ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: พฤศจิกายน 27, 2018, 05:07:47 PM »ผุดไอเดีย ! ช้อปยางเพื่อชาติ
เศรษฐกิจ : 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา ที่มา คม ชัด ลีก
"กฤษฏา"จ่อชงกนย.ไฟเขียวแผนเร่งด่วนเพิ่มใช้ยางในประเทศ ผุดไอเดีย ช้อปยางเพื่อชาติ หนุนคนไทย ใช้ล้อยางแบรนด์ไทย ลดภาษีเงินได้ 10.93 ล้านคน
27 พฤศจิกายน 2561 นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าเตรียมเสนอให้คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ(กนย.)และสังคมรับรู้แนวทางของกระทรวงเกษตรฯในการแก้ไขปัญหายางพาราตกต่ำ
จากสถานการณ์ที่ทำให้ราคาผันผวนมาต่อเนื่อง ที่มีปัจจัยจากไทยมีพื้นที่กรีดยางมากทำให้มีผลผลิตมากที่สุดในโลกและมีสต๊อกยางมากเป็นลำดับต้นๆของโลก ราคายางอยู่ในภาวะขาลง การแทรกแซงราคายางไม่ทำให้ราคาสูงอย่างยั่งยืน และมีต้นทุนการผลิตสูงกว่าราคาที่ขายได้ หากดูบทเรียนในอดีตพบว่าการใช้งบประมาณแทรกแซงราคายางโดยการซื้อนำตลาดไม่ได้ทำให้ราคาขยับขึ้นอย่างมาเสถียรภาพแต่ทำให้รัฐเสียงบประมาณไปจำนวนมาก
ตลอดเวลา 20 ปีที่ผ่านมาระหว่างปี 2542 - 2561 รัฐใช้จ่ายงบประมาณในโครงการที่เกี่ยวข้องกับราคายาง ราว 1.8 แสนล้านบาท หากดูมูลค่าภายในประเทศทำผลิตภัณฑ์จากยางพาราปี2559 รวมประมาณ 127,540 ล้านบาท แบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์ไม้ยางพารา 18,740 ล้านบาท ยางล้อ 45,224 ล้านบาท อุปกรณ์ชิ้นส่วนรถยนต์หรือรถจักรยายนต์ 14,668 ล้านบาท สายพาน 5,154 ล้านบาท ถุงมือยาง 10,939 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์อื่นๆ 32,816 ล้านบาท
ดังนั้นการทำราคาให้สูงอย่างยั่งยืน คือ ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อเพิ่มการใช้ยางพาราในประเทศ โดยใช้ 3 แนวทาง ประสาน ภายใต้การรณรงค์ "ใช้ยางเพื่อชาติ" ที่เน้นสร้าง "ตลาด" ให้เกิดแรงจูงใจ "ในการใช้และการผลิต"เช่น กำหนดให้หน่วยงานรัฐต้องใช้ล้อยางรถยนต์ที่ผลิตโดยนักลงทุนไทย กำหนดให้หน่วยงานรัฐที่มีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่นถนน สนามกีฬา สระน้ำ เป็นต้น ต้องใช้วัสดุก่อสร้างที่มีส่วนผสมของยางพาราที่ผลิตในประเทศ
พร้อมกับมีมาตรการลดหย่อนภาษีให้กับผู้ประกอบการที่ใช้ยางพาราเป็นวัสดุก่อสร้าง ผู้ประกอบการยางล้อรถยนต์แบรนด์ไทย ผู้ประกอบการโรงพยาบาล โรงแรม และสปา ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ยางพาราไทย เช่น เตียงยางพารา ถุงมือยาง และมาตรการช้อปยางเพื่อชาติ หักลดหย่อนภาษีเงินได้ให้กับประชาชนทั่วไป ผู้ยื่นแบบภาษีบุคคลธรรมดา จำนวน 10.93 ล้านคนของปี 59 ซื้อยางล้อรถยนต์ที่ผลิตโดยนักลงทุนไทย หรือแบรนด์ที่เซ็นเอ็มโอยูรับซื้อยางจากสต๊อกปัจจุบันของรัฐบาลไปทำยางล้อจำหน่ายเพื่อดึงเอายางที่เก็บในสต็อกออกมาใช้ ไม่เอาออกไปขายต่างประเทศ พร้อมกับมีมาตรการส่วนลดพิเศษสำหรับข้าราชการที่ซื้อยางล้อรถยนต์ที่ผลิตโดยนักลงทุนไทย ทั้งนี้ยังมีเงื่อนไขสิทธิพิเศษส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ระเบียบเศรษฐกิจภารตะวันออก มาใช้กับการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมที่ใช้ยางพาราในประเทศเป็นวัตถุดิบด้วย
