ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2019, 09:37:09 PM »

ชาวสวนเมืองคอนเฮ! กยท.เปิดจุดนำร่องซื้อน้ำยางสด 15 ก.ค.

13 Jul 2019 ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
 

ข่าวดี! ส้มหล่นใส่ชาวสวนเมืองคอน บิ๊ก กยท.เปิดจุดนำร่องจังหวัดแรกซื้อน้ำยางสด 15 ก.ค.นี้ ป้อนกระทรวงกลาโหม 1.7 หมื่นตัน ใช้ราคากลางประกาศรับซื้อ เผยสาเหตุเลือกจังหวัดนี้ เพราะมีโรงงานน้ำยางข้นเอง อนาคตคาดว่าจะมีคำสั่งซื้อทยอยมาเรื่อยๆ จะเปิดจุดจังหวัดต่อไป
เมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาล โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นชอบให้การยางแห่งประเทศไทย (กยท.)ซื้อน้ำยางสดจากเกษตรกร สถาบันเกษตรกร จำนวน 1.7 หมื่นตันป้อนกระทรวงกลาโหมเพื่อทำถนนพาราซอยด์ซีเมนต์ ซึ่งคำสั่งซื้อจะเริ่มเปิดในวันที่ 15 ก.ค.นี้

วันที่ 13 ก.ค.2562 นายสุนันท์ นวลพรหมสกุล รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ด้านบริหาร เผยกับ ?ฐานเศรษฐกิจ? จากนโยบายดังกล่าวที่ให้การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ซื้อน้ำยางสดในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ ผลการประชุมได้มีมติเห็นชอบที่เปิดจุดรับซื้อน้ำยางสด ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชนำร่องก่อน จำนวน 1.7 หมื่นตัน

"เป็นปกติที่เริ่มจังหวัดนี้ก่อน มาจากโครงการเดิมของรัฐบาลที่ผ่านมาก็ใช้จังหวัดนครศรีธรรมราชนำร่อง ที่สำคัญมีโรงงานน้ำยางข้นของ กยท.  หากในอนาคตมีคำสั่งซื้อมาจากหน่วยงานของรัฐใช้เพิ่มเติมก็จะเปิดจังหวัดอื่นๆ ต่อไปตามลำดับ แต่เชื่อว่าโครงการของรัฐบาลจะมีมาเรื่อยๆ"

นายสุนันท์ กล่าวอีกว่า สำหรับราคาที่รับซื้อน้ำยางสดจะต้องซื้อในราคากลาง ที่ กยท.กำหนด ก็คือจะประกาศราคาทุกวันผ่านเว็บไซต์ กยท.ก่อนเวลา 9.00 น. เมื่อประชุมเสร็จแล้วได้มอบหมายให้การยางเขตภาคใต้ตอนกลาง กับการยางจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นผู้ดำเนินงานในการบริหารจัดการ ทั้งนี้ในการดำเนินงานจะมีรายชื่อสถาบันเกษตรกรกันอยู่แล้วให้ดำเนินการประชุมกันเองแล้วแจกจ่ายโควตากันเองตามศักยภาพของแต่ละสถาบัน

อนึ่ง ยางพาราถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญของประเทศไทย เนื่องจากเป็นพืชที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยปัจจุบันประเทศไทยมีเนื้อที่ปลูกยางพาราประมาณ 22 ล้านไร่ (ครอบคลุมกว่า 60 จังหวัด) และสามารถผลิตยางธรรมชาติได้ 4.4 ล้านตัน โดยผลผลิตดังกล่าวได้สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนยางที่มีอยู่จำนวน 1.6 ล้านครัวเรือน (หรือ 6 ล้านคน) ประมาณ 3 แสนล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมประมาณ 200,000 คน และในแต่ละปี ?ยางธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์ยาง? สามารถสร้างรายได้จากการส่งออกให้กับประเทศไม่น้อยกว่า 400,000 ล้านบาท จังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกมากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี สงขลา นครศรีธรรมราช ตรัง และ ยะลา

http://www.thansettakij.com/content/405062