ข้อความโดย: Rakayang.Com
« เมื่อ: มิถุนายน 29, 2022, 01:58:46 PM »"ราคายางพารา" ดิ่งในรอบเดือนลงมาเกือบ 20 บาท ชาวสวนโอดไม่พอซื้อข้าว
28 มิ.ย. 2565 เวลา 16:52 น. กรุงเทพธุรกิจ
ราคายางดิ่งในรอบเดือนลงมาเกือบ 20 บาท เหลือ ก.ก.ละ 48-50 บาท ชาวสวนโอดยางพารา 1 ก.ก. แทบไม่พอซื้อข้าวสาร 1 ก.ก. ฝนตกบ่อยไม่ค่อยได้กรีด ยังไม่มีเงินใส่ปุ๋ยเหตุปุ๋ยแพง ของแพง วอนรัฐเร่งแก้ของแพง
เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 65 เกษตรกรชาวสวนยางพาราในพื้นที่ ต.ควนปริง อ.เมือง จ.ตรัง ยังคงกรีดยางพารา แม้จะมีฝนตกโปรยปรายลงมาก็ตาม เพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว แต่หากฝนตกหนัก ก็ต้องหยุดกรีด ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่ภาคใต้มักเกิดฝนตกบ่อยครั้ง ทำให้ได้รับความเดือดร้อน ขณะเดียวกัน ราคายางพารากลับดิ่งราคาลงมาจากเมื่อประมาณต้นเดือนมิถุนายนนี้ ราคาน้ำยางสดขึ้นไปสูงสุดอยู่ที่กก.ละ 64 บาท แต่ได้เพียงแค่ 2 วัน ราคากลับดิ่งลงมาอย่างต่อเนื่อง จนขณะนี้ราคาน้ำยางสดเหลือกก.ละ 48 ? 50 บาท ตกลงมาเกือบ 20 บาทแล้ว ส่วนราคาเศษยางกก.ละ 22 บาท สวนทางกับค่าครองชีพที่แพงลิบ ทำเกษตรกรเดือดร้อน
โดยชาวสวนบอกว่า แม้ฝนจะตกโปรยปรายก็ต้องเสี่ยงออกกรีด เพื่อจะได้มีเงินส่งให้ลูกเรียนหนังสือ เพราะมหาวิทยาลัยกำลังจะเปิดเทอม ลูกต้องเดินทางไปเข้าหอพัก เพื่อเตรียมตัวเรียนหนังสือ ขณะที่ปุ๋ยในปีนี้ยังไม่มีเงินซื้อปุ๋ยมาใส่สวนยางพารา ซึ่งมีรวมประมาณ 7 ไร่ โดยครั้งก่อนที่ใส่ไปจำนวน 2 กระสอบๆละ 800 บาท แต่ขณะนี้ปุ๋ยปรับราคาขึ้นมาที่กระสอบละ 1,800 บาท จึงยังไม่มีเงินซื้อปุ๋ยใส่สวนยางพารา เพราะค่าใช้จ่ายอย่างอื่นในครัวเรือนจำเป็นมากกว่า วอนรัฐเร่งแก้ปัญหาราคาสินค้าแพง เพื่อจะได้มีเงินใช้จ่าย โดยราคายางที่เป็นอยู่ขณะนี้ ขายน้ำยาง 1 กก.แทบจะซื้อข้าวสารไม่ได้ 1 กก. และฝนตกบ่อย เดือดร้อนกันอย่างหนัก
28 มิ.ย. 2565 เวลา 16:52 น. กรุงเทพธุรกิจ
ราคายางดิ่งในรอบเดือนลงมาเกือบ 20 บาท เหลือ ก.ก.ละ 48-50 บาท ชาวสวนโอดยางพารา 1 ก.ก. แทบไม่พอซื้อข้าวสาร 1 ก.ก. ฝนตกบ่อยไม่ค่อยได้กรีด ยังไม่มีเงินใส่ปุ๋ยเหตุปุ๋ยแพง ของแพง วอนรัฐเร่งแก้ของแพง
เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 65 เกษตรกรชาวสวนยางพาราในพื้นที่ ต.ควนปริง อ.เมือง จ.ตรัง ยังคงกรีดยางพารา แม้จะมีฝนตกโปรยปรายลงมาก็ตาม เพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว แต่หากฝนตกหนัก ก็ต้องหยุดกรีด ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่ภาคใต้มักเกิดฝนตกบ่อยครั้ง ทำให้ได้รับความเดือดร้อน ขณะเดียวกัน ราคายางพารากลับดิ่งราคาลงมาจากเมื่อประมาณต้นเดือนมิถุนายนนี้ ราคาน้ำยางสดขึ้นไปสูงสุดอยู่ที่กก.ละ 64 บาท แต่ได้เพียงแค่ 2 วัน ราคากลับดิ่งลงมาอย่างต่อเนื่อง จนขณะนี้ราคาน้ำยางสดเหลือกก.ละ 48 ? 50 บาท ตกลงมาเกือบ 20 บาทแล้ว ส่วนราคาเศษยางกก.ละ 22 บาท สวนทางกับค่าครองชีพที่แพงลิบ ทำเกษตรกรเดือดร้อน
โดยชาวสวนบอกว่า แม้ฝนจะตกโปรยปรายก็ต้องเสี่ยงออกกรีด เพื่อจะได้มีเงินส่งให้ลูกเรียนหนังสือ เพราะมหาวิทยาลัยกำลังจะเปิดเทอม ลูกต้องเดินทางไปเข้าหอพัก เพื่อเตรียมตัวเรียนหนังสือ ขณะที่ปุ๋ยในปีนี้ยังไม่มีเงินซื้อปุ๋ยมาใส่สวนยางพารา ซึ่งมีรวมประมาณ 7 ไร่ โดยครั้งก่อนที่ใส่ไปจำนวน 2 กระสอบๆละ 800 บาท แต่ขณะนี้ปุ๋ยปรับราคาขึ้นมาที่กระสอบละ 1,800 บาท จึงยังไม่มีเงินซื้อปุ๋ยใส่สวนยางพารา เพราะค่าใช้จ่ายอย่างอื่นในครัวเรือนจำเป็นมากกว่า วอนรัฐเร่งแก้ปัญหาราคาสินค้าแพง เพื่อจะได้มีเงินใช้จ่าย โดยราคายางที่เป็นอยู่ขณะนี้ ขายน้ำยาง 1 กก.แทบจะซื้อข้าวสารไม่ได้ 1 กก. และฝนตกบ่อย เดือดร้อนกันอย่างหนัก