My Community

ข่าวที่มีผลต่อราคายาง => ข่าวทั่วไป => ข้อความที่เริ่มโดย: Rakayang.Com ที่ กรกฎาคม 18, 2014, 11:47:45 AM

หัวข้อ: โกงข้าว!ปปช.ฟันปูส่งศาลฎีกานักการเมืองปล่อยเสียหาย5แสนล.
เริ่มหัวข้อโดย: Rakayang.Com ที่ กรกฎาคม 18, 2014, 11:47:45 AM

โกงข้าว!ปปช.ฟันปูส่งศาลฎีกานักการเมืองปล่อยเสียหาย5แสนล.


 
ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- ศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม 2557 00:00:40 น.
นนทบุรี * ป.ป.ช.ลงมติเอก ฉันท์ 7:0 แบบฟ้าแลบ ฟัน "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ผิดคดีจำนำข้าว ชี้ปล่อยโกงทุกขั้นตอนจนสร้างความเสียหายร้ายแรงที่สุดของประเทศ ทั้งที่ชาวนาฆ่าตัวตายยังไม่หยุด เตรียมส่งไม้ต่อให้อัยการสูงสุดสัปดาห์หน้าเพื่อฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญานัก การเมือง ลั่นคดีข้าวที่เหลือของขี้ข้า-ทาสจะจบ ก.ย. เผย "ปู" ยังมีเอี่ยวอีก 35 คดี เจ้าตัวเตรียมแจงแนวทางดิ้นสู้ผ่านเฟซบุ๊ก คสช.ไฟเขียว "อดีตนายกฯ พริต ตี้" พร้อมลูกชายออกนอกประ เทศ ทะแนะเชื่อไม่เดินตามรอยพี่ชาย "อดีต ส.ว." ชี้เป็นความฉลาดของ "บิ๊กตู่" วัดใจ




 
ตลอดทั้งวันพฤหัสบดีมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อในช่วงเช้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้อนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมด้วย ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชาย เดินทางไปต่างประเทศระหว่างวันที่ 20 ก.ค.-10 ส.ค. ตามที่ร้องขอ แต่ต่อมา ในช่วงเย็นคณะกรรมการป้อง กันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้มีมติเอกฉันท์ 7:0 ชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในโครงการรับจำนำและระบายข้าว


โดยเมื่อเวลา 17.00 น. นายวิชา มหาคุณ กรรมการและโฆษก ป.ป.ช. พร้อมด้วยนายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการและรองโฆษก ป.ป.ช. และนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. ได้แถลงข่าวกรณีไต่สวนข้อเท็จจริงการกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการเกี่ยวกับโครงการรับจำนำและระบายข้าว


นายวิชาแถลงว่า ป.ป.ช.เต็มองค์คณะในฐานะคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช.ที่รับผิดชอบเรื่องดังกล่าว ได้ไต่สวนข้อเท็จ จริงกระทั่งสรุปเรื่องเข้าที่ประชุม ป.ป.ช. ชุดใหญ่ในวันที่ 17 ก.ค. ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกกล่าวหาเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว ตามที่มีอำนาจหน้าที่จนทำให้ราชการได้รับความเสียหายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2554 มาตรา 66


นายวิชากล่าวต่อว่า ที่ประชุม ป.ป.ช. ได้วินิจฉัยถึงกรณีรัฐบาลของผู้ถูกกล่าวหาดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก โดยกำหนดราคารับจำนำสูงกว่าราคาตลาด เมื่อมีการระบายข้าวที่รับจำนำได้เกิดผลขาดทุนจำนวนมาก แต่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้ระงับยับยั้งโครงการ โดยยังคงดำเนินโครงการต่อไปจนเกิดผลขาดทุนสะสมเพิ่มมากขึ้นเป็นจำนวนมาก การ กระทำดังกล่าวมีมูลความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2554 มาตรา 123/1 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือไม่


