ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2019, 08:41:59 AM »

วงล้อเศรษฐกิจ : คาดราคายาง"ทรงตัว"

วันที่ 31 มกราคม 2562 - 11:19 น  ที่มาข่าวสด


คาดราคายาง?ทรงตัว?

คาดราคายาง?ทรงตัว? คาดราคายาง?ทรงตัว? : แนวโน้มราคายางพาราเฉลี่ยปี 2562 ประเมินว่าราคายางพาราดิบรมควัน ชั้น 3 มีทิศทาง ?ทรงตัว? โดยระดับราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 40 บาท/ก.ก. โดยให้น้ำหนักปัจจัยที่ช่วยพยุงในปีนี้ คือ 1.ปริมาณสต๊อกยางพาราชิงเต่าของจีนลดลงอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 1.1 แสนตันในเดือน ธ.ค. 2561 (ลดลง -52.5%yoy) ซึ่งเกิดจากภาวะดีมานด์ผลิตยางล้อที่ลดลงของจีน ตามเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวและข้อกังวลสงครามการค้าที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการจีนนำเข้ายางไปเก็บเป็นสต๊อกลดลง
2.ราคาน้ำดิบเบรนท์เฉลี่ยคาดมีทิศทางทรงตัวอยู่ในกรอบ 65-70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทั้งนี้ ยางสังเคราะห์เป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากกระบวนการกลั่นน้ำมัน และเป็นสินค้าทดแทนยางพารา การที่ราคายางสังเคราะห์มีทิศทางทรงตัวตามราคาน้ำมัน จะทำให้ราคายางพาราทรงตัวด้วยเช่นกัน มองว่าทั้งสองปัจจัยนี้ จะช่วยพยุงราคายางพาราให้ ?ทรงตัว? ได้ในปีนี้
แม้ว่าทิศทางยางพาราในปี 2562 จะทรงตัว แต่ก็มีปัจจัยกดดันราคาให้ผันผวนและอาจลดลงได้อีก จำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ ดีมานด์ยางล้อจีนอาจจะชะลอตัวลงจากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ลดลง แม้ว่าสมาคมผู้ผลิตรถยนต์จีน (CAAM) จะประมาณการว่ายอดขายในปี 2562 จะเท่ากับปีที่แล้วที่ 28.0 ล้านคัน จากปีก่อนหน้าที่หดตัว -3.1%yoy แต่ภาพรวมเศรษฐกิจจีนที่ยังเผชิญกับความไม่แน่นอนสูงทั้งการบริโภคภายในประเทศที่ชะลอตัวและสงครามการค้า อาจทำให้ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศลดลงได้
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยผลผลิตยางพาราส่วนเกินของโลก โดยสถาบันวิจัยยางระหว่างประเทศ (IRSG) คาดว่าในปี 2562 การบริโภคยางพาราจะเพิ่มขึ้น 2.5% ไปอยู่ที่ 14.2 ล้านตัน ในขณะที่สมาคมประเทศผู้ผลิตยางพารา (ANRPC) คาดว่าผลผลิตยางพาราจะขยายตัว 5.8% ไปอยู่ที่ 14.7 ล้านตัน ดังนั้นหากการบริโภคของโลกเพิ่มขึ้นต่ำกว่าผลผลิต จึงเป็น ตัวชี้สำคัญที่ทำให้ราคายางพาราลดลงได้
 
 
  มองว่าแม้น้ำหนักทิศทางราคายางพาราจะทรงตัวในปีนี้ แต่ยังมีความเสี่ยงกดดันราคาให้ลดลงได้อีก จึงแนะผู้ประกอบการปรับตัวเพิ่มมูลค่าสินค้าให้กับผลิตภัณฑ์ยางให้เป็นสินค้าขั้นปลายมากขึ้น ในขณะที่ภาครัฐต้องเร่งสนับสนุนให้เกิดการใช้ยางพาราภายในประเทศมากขึ้น