นายกฤษฏา กล่าวอีกว่านโยบายของนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้ภาครัฐใช้ยางให้มากขึ้น ขณะนี้ได้รับรายงานจากผู้ว่าราชการจังหวัดเกือบ 40 จังหวัด ได้เรียกประชุมหน่วยงานท้องถิ่น ร่วมกันกำหนดแผนใช้ยางพาราทำถนน ทั้งถนนพาราแอดฟัสติก ที่เป็นถนนระหว่างอำเภอ กับเมือง ซึ่งเป็นของกระทรวงคมนาคม ได้ให้เร่งจัดทำแบบแปลนกลาง กำหนดส่วนผสมของยางพารา มีวิศวะกรของกระทรวงคมนาคม รับรองได้รับแจ้งว่าแบบแปลนกลางจะเสร็จภายในวันศุกร์นี้ จะเป็นแบบใช้ในก่อสร้าง ส่วนถนนพาราชอยซีเมนท์ มาทำถนนภายในหมู่บ้านทุกแห่ง
ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณ กระทรวงมหาดไทย ที่มีหนังสือไปให้อปท.ทั่วประเทศใช้งบสะสม ทำถนนในทุกชุมชน โดยกระทรวงเกษตรฯตั้งศูนย์ติดตามทำถนน ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ยืนยันว่าจะดูดซับยางที่ล้นตลาดอยู่ตอนนี้ได้จำนวนมาก จึงขอให้ อปท. ซื้อยางจากสถาบันเกษตรกร และเกษตรกรโดยตรง ใช้ราคากลางที่ประกาศโดยการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) ไม่ใช่ไปซื้อจากนายทุนที่ตุนไว้ นอกจากนี้จะขอความร่วมมือ ผู้ประกอบการล้อยาง ให้เพิ่มปริมาณรับซื้อยางจากเกษตรกรมากขึ้น
เศรษฐกิจ : 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา ที่มา คม ชัด ลีก
"กฤษฏา"จ่อชงกนย.ไฟเขียวแผนเร่งด่วนเพิ่มใช้ยางในประเทศ ผุดไอเดีย ช้อปยางเพื่อชาติ หนุนคนไทย ใช้ล้อยางแบรนด์ไทย ลดภาษีเงินได้ 10.93 ล้านคน
27 พฤศจิกายน 2561 นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าเตรียมเสนอให้คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ(กนย.)และสังคมรับรู้แนวทางของกระทรวงเกษตรฯในการแก้ไขปัญหายางพาราตกต่ำ
จากสถานการณ์ที่ทำให้ราคาผันผวนมาต่อเนื่อง ที่มีปัจจัยจากไทยมีพื้นที่กรีดยางมากทำให้มีผลผลิตมากที่สุดในโลกและมีสต๊อกยางมากเป็นลำดับต้นๆของโลก ราคายางอยู่ในภาวะขาลง การแทรกแซงราคายางไม่ทำให้ราคาสูงอย่างยั่งยืน และมีต้นทุนการผลิตสูงกว่าราคาที่ขายได้ หากดูบทเรียนในอดีตพบว่าการใช้งบประมาณแทรกแซงราคายางโดยการซื้อนำตลาดไม่ได้ทำให้ราคาขยับขึ้นอย่างมาเสถียรภาพแต่ทำให้รัฐเสียงบประมาณไปจำนวนมาก
ตลอดเวลา 20 ปีที่ผ่านมาระหว่างปี 2542 - 2561 รัฐใช้จ่ายงบประมาณในโครงการที่เกี่ยวข้องกับราคายาง ราว 1.8 แสนล้านบาท หากดูมูลค่าภายในประเทศทำผลิตภัณฑ์จากยางพาราปี2559 รวมประมาณ 127,540 ล้านบาท แบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์ไม้ยางพารา 18,740 ล้านบาท ยางล้อ 45,224 ล้านบาท อุปกรณ์ชิ้นส่วนรถยนต์หรือรถจักรยายนต์ 14,668 ล้านบาท สายพาน 5,154 ล้านบาท ถุงมือยาง 10,939 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์อื่นๆ 32,816 ล้านบาท