ลงมติ 7 ต่อ 0 ชี้มูล
โฆษก ป.ป.ช.แถลงต่อว่า เมื่อพิจารณาแล้ว ป.ป.ช.มีมติเสียงข้างมากด้วยคะแนน 7 ต่อ 0 เสียงเห็นว่า การที่ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งนายกฯ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งได้กำหนดนโยบายการรับจำนำข้าวมาตั้งแต่ต้น และในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายและมีส่วนร่วมในการบริหารโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลได้กำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือกสูงกว่าราคาท้องตลาดเกินกว่าไปที่ควรคาดหมายได้ตามปกติ อันมีลักษณะบิดเบือนกลไกตลาด และการดำเนินโครงการปรากฏว่าเกิดการทุจริตทุกขั้นตอน ทั้งการขึ้นทะเบียนเกษตรกร, การสวมสิทธิ์เกษตรกร, โกงความชื้น, โกงตาชั่ง, นำข้าวมาเวียนเข้าโครงการ และการลักลอบนำข้าวออกจากคลัง ส่วนการระบายข้าวที่รับจำนำมีการใช้อิทธิพลทางการเมืองช่วยเหลือพวกพ้องให้ได้ข้าวจากโครงการไปจำหน่าย เกิดระบบนายหน้าค้าข้าว ไม่ประมูลข้าวโดยเปิดเผย การทุจริตดังกล่าวก่อให้เกิดภาระรายจ่ายของรัฐและภาวะขาดทุนเป็นจำนวนมาก ทั้งการอุดหนุนเกษตรกรและค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น การสีแปรสภาพ การขนส่ง การเก็บรักษา และยังอาจมีปัญหาข้าวเสื่อมคุณภาพ ขายข้าวขาดทุน ข้าวสูญหายจากโกดัง


"รัฐบาลกลายเป็นผู้ค้าข้าวรายใหญ่ทำลายระบบการค้าข้าวโดยเสรี โรงสีและผู้ส่งออกนอกโครงการไม่สามารถจัดหาซื้อข้าวได้เพียงพอ โรงสีในโครงการและผู้ส่งออกที่ชนะการประมูลข้าวจะมีการค้าขายที่มีข้อได้เปรียบโรงสีและผู้ส่งออกนอกโครงการ ตลอดจนราคาข้าวไทยแพงกว่าคู่แข่งในต่างประเทศ ทำให้ประเทศไทยสูญเสียตลาดส่งออกที่สำคัญ การรับจำนำข้าวทุกเมล็ดโดยไม่จำกัดพื้นที่ผลิตและวงเงินของการรับจำนำทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดความเสียหายต่อโครงการอย่างยิ่ง" นายวิชาไล่รายละเอียด


นายวิชากล่าวต่อว่า การนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ์ ตลอดจนปริมาณรับจำนำสูงเกินกว่าข้อเท็จจริง แต่คุณภาพข้าวต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ ต่อมาเมื่อมีการระบายข้าวที่รับจำนำได้เกิดผลขาดทุนเป็นจำนวนมาก อีกทั้งผู้ถูกกล่าวหาได้รับรู้รับทราบ จากรายงานผลการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล และยังรับทราบว่ามีการทุจริตทุกขั้นตอนของการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าว อีกทั้งปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีชาวนาที่เข้าร่วมโครงการนับล้านครอบครัวที่ยังไม่ได้รับเงินทำให้ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย หลายรายถึงกับฆ่าตัวตาย จึงเป็นกรณีจำเป็นที่ผู้ถูกกล่าวหาในฐานะนายกฯ ต้องพิจารณายับยั้งโครงการตั้งแต่เริ่มรับทราบว่ามีการทุจริตในโครงการและความเสียหายต่างๆ จากโครงการ แต่ผู้ถูกกล่าวหากลับยืนยันดำเนินโครงการต่อไป ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการมากขึ้นไปเรื่อยๆ ทั้งที่ผู้ถูกกล่าวหามีอำนาจหน้าที่โดยตรงที่จะต้องพิจารณายุติหรือยกเลิกโครงการ เพื่อระงับยับยั้งมิให้เกิดการทุจริตและระงับยับยั้งความเสียหายจากโครงการมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นสภาพความเสียหายที่เกิดจากโครงการรับจำนำข้าวที่ร้ายแรงที่สุดของประเทศ


ผิด 157 พ่วงมาตรา 123/1
"การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าวจึงมีมูลความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2554 มาตรา 123/1 ป.ป.ช.จึงมีมติเอกฉันท์สรุปสำนวนพร้อมส่งเอกสารความเห็นดังกล่าวไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อให้ฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามฐานความผิดดังกล่าวตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2554 มาตรา 70" นายวิชาระบุ


เมื่อถามถึงมูลค่าความเสียหายของโครงการที่เกิดขึ้นมีจำนวนเท่าไร นายวิชาตอบว่า ไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท เป็นไปตามที่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับยืนยันมาตลอด ซึ่งหลังจากนี้เลขาธิการ ป.ป.ช.จะจัดทำเอกสารให้แล้วเสร็จเพื่อส่งให้ อสส.ในสัปดาห์หน้า


