรที่ลงทะเบียนไว้กับ กยท. เบื้องต้นไม่ต่ำกว่าเดิมคือ 15 ไร่ ไร่ละ 1,500 บาทเพื่อพัฒนาอาชีพและเพิ่มรายได้ให้ชาวสวนยาง 2. โครงการรักษาเสถียรภาพราคายาง โดย กยท.กำหนดราคายางขั้นต่ำ 3 ชนิด ได้แก่ น้ำยางสด ไม่ต่ำกว่า กก. ละ 37 บาท ยางก้อนถ้วยไม่ต่ำกว่า กก.ละ 35 บาท และยางแผ่นรมควัน ไม่ต่ำกกว่า กก.ละ 40 บาท หากขายให้สถาบันเกษตรกรแล้วได้ราคาต่ำกว่าที่ประกาศไว้ ให้ใช้เงินจากกองทุนสงเคราะห์สวนยางช่วยเหลือรายบุคคล กก.ละ 2-3 บาท นอกจากนี้ บริษัทผู้ส่งออกได้แสดงความจำนงให้ความร่วมมือ โดยช่วงระหว่างรอ ครม.พิจารณาโครงการฯ จะช่วยรับซื้อยางเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางไม่ให้ต่ำกว่าราคาที่กำหนด โดยจะเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป และ 3. ทบทวนข้อกฎหมายการจัดซื้อจัดจ้างในการส่งเสริมการใช้ยางในประเทศ เพื่อทำถนน เนื่องจากเมื่อเปรียบเทียบราคากันกับแอสฟัลท์ติกแล้วยางพารามีราคาสูงกว่า แต่คงทนมากกว่า


"กระทรวงเกษตรฯ เตรียมเสนอนายกรัฐมนตรีให้เห็นชอบอีกแนวทางคือ ให้กยท.เป็นผู้ดูแลการผลิตเครื่องอุปกรณ์การนอนให้กับส่วนราชการ อาทิ โรงพยาบาล โรงเรียน ซึ่งขณะนี้กำลังสำรวจจำนวนความต้องการจากกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงกลาโหม จากนั้นมอบหมาย กยท.ติดต่อซื้อน้ำยางสดมาผลิตแจกจ่ายให้ทั้ง 4 หน่วย เพื่อช่วยดูดซับปริมาณยางในประเทศได้" รมว.เกษตรฯกล่าว
 
ทั้งนี้ ประเทศไทยผลิตยางพาราได้ปีละ 4.5 ล้านตัน ซึ่งในจำนวนนี้ใช้ในประเทศ 5แสนตัน และส่งออก 4 ล้านตัน ประกอบกับปัจจุบันกำลังประสบภาวะเศรษฐกิจ บางประเทศมีปัญหาการค้า ทำให้การส่งออกยางพาราไม่สามารถส่งออกได้มาก ดังนั้นต้องขยายฐานการแปรรูปการใช้ยางพาราในประเทศ จึงได้เชิญบริษัทผู้ประกอบการยางเข้ามาเจรจา ขอให้ขยายฐานการผลิตและแปรรูปน้ำยางในไทยโดยตรง ตลอดจนขอความร่วมมือกับเกษตรกรให้ลดปริมาณการปลูกยางไปปลูกพืชตัวอื่นอีกด้วย