ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: สิงหาคม 13, 2020, 03:13:52 PM »


NER มั่นใจผลงาน Q3-Q4/63 นิวไฮต่อเนื่องหลังพุ่งแรงใน Q2 จากลูกค้าใหม่จีนหนุน

          นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งหลังปีนี้ มั่นใจผลการดำเนินงานเติบโตโดดเด่นทำนิวไฮต่อเนื่องทุกไตรมาส หลังจากล่าสุดบริษัทได้สัญญาระยะยาวจากลูกค้าใหม่ ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางรถยนต์และรถบรรทุกรายใหญ่ของประเทศจีนเพิ่มเข้ามาอีก จำนวน 2 ราย ได้แก่ LLIT (หลิงหลง) ซึ่งมีคำสั่งซื้อราว 48,000 ตัน/ปี และ Triangle Tyre ซึ่งมีคำสั่งซื้อราว 24,000 ตัน/ปี โดยจะเริ่มทยอยส่งมอบในไตรมาส 3/63 นี้ และนอกจากนี้บริษัทยังเตรียมขยายฐานรุกตลาดอินเดียเพิ่มเติมอีกด้วย
          สำหรับโรงงานแห่งใหม่กำลังการผลิตรวม 172,800 ตัน/ปีนั้น เริ่มเดินเครื่องการผลิตเรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตรวม 465,600 ตัน/ปี จากก่อนหน้านี้มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 292,800 ตัน/ปี อย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทจะเดินเครื่องจักรโรงงานแห่งใหม่เพียงแค่ 70% ตามปริมาณออร์เดอร์ในปัจจุบัน ส่วนปีหน้าคาดจะเดินเครื่องจักร 100% เบื้องต้นจากแผนงานที่วางไว้บริษัทมั่นใจว่า ผลการดำเนินงานปี 2563 จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ที่รายได้ 17,000 ล้านบาท เติบโตราว 30% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 13,107.15 ล้านบาท
           เราได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วทั้งในเรื่องเศรษฐกิจและเรื่องราคา ตอนนี้เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ลูกค้าทั้งรายเก่าและรายใหม่ โดยเฉพาะลูกค้าจากจีนมีออร์เดอร์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งจากแผนงานที่วางไว้ จึงมั่นใจว่า ครึ่งปีหลังกำไรจะนิวไฮต่อเนื่องทุกไตรมาส นายชูวิทย์ กล่าว
          สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/63 บริษัทมีรายได้รวม 2,692.40 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 224.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.61 ล้านบาท เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 166.29 ล้านบาท หรือคิดเป็น 35.25% ซึ่งเป็นการทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ ส่งผลให้ครึ่งปีแรก บริษัทมีรายได้รวม 5,646,76 ล้านบาท มีกำไรสุทธิที่ 284.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.56 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 267.23 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6.57%
          ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานเติบโตโดดเด่น มาจากการที่บริษัทสามารถบริหารจัดการประสิทธิภาพการผลิตได้ดีขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตปรับลดลง  ประกอบกับบริษัทได้บันทึกกำไรอัตราแลกเปลี่ยนจากไตรมาส 1/63 กลับเข้ามาเพิ่มอีกราว 126.42 ล้านบาท รวมถึงความสามารถในการบริหารจัดการอัตราหมุนเวียนสินค้าคงเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 
          ขณะเดียวกันคำสั่งซื้อ (Order) จากลูกค้าจีนก็ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รับอานิสงส์กิจกรรมทางเศรษฐกิจจีนที่เริ่มกลับมาคึกคัก โดยเฉพาะยอดจำหน่ายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่พลิกกลับมาเติบโตอีกครั้ง ภายหลังจากได้มีการคลายล็อกดาวน์เมือง หลังปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19