ซักต่อว่า การชี้มูลของ ป.ป.ช.วันนี้มีผลต่อการเดินทางไปต่างประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์หรือไม่ นายวิชาตอบทันทีว่า ป.ป.ช.ไม่ได้นำมาเกี่ยวข้อง การจะเดินทางไปต่างประเทศนั้น เป็นอำนาจของ คสช.ที่จะพิจารณา ไม่เกี่ยวกับ ป.ป.ช. เป็นความบังเอิญที่ ป.ป.ช.ตัดสินตรงกับช่วงที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ขอเดินไปต่างประเทศพอดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังเดินทางไปต่างประเทศได้หาก คสช.อนุญาต แต่อาจเที่ยวไม่สนุกเท่านั้น และอย่าไปคาดเดาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางกลับมาหรือไม่กลับมา


เมื่อถามว่า เหตุใดจึงชี้มูลกะทันหันเช่นนั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ระบุว่าจะชี้มูลในเดือน ก.ย. นายวิชากล่าวว่า ที่พูดเดือน ก.ย.นั้น หมายถึงคดีจำนำข้าวทั้งหมด รวมถึงคดีของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และหลายๆ คนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้ ป.ป.ช.กำลังดำเนินการตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน และจะสรุปได้ในเดือน ก.ย. แต่ครั้งนี้เป็นการพิจารณาคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์คนเดียว ต่อไปจะเป็นหน้าที่ของ อสส. หลังจากที่ ป.ป.ช.ทำเรื่องนี้อย่างที่สุดแล้ว ส่วนความเห็นของ อสส.จะเป็นอย่างไร อย่าเพิ่งไปคาดการณ์ล่วงหน้า หรือคาดเดาใดๆ เพราะเป็นข้อกฎหมาย ป.ป.ช.ได้ทำตามหน้าที่อย่างครบถ้วน ตอนนี้หมดหน้าที่ ป.ป.ช.แล้ว


ถามทิ้งท้ายว่า ขณะนี้มีคดีของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ที่อยู่ในการตรวจสอบของ ป.ป.ช.เท่าไร นายวิชาตอบว่า มีทั้งหมด 35 เรื่อง


สำหรับการลงมติชี้มูลความผิดคดีอาญาจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ครั้งนี้ ถือเป็นการลงมติแบบสายฟ้าแลบ ไม่มีใครทราบล่วงหน้า โดยแจ้งให้ผู้สื่อข่าวทราบว่าจะมีการแถลงข่าวอย่างกะทันหันเพียง 40 นาทีเท่านั้น


ปูเล็งแจงแผนดิ้นผ่านเฟซบุ๊ก
ทันทีที่ ป.ป.ช.มีมติ คนใกล้ชิด น.ส.ยิ่งลักษณ์เผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้โทร ศัพท์หารือกับทีมทนายถึงแนวทางการต่อสู้คดี โดยทีมทนายบอกกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า หาก อสส.รับฟ้องดำเนินคดี ก็จะออกหมายเรียกไปให้ปากคำ รอการพิจารณาในชั้นศาล ซึ่งในวันที่ 18 ก.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเรียกทีมทนายทั้งหมดหารือแนวทางการต่อสู้คดี และหลังหารือ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะชี้แจงผ่านโซเชียลมีเดีย ส่วนจะมีผลต่อการเดินทางออกนอกประเทศหรือไม่ หลัง คสช.อนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศ ระหว่างวันที่ 20 ก.ค.-10 ส.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่ได้หารือ


นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส. พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นผู้เกาะติดเรื่องดังกล่าว แสดงความเห็นว่า เป็นไปตามที่คาดหมายไว้ เพราะหลักฐานและข้อมูลที่เรายื่นไปสมบูรณ์มาก การที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดครั้งนี้ สะท้อนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์สมัยเป็นนายกฯ ได้ปล่อยปละละเลยจนทำให้เกิดการทุจริตในโครง การจำนำข้าว และการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี ซึ่งกระบวนการยังเพิ่งเริ่มต้น เพราะเรื่องต้องส่งไปยัง อสส.ที่จะส่งฟ้องต่อศาลฎีกา ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังมีเวลาต่อสู้คดีอีก


"การทุจริตในโครงการดังกล่าว แบ่งเป็น 2 เรื่อง คือ 1.การดำเนินคดี ต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ 2.การดำเนินคดีต่อ นายบุญทรง, นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ และนายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์" นพ.วรงค์ระบุ


