ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

แนบไฟล์:
(Clear Attachment)
(แนบไฟล์เพิ่ม)
Restrictions: 4 per post, maximum total size 192KB, maximum individual size 128KB
Verification:
กรุณาพิมพ์ชื่อนี้ Rakayang เป็น???าษาไทย:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: มกราคม 14, 2022, 04:08:55 PM »


ก.เกษตร ขับเคลื่อนนโยบายลดต้นทุนการผลิต แก้ปัญหาปุ๋ยราคาแพง
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ม.ค. 2565)--นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานกรรมการส่งเสริมการใช้ปัจจัยการผลิตที่เหมาะสมเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ในปี 64 ประเทศไทยมีปริมาณและมูลค่าการนำเข้าปุ๋ยเคมีเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปี 63 โดยราคาปุ๋ยในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามราคาแม่ปุ๋ยในตลาดโลก เนื่องจากจีนซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกปุ๋ยสำคัญจำกัดการส่งออก ส่งผลให้วัตถุดิบหรือแม่ปุ๋ยในตลาดโลกขาดแคลน ประกอบกับผลกระทบต่อเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลต่อระบบโลจิสติกส์และค่าขนส่งที่สูงขึ้น
          ดังนั้น คณะกรรมการส่งเสริมการใช้ปัจจัยการผลิตที่เหมาะสม เพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร ได้พิจารณาแนวทางการแก้ปัญหาปุ๋ยราคาสูง และไม่มีเสถียรภาพภายใต้แผนการบริหารจัดการปุ๋ยปี 65-69 เสนอโดยกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งมีแผนดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วยการวางมาตรการระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวให้มีความต่อเนื่อง มีเป้าหมายเพื่อให้เกษตรกรเข้าถึงปุ๋ยที่มีคุณภาพเพียงพอ ทั่วถึง และใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพสูง เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต ลดการนำเข้าปุ๋ยเคมีจากต่างประเทศ ภาคเกษตรไทยมีเสถียรภาพและมีความมั่นคงทางอาหาร
          สำหรับมาตรการแก้ไขปัญหาระยะสั้น เช่น โครงการบริหารจัดการปุ๋ยเคมี เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โครงการพัฒนาธุรกิจดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน (One Stop Service) โครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทยของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โครงการลดราคาปุ๋ย (ความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์) การส่งเสริมการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน และการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยทางเลือก เช่น ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยชีวภาพ
          ส่วนมาตรการแก้ไขปัญหาระยะกลาง ได้แก่ การส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตปุ๋ยโพแทชภายในประเทศ รวมถึงการเจรจาแลกเปลี่ยนแม่ปุ๋ยกับประเทศมาเลเซีย และอื่นๆ ในส่วนของมาตรการแก้ไขปัญหาระยะยาว เช่น การจัดตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพราคาปุ๋ย การเจรจาการกำหนดราคาแม่ปุ๋ยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ร่วมกับประเทศมาเลเซีย และจีน ในฐานะผู้ผลิตแม่ปุ๋ยหลักในภูมิภาค
          ทั้งนี้ จะมีการนำเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาปุ๋ยราคาสูง และไม่มีเสถียรภาพขึ้นหารือในระดับกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีระหว่างกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอแผนการดำเนินงานทั้งระบบ ซึ่งจะนำไปสู่การดำเนินการร่วมกันต่อไป
          นอกจากนี้ ยังได้มีการติดตามผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาเกษตรแม่นยำสูงสุ่ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม ซึ่งในระยะที่ 1 มีสินค้ายางพารา ปาล์มน้ำมัน อ้อยโรงงาน และมะเขือเทศ มีกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่เข้าร่วม 56 แปลง ในพื้นที่ 49,102 ไร่ เกษตรกร 2,457 ราย
          ในขณะเดียวกัน อยู่ระหว่างขยายการดำเนินการในระยะที่ 2 ในสินค้า 8 ชนิด ได้แก่ พืชผัก ข้าว มันสำปะหลัง อ้อยโรงงาน ถั่วเหลือง ยางพารา และปาล์มน้ำมัน โดยมีบริษัทรับซื้อที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มเติมอีก 18 บริษัท มีแผนดำเนินการในพื้นที่ 1.9 ล้านไร่ คาดว่าจะมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการประมาณ 120,000 ราย
--อินโฟเควสท์ โดย ปภัสสร องค์พิเชฐเมธา/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--