My Community

ข่าวที่มีผลต่อราคายาง => ข่าวยางโดยตรง => ข้อความที่เริ่มโดย: Rakayang.Com ที่ พฤศจิกายน 18, 2016, 09:15:45 AM

หัวข้อ: ITRC ชี้ความต้องการใช้ยางพารายังโตปีละ 3 - 5 เปอร์เซ็นต์
เริ่มหัวข้อโดย: Rakayang.Com ที่ พฤศจิกายน 18, 2016, 09:15:45 AM
ITRC  ชี้ความต้องการใช้ยางพารายังโตปีละ 3 - 5 เปอร์เซ็นต์


โดย ฐานเศรษฐกิจ (http://www.thansettakij.com/author/earthwormthan)
 -   17 November 2559

การยางแห่งประเทศไทย ร่วมประชุมสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศ (ITRC) เพื่อเร่งหาข้อสรุปความร่วมมือในการบริหารจัดการยางพาราทั้งระบบของโลก ณ ประเทศอินโดนีเซีย


ดร.ธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) เผยว่า  จากการประชุมสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศ(International Tripartite Rubber Council : ITRC) ณ กรุงจาร์กาต้า ประเทศอินโดนีเซีย ที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับประเด็น การพยากรณ์อุปสงค์ อุปทาน ยางพาราของโลก  ในการนำหลักสถิติและวิชาการเข้ามาใช้ในการประเมินความต้องการการใช้ยางของโลก ซึ่งโลกยังมีความต้องการใช้ยางพาราอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ในขณะเดียวกันถึงแม้จะไม่ได้เติบโตในอัตราที่สูงมากเกินไป  แต่ก็มีความใกล้เคียงกันของอุปสงค์ อุปทาน ที่เกิดขึ้นในแต่ละปีประมาน 3 ? 5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี   แต่สิ่งที่แตกต่างกันที่จะเกิดขึ้นในอนาคตคือจะมีประเทศผู้ส่งออกที่มีความหลากหลายทำให้เกิดแข่งขันเพิ่มมากขึ้นรวมถึงการแข่งขันในเชิงประเทศผู้ปลูกยางพารา   ดังนั้นแนวทางการแก้ปัญหาจำเป็นต้องทำการพัฒนาคุณภาพยางพาราให้ตรงความต้องการของผู้ใช้ในโลก


?สำหรับความก้าวหน้าในการจัดตั้งตลาดยางระดับภูมิภาค (RRM) ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปลายกันยายนที่ผ่านมาแต่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก  อาจเนื่องมากจากการซื้อขายยางพาราแบบส่งมอบจริงเป็นเรื่องใหม่ของวงการตลาดยางพารา  ในขณะที่ตลาดยางพาราที่ผ่านมาจะเป็นตลาดซื้อขายยางแบบล่วงหน้า  คงต้องหาแนวทางการแก้ไขโดยการปรับเปลี่ยนเรื่องระเบียบที่จะทำให้ผู้ซื้อรายย่อยและผู้ขายรายย่อยสามารถเข้ามาใช้บริการได้ง่ายยิ่งขึ้น  และอาจรวมถึงการลดค่าธรรมเนียมเพื่อจูงใจให้คนเข้ามาใช้บริการมากขึ้น ซึ่งก็จะเป็นแนวทางที่จะนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหารตลาดRRM ให้พิจารณาและดำเนินการต่อไป? ผู้ว่าการ กยท. กล่าว


ดร.ธีธัช กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของผลการดำเนินการตามมาตรการกำหนดปริมาณการส่งออก (AETS)  ขณะนี้ได้ดำเนินการเป็นครั้งที่ 3 ตั้งแต่มีการร่วมมือกันของไตรภาคียางพาราระหว่างประเทศ   โดยสาเหตุที่ต้องมีการวิเคราะห์กำหนดปริมาณการส่งออกที่เหมาะสม อันเนื่องมาจากหลักสถิติจะแสดงให้เห็นว่าหากแต่ละประเทศทำการส่งออกโดยที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น จะทำให้ปริมาณสินค้าเกินความต้องการของตลาด ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคายางและส่งผลต่อเกษตรกรของโลก  จำเป็นต้องหาจุดสมดุลของราคาและปริมาณ  โดยการกำกับปริมาณให้เป็นไปตามข้อตกลงของ 3 ประเทศสมาชิก ได้แก่ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย เนื่องจากการส่งออกยางพารารวมทั้ง 3 ประเทศมีปริมานมากกว่า 50  เปอร์เซ็นต์ของโลก


ดังนั้นจะต้องมีการประเมินความเหมาะสมของปริมาณที่ชัดเจน  ซึ่งในรอบปีนี้มาเลเซียเป็นประเทศเดียวที่สามารถปฏิบัติได้ตามข้อกำหนดที่เป็นพันธะสัญญาร่วมกันของสภาไตรภาคี เพราะฉะนั้นประเทศไทยและอินโดนีเซีย ต้องทบทวนแนวทางปฏิบัติเพื่อให้สามารถรักษาระดับปริมาณการส่งออกของแต่ละประเทศที่เหมาะสมเพื่อให้ราคาอยู่ในระดับที่เหมาะสมในอนาคตต่อไป ด้านการสร้างความร่วมมือระหว่างสภาไตรภาคีกับประเทศจีน และประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน  ได้ทำหนังสือเชิญชวนประเทศจีนเข้าร่วมสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศ แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับ  ขณะนี้ทำการติดตามและประสานงานกับไปยังประเทศจีนเพื่อรอคำตอบ และในส่วนของประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ได้ทำหนังสือเชิญชวนประเทศเวียดนามมาเข้าร่วมเป็นสมาชิกด้วยเช่นกัน เนื่องจากเวียดนามเป็นประเทศที่ส่งออกยางมากเป็นอันดับ 3 ของโลก  ซึ่งขณะนี้ประเทศเวียดนามอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อดี ? ข้อเสีย และผลประโยชน์ที่ประเทศเวียดนามจะได้รับเมื่อร่วมสภาไตรภาคีระหว่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งในอีกหนึ่งปีข้างหน้า