ก่อนหน้ามติดังกล่าว ในเวลา 09.30 น. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษก คสช. ได้แถลงถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้า คสช. เพื่อขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศ พร้อม ด.ช.ศุภเสกข์ โดยให้เหตุผลว่าจะเดินทางไปพักผ่อนที่ประเทศแถบยุโรป ระหว่างวันที่ 20 ก.ค.-10 ส.ค.ว่า คสช.ได้อนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางตามที่ร้องขอ เพราะ คสช.ได้พิจารณาเห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ขอมาตามขั้นตอน และที่ผ่านมาไม่เคยขัดคำสั่ง คสช. หรือฝืนคำสั่งที่ได้ตกลงกันก่อนหน้านี้ ทั้งคำสั่งห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือห้ามการเดินทางออกนอกประเทศ


"ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้ความร่วมมือด้วยดีมาตลอด จึงเห็นชอบอนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์สามารถเดินทางไปได้ ยืน ยันว่า คสช.ไม่ได้ลิดรอนสิทธิส่วนบุคคล ส่วนคำขอของบุคคลอื่นนั้น ยังไม่เห็นว่ามียื่นเข้ามาอีกหรือไม่ หากมีเข้ามาก็ต้องพิจารณาจากหลายองค์ประกอบ เช่น ประวัติ การกระทำความผิดคดี หรือข้อกล่าวหาที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องขึ้นอยู่กับ คสช.พิจารณา" พ.อ.วินธัยกล่าว


นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันเรื่องนี้ว่า เป็นการร้องขอต่อ คสช.ตามขั้นตอนปกติ ไม่คิดว่าเป็นการลี้ภัยทางการเมือง ส่วนการเคลื่อนไหวขององค์กรเสรีไทยเพื่อมนุษยชนและประชาธิปไตยในต่างประเทศนั้น กต.ยังคงติดตามอยู่ แต่ไม่ได้ให้ค่าหรือสถานะใดๆ เพราะการเคลื่อนไหวในต่างประเทศของกลุ่มนี้อยู่ในกลุ่มประเทศที่เป็นมิตรกับไทย ซึ่งประเทศเหล่านั้นคงไม่ยอมให้ใช้พื้นที่เคลื่อนไหวแทรกแซงกิจการภายในไทย


คาดร่วมเบิร์ธเดย์แม้ว
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางออกจากไทยพร้อมบุตรชายในวันที่ 22 ก.ค. เพื่อไปพักผ่อนที่อังกฤษ ฝรั่งเศส และสหรัฐ จากนั้นจะเดินทางกลับไทยประมาณวันที่ 10 ส.ค. ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์จะใช้โอกาสนี้พบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ด้วย โดยเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นวันที่ 26 ก.ค. ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิด พ.ต.ท.ทักษิณ โดยบุตรชายและบุตรสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณก็ได้เดินทางไปร่วมงานด้วย แต่คุณหญิง พจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยา พ.ต.ท. ทักษิณ ยังอยู่ระหว่างตัดสินใจว่าจะไปหรือไม่ ซึ่งงานนี้จัดขึ้นที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุง ปารีส


"แกนนำพรรคเพื่อไทยนั้นบางรายเริ่มทำวีซ่าแล้วเหลือเพียงการนัดหมายวันเวลาเท่านั้น โดยจะแจ้งกันแบบจวนเจียนที่สุด เพื่อไม่ให้ถูกเพ่งเล็งได้ ขณะที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยเองก็เริ่มสอบถามกันมากว่าจะเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ อาทิ ในไลน์กลุ่ม ส.ส.ภาคอีสาน ที่แจ้งให้ผู้ต้องการเดินทางไปเริ่มทำวีซ่ากับบริษัททัวร์ได้แล้ว แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้เดินทางไป เนื่องจากระยะทางไกล ก็เลือกจะอวยพรผ่านทางไลน์แทน" รายงานระบุ


ด้านนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนาย ความผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีโครงการรับจำนำข้าว  กล่าวถึงกรณีกระแสวิจารณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์อาจหลบหนีคดีหลังได้รับอนุญาตจาก คสช.ให้เดินทางไปต่างประเทศว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปพักผ่อนส่วนตัว เพราะ 2 ปีที่เป็นนายกฯ เหนื่อยในการทำงานพอสมควร จึงขอเดินทางไปพักผ่อน ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับการหลบหนีคดีรับจำนำข้าวแน่นอน เพราะคดียังมีกระบวนการที่ต้องสู้กันอีกพอสมควร


