ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: มีนาคม 26, 2021, 07:39:43 PM »

"NER" รับอานิสงส์เงินบาทอ่อนตัว หนุนยอดขายเพิ่ม
 
สยามรัฐออนไลน์  26 มีนาคม 2564 17:39 น.  เทคโนโลยี-ไอที




NER เผยเงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 4 เดือน และความต้องการใช้ยางพาราที่สูงกว่าปี 63 เป็นผลดีกับยอดขายของบริษัท ด้านบล.เคทีบีเอสที ออกบทวิเคราะห์ความต้องการใช้ยางธรรมชาติโลกปี 2021 เพิ่มขึ้น 8-10% จะส่งผลดีต่อรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆและกลุ่มผู้ค้าคนกลางทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดเผยถึง ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าสุดในรอบ 4 เดือน โดยอ่อนค่าทดสอบ 31.18 บาทต่อดอลลาร์ (เมื่อวันที่ 26 มี.ค.) นั้นบริษัทจะได้รับผลประโยชน์จากเรื่องดังกล่าว เนื่องจากบริษัทจะรับรู้รายได้จากการขายสินค้าได้ในราคาที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อยอดการขายสินค้าล่วงหน้าของบริษัทที่จะเติบโตในไตรมาสที่ 2 ประกอบกับการประเมินภาพรวมความต้องการใช้ยางพาราในปี 2564 มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง และคาดการณ์ว่าจะเห็นภาพรวมความต้องการใช้ทั่วโลกเติบโตอย่างต่อเนื่องอีก 2-3 ปีข้างหน้า

ด้านบทวิเคราะห์ของ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST เปิดเผยว่า NER ได้รับผลบวกโดยตรงจากประเด็นดังกล่าว เนื่องจากแนวโน้มขาขึ้นของ ราคายางธรรมชาติและสามารถทรงตัวได้ในระดับสูง จะส่งผลดีต่อรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบันราคายางแท่ง STR อิงตลาด SICOM ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 177 USD Cents/kg (+18% YTD) มองว่า จะได้รับประโยชน์เนื่องจาก NER มีธุรกิจหลัก เพียงธุรกิจเดียวคือการขายยางธรรมชาติ ทำให้ประเมินว่าอัตรากำไรขึ้นต้นในปี 2021 จะปรับตัวดีขึ้นเป็น 11.0% จาก10.8%ของปีก่อนหน้าประกอบกับปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1,433 ล้านบาท (+67%YoY)

นอกจากนี้บริษัทหลักทรัพย์ ทรินิตี้ จำกัด มองปัจจัยการส่งออกจะพลิกกลับมาเติบโตได้ถึง 4.0% บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งได้เป็นอย่างดี โดยการส่งออกสินค้าสินค้าจำพวกเกษตรมีการเติบโตได้ดีกว่าสินค้าอุตสาหกรรมอื่น