My Community
ข่าวที่มีผลต่อราคายาง => ข่าวยางโดยตรง => ข้อความที่เริ่มโดย: Rakayang.Com ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2016, 03:01:28 PM
-
(เพิ่มเติม) ไทย-อินโดฯ-มาเลย์ จับมือลดปริมาณส่งออกยาง 615,000 ตันในช่วง 6 เดือน
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ 2559 14:49:18 น.
นายสุรพล จารุพงศ์ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยความร่วมมือไตรภาคียางพาราว่า ประเทศผู้ส่งออกยาง 3 อันดับแรกของโลก ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย และ มาเลเซีย บรรลุข้อตกลงร่วมกันที่จะลดปริมาณการส่งออกยางธรรมชาติในปีนี้เป็นจำนวน 615,000 ตัน เป็นช่วงระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.-31 ส.ค.59
ทั้งนี้ ภายใต้ปริมาณการส่งออกที่ลดลง 615,000 ตันนั้น แต่ละประเทศจะลดปริมาณการส่งออกยางลงประเทศละ 10% โดยไทยจะลดปริมาณการส่งออกลง 324,005 ตัน อินโดนีเซีย 238,736 ตัน และ มาเลเซีย 52,259 ตัน โดยในปี 58 ไทยมีปริมาณการส่งออกยาง 3,783.2 ล้านตัน อินโดนีเซีย 2,684.7 ล้านตัน และ มาเลเซีย 1,069 ล้านตัน (ข้อมูลจากเว็บไซต์ www.anrpc.org (http://www.anrpc.org) หรือ Association of Natural Rubber Producing Countries (ANRPC) ซึ่งมีประเทศสมาชิก 11 ประเทศ คือ กัมพูชา จีน อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ปาปัวนิวกินี ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ศรีลังกา ไทย และเวียดนาม)
อนึ่ง เฉพาะไทย อินโนีเซีย มาเลเซีย ส่งออกยางรวมกันคิดเป็น 65% ของการส่งออกยางในตลาดโลก
ขณะเดียวกันทั้ง 3 ประเทศ ตกลงที่จะใช้มาตรการส่งเสริมการบริโภคยางพาราในประเทศให้เพิ่มมากขึ้น ได้แก่ การนำมาใช้เป็นส่วนผสมของถนนยางพารา ผลิตแผ่นรองรางรถไฟ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละประเทศ
"ทั้ง 3 ประเทศเชื่อว่าการใช้มาตรการลดปริมาณการส่งออก และเพิ่มการใช้ยางในประเทศให้มากขึ้น จะช่วยผลักดันและแก้ไขปัญหายางพาราตกต่ำให้กลับสู่ระดับราคาที่ยุติธรรม เหมาะสม แก่เกษตรกร...ซึ่งเชื่อว่าหลังข่าวประกาศความร่วมมือนี้ออกไปอาจจะมีผลต่อ ราคาทันที เชื่อว่าภายใน 1 เดือนจะเกิดความเปลี่ยนของราคายาง เพราะเป็นเรื่องของกลไกทางการตลาดจริงๆ "นายสุรพล กล่าว
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการของไตรภาคี จะมีการประชุมประเมินสถานการณ์หลังเริ่มใช้มาตรการนี้ว่า แต่ละประเทศได้ดำเนินการข้อตกลงนี้โดยเคร่งครัดหรือไม่ ซึ่งมั่นใจว่าข้อตกลงนี้ซึ่งกระทำโดยระดับรัฐมนตรีของประเทศไม่น่าจะมีฝ่าย ใดกระทำผิดข้อตกลง
โฆษกกระทรวงเกษตรฯ กล่าวถึงผลกระทบหลังการลดการส่งออกยางว่า จากการวิเคราะห์สถานการณ์เพราะรัฐบาลมีนโยบายเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราใน ประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในปีนี้เป้าหมาย 1 แสนตันก็ยังยืนยันว่าจะนำยางพาราคาจากเกษตรกรไปใช้ประโยชน์ต่อยอดเพิ่ม มูลค่า รวมทั้งช่วงที่ผ่านมา ไทยได้ขอความร่วมมือจาก 5 เสือบริษัทผู้ส่งออกรายใหญ่ก็ได้รับคำตอบว่าพร้อมจะร่วมมือ ขณะที่ด้านการตรวจสอบสต็อกยาง ทางกรมวิชาการเกษตรจะเป็นผู้ตรวจสอบสถิติย้อนหลังว่าในช่วงนี้ของปีที่ผ่านๆ มา แต่ละบริษัทส่งออกยางปริมาณเท่าไหร่ ก็จะสามารถควบคุมกำกับและควบคุมปริมาณส่งออกได้ตามเป้า และไม่ได้กำหนดมาตรการลงโทษ
ส่วนความคืบหน้ามาตรการรับซื้อยางพาราจากเกษตรกรรายย่อย 100,000 ตัน นั้น รับซื้อไปแล้วจำนวน 750 ตัน ซึ่งสาเหตุที่เกษตรกรยังนำยางมาขายไม่มากนัก เนื่องจากเป็นเกษตรกรรายย่อยที่นำยางมาขายในปริมาณไม่มาก ไม่สะดวกในการเดินทางมายังศูนย์ฯรับซื้อ อย่างไรก็ตามกระทรวงเกษตรฯ โดยการยางแห่งประเทศไทย ได้ปรับขั้นตอนการรับซื้อให้ง่ายขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่เกษตรกรที่นำยางมาขาย อีกทั้ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้กำชับเรื่องการเบิกจ่ายเงินให้ถึงมือเกษตรกรอย่างรวดเร็ว จาก 2 วัน เป็น 1 วัน อีกด้วย
"ผู้ส่งออกยางจะรับซื้อจากเกษตรกรเข้าสต็อกตัวเองและค่อยๆปล่อย จะไม่กระทบกลไกตลาดในประเทศ ขณะที่จำนวน 1 แสนตันที่รัฐบาลรับซื้อจากเกษตรกรรายย่อยซึ่งจะเป็นเกษตรกรคนละกลุ่มกัน"นาย สุรพล กล่าว
อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--