ดังนั้นการทำราคาให้สูงอย่างยั่งยืน คือ ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อเพิ่มการใช้ยางพาราในประเทศ โดยใช้ 3 แนวทาง ประสาน ภายใต้การรณรงค์ "ใช้ยางเพื่อชาติ" ที่เน้นสร้าง "ตลาด" ให้เกิดแรงจูงใจ "ในการใช้และการผลิต"เช่น กำหนดให้หน่วยงานรัฐต้องใช้ล้อยางรถยนต์ที่ผลิตโดยนักลงทุนไทย กำหนดให้หน่วยงานรัฐที่มีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่นถนน สนามกีฬา สระน้ำ เป็นต้น ต้องใช้วัสดุก่อสร้างที่มีส่วนผสมของยางพาราที่ผลิตในประเทศ
พร้อมกับมีมาตรการลดหย่อนภาษีให้กับผู้ประกอบการที่ใช้ยางพาราเป็นวัสดุก่อสร้าง ผู้ประกอบการยางล้อรถยนต์แบรนด์ไทย ผู้ประกอบการโรงพยาบาล โรงแรม และสปา ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ยางพาราไทย เช่น เตียงยางพารา ถุงมือยาง และมาตรการช้อปยางเพื่อชาติ หักลดหย่อนภาษีเงินได้ให้กับประชาชนทั่วไป ผู้ยื่นแบบภาษีบุคคลธรรมดา จำนวน 10.93 ล้านคนของปี 59 ซื้อยางล้อรถยนต์ที่ผลิตโดยนักลงทุนไทย หรือแบรนด์ที่เซ็นเอ็มโอยูรับซื้อยางจากสต๊อกปัจจุบันของรัฐบาลไปทำยางล้อจำหน่ายเพื่อดึงเอายางที่เก็บในสต็อกออกมาใช้ ไม่เอาออกไปขายต่างประเทศ พร้อมกับมีมาตรการส่วนลดพิเศษสำหรับข้าราชการที่ซื้อยางล้อรถยนต์ที่ผลิตโดยนักลงทุนไทย ทั้งนี้ยังมีเงื่อนไขสิทธิพิเศษส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ระเบียบเศรษฐกิจภารตะวันออก มาใช้กับการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมที่ใช้ยางพาราในประเทศเป็นวัตถุดิบด้วย
นายกฤษฏา กล่าวอีกว่านโยบายของนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้ภาครัฐใช้ยางให้มากขึ้น ขณะนี้ได้รับรายงานจากผู้ว่าราชการจังหวัดเกือบ 40 จังหวัด ได้เรียกประชุมหน่วยงานท้องถิ่น ร่วมกันกำหนดแผนใช้ยางพาราทำถนน ทั้งถนนพาราแอดฟัสติก ที่เป็นถนนระหว่างอำเภอ กับเมือง ซึ่งเป็นของกระทรวงคมนาคม ได้ให้เร่งจัดทำแบบแปลนกลาง กำหนดส่วนผสมของยางพารา มีวิศวะกรของกระทรวงคมนาคม รับรองได้รับแจ้งว่าแบบแปลนกลางจะเสร็จภายในวันศุกร์นี้ จะเป็นแบบใช้ในก่อสร้าง ส่วนถนนพาราชอยซีเมนท์ มาทำถนนภายในหมู่บ้านทุกแห่ง
ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณ กระทรวงมหาดไทย ที่มีหนังสือไปให้อปท.ทั่วประเทศใช้งบสะสม ทำถนนในทุกชุมชน โดยกระทรวงเกษตรฯตั้งศูนย์ติดตามทำถนน ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ยืนยันว่าจะดูดซับยางที่ล้นตลาดอยู่ตอนนี้ได้จำนวนมาก จึงขอให้ อปท. ซื้อยางจากสถาบันเกษตรกร และเกษตรกรโดยตรง ใช้ราคากลางที่ประกาศโดยการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) ไม่ใช่ไปซื้อจากนายทุนที่ตุนไว้ นอกจากนี้จะขอความร่วมมือ ผู้ประกอบการล้อยาง ให้เพิ่มปริมาณรับซื้อยางจากเกษตรกรมากขึ้น