ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: พฤษภาคม 16, 2020, 08:22:23 AM »

'ราคายางพารา' ยุค COVID-19 รุ่ง หรือ ร่วง?

16 พฤษภาคม 2563  กรุงเทพธุรกิจ

'ราคายางพารา' ยุค COVID-19 รุ่ง หรือ ร่วง?

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้ชัดที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2555-2562 วัฏจักรราคายางพาราอยู่ในช่วงขาลง จากปัจจัยลบหลายด้าน ขณะที่ปี 2563 ยังถูกซ้ำด้วยวิกฤติโควิด-19 ซึ่งคาดว่าราคายางพาราจะขึ้นลงในรูปแบบ New Normal ราคาใหม่ที่ต่ำกว่าเดิม และยากที่จะมีราคากลับได้อีก

ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้วิเคราะห์ราคายางพาราหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ผ่านพ้นไปไว้อย่างน่าสนใจว่า ในช่วงปี 2555-2562 วัฏจักรราคายางพาราอยู่ในช่วงขาลง จากปัจจัยกดดันด้านอุปทานที่มีผลผลิตยางพาราส่วนเกินของโลก สต๊อกยางพาราของจีนที่อยู่ในระดับสูง และปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อยู่ในระดับต่ำ

ขณะที่ฝั่งอุปสงค์ก็เจอปัจจัยกดดันทั้งวิกฤติเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า และอุตสาหกรรมรถยนต์โลกชะลอตัว นอกจากนี้ในช่วงต้นปี 2563 ไทยยังต้องเจอปัจจัยลบครั้งใหญ่จากการที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลก และกระทบต่อเนื่องถึงอุตสาหกรรมยางพารา

สถานการณ์โควิด-19 ทำให้การเคลื่อนไหวของราคายางพาราในรูปแบบใหม่ เป็นการเคลื่อนไหวขึ้นลงในกรอบแคบๆ บนฐานของ New Normal ซึ่งเป็นช่วงราคาใหม่ที่ต่ำกว่าเดิม และยากแก่การที่จะมีราคากลับไปสูงขึ้นได้อีกเช่นในอดีต


ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปี 2563 เป็นปัจจัยระยะสั้นที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างราคายางพาราในระยะยาว โดยทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคายางพาราในรูปแบบใหม่ เป็นการเคลื่อนไหวขึ้นลงในกรอบแคบๆ บนฐานของ New Normal ซึ่งเป็นช่วงราคาใหม่ที่ต่ำกว่าเดิม และยากแก่การที่จะมีราคากลับไปสูงขึ้นได้อีกเช่นในอดีต

"ไม่อยากพลาดข่าวสำคัญเรื่อง (ราคายาง) ให้เราช่วยดูแล"



โดยคาดว่า การเคลื่อนไหวของราคายางพาราแผ่นดิบชั้น 3 ของไทยตั้งแต่ปี 2563 บนฐาน New Normal อาจอยู่ในกรอบ 30-50 บาทต่อกิโลกรัม

ทั้งนี้ ท่ามกลางบริบทที่เปลี่ยนไป การเข้าใจและยอมรับการเปลี่ยนแปลง นับเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องปรับตัวได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในส่วนของภาครัฐ นับเป็นโจทย์ท้าทายในการประคับประคองราคายางพาราผ่านมาตรการต่างๆ ที่จะเข้ามาช่วยเหลือชาวสวนยางทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

ส่วนเกษตรกรชาวสวนยางอาจต้องปรับตัวด้วยการปลูกพืชอื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หรือปลูกพืชแซมในสวนยาง และควรหารายได้เสริมอื่นควบคู่ไปด้วย นอกจากนี้ การสร้างนวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับยางพารานับเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยให้ราคายางพาราไทยมีเสถียรภาพมากขึ้นในระยะยาว

ที่มา : kasikornresearch