นายสมชาย แสวงการ อดีต ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊กในเรื่องนี้ว่า คสช.ตัดสินใจได้ฉลาดมาก เพราะ 1.เป็นการโยนหมากกลับไปที่ น.ส. ยิ่งลักษณ์ต้องคิดเองว่าจะหนีหรือไม่ ถ้าหนีก็ต้องแบบเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ คือหนีตลอดชีวิต 2.ข้อหาและคดีความต่างๆ จะตามมาอีกเพียบ และกฎหมายใหม่ที่ ป.ป.ช.เสนอและ สนช.จะออกมาแก้ไขนั้นคดีทุจริตมีอายุความ 30 ปี และรื้อฟื้นคดีได้ และ 3.ทรัพย์สมบัติที่ยังอยู่ในเมือง ไทยมากเกินกว่าขนย้ายทัน เพราะไม่คิดว่าจะถูกปฏิวัติ


"สรุปเบื้องต้นที่หลายคนกังวลว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะออกนอกประเทศแล้วหนีไปเลยนั้น ผมว่าถ้าเธอคิดเป็น ก็คงตัดสินใจไม่หนีแน่ๆ สู้อยู่สู้คดี ยืดเวลาติดคุกได้เป็นสิบปี พอ คสช.หมดอำนาจ ค่อยว่ากันใหม่ดีกว่า" นายสมชายระบุ


นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอยกคำสอนโบราณฝากถึงหัวหน้า คสช.ว่า ประเพณีตีงูให้หลังหัก มันก็มักทำร้ายเมื่อภายหลัง จระเข้ใหญ่ไปถึงน้ำมีกำลัง เหมือนเสือขังเข้าถึงดงก็คงร้าย อันแม่ทัพจับได้แล้วไม่ฆ่า ไปข้างหน้าศึกจะใหญ่ขึ้นใจหาย ต้องตำรับจับให้มั่นคั้นให้ตาย จะทำภายหลังยากลำบากครัน ซึ่งบทกลอนดังกล่าวกวีเอกสุนทรภู่ได้แต่งไว้สอนคนรุ่นหลัง ว่าอย่าให้ประมาทในการกระทำการใดๆ และถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกนอกประเทศไปแล้วไม่กลับมาซ้ำรอย พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ใครจะรับผิดชอบ


นายวัชระยังเรียกร้องนายนรวิชญ์ ให้ลาออกจากบอร์ดธนาคารอาคารสง เคราะห์ (ธอส.), บอร์ดบริษัท กสท โทร คมนาคม จำกัด (มหาชน) และที่ปรึกษาคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ด้วย หลังจากมาทำหน้าที่เป็นทนายช่วยเหลือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในคดีจำนำข้าวเพียงอย่างเดียว


ช่วงค่ำ พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษก ทบ. และทีมโฆษก คสช. กล่าวถึงกรณีที่ ป.ป.ช.ได้ลงมติตัดสินคดีจำนำข้าวว่า เรื่องนี้ คสช.ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย เพราะเป็นคนละส่วนงานกัน เนื่องจากที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ 1 สัปดาห์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทำหนังสือถึง คสช.ขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศ เป็นไปตามเงื่อนไขของ คสช.ที่พิจารณาว่าไม่มีอะไรที่ผิดเงื่อนไขด้านความมั่นคง และอยู่ในความประพฤติ ที่คสช.ได้ขอเอาไว้ จึงอนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศได้ แต่มาถึงวันนี้เมื่อ ป.ป.ช.ตัดสินคดีนี้ ก็เป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการของ ป.ป.ช.ที่จะนำเรื่องส่งให้อัยการสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนดไว้ภายใน 14 วัน ก่อนที่ อสส.รวบรวมข้อมูลฟ้องศาลภายใน 30 วัน


"ดังนั้นการจะเดินทางออกนอกประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้หรือไม่ ไม่ได้เกี่ยวกับ คสช. ขึ้นอยู่กับทั้ง ป.ป.ช. อัยการสูงสุด และศาลเป็นฝ่ายพิจารณา"


พ.อ.วินธัยกล่าวอีกว่า คดีนี้ตามปกติที่อยู่ในขั้นกระบวนการส่งสำนวนฟ้องศาล ไม่เห็นมีใครห้าม ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนจะมีความเห็นส่งให้อัยการสูงสุด และจากนั้นเมื่อขึ้นศาล จะต้องดูว่าข้อมูลทั้งหมดศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่ ซึ่งมีทั้งข้อห้ามและไม่มีข้อห้าม ทั้งหมดขึ้นอยู่ดุลพินิจของศาล.


"เกิดการทุจริตทุกขั้นตอน...แต่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้ระงับยับยั้งโครงการ จนเกิดผลขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก"


บรรยายใต้ภาพ
วิชา มหาคุณ