My Community

ข่าวที่มีผลต่อราคายาง => ข่าวทั่วไป => ข้อความที่เริ่มโดย: Rakayang.Com ที่ ธันวาคม 01, 2018, 08:38:02 AM

หัวข้อ: G20 : ?ทรัมป์? vs ?สี จิ้นผิง? ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ | สงครามการค้า จีน สหรัฐ
เริ่มหัวข้อโดย: Rakayang.Com ที่ ธันวาคม 01, 2018, 08:38:02 AM
G20 : ?ทรัมป์? vs ?สี จิ้นผิง? ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ | สงครามการค้า จีน สหรัฐ

พฤศจิกายน 30, 2018 Author Tee Arjchaidan (https://www.thinvest.in.th/webboard/profile/3)



 (https://www.thinvest.in.th/wp-content/uploads/trump-meet-xi-jiping.jpg)


สงครามการค้า จีน สหรัฐ | อธิบายนิดนึงว่า การประชุม G20 มีหลายประเด็นของหลายๆ ประเทศที่ต้องพูดคุยกัน แต่เรื่องสำคัญที่โลกสนใจ มีแค่เรื่องของ สงครามการค้า จีน สหรัฐ เท่านั้น
การเจอกันระหว่าง ?Trump? และ ?Xi? ในวันเสาร์ที่ 1 ธ.ค. นี้ เป็นอะไรที่คาดเดาได้ยาก เพราะถ้ามันเป็นแค่เรื่องเศรษฐกิจจริงๆ มันจะจบลงด้วยลักษณะที่ ทั้งสองประเทศลงแถลงการณ์ร่วมกัน และสงครามการค้าก็คลี่คลายลงในทันที
แต่ปัญหาก็คือ ?มันไม่ใช่? เพราะความขัดแย้งของสองประเทศมันลึกลงไปในหลายประเด็นและเกี่ยวพันกับการบริหารภายในและความมั่นคงของแต่ละประเทศ
หัวหรือก้อย
ถ้าสามารถออกแถลงการณ์ร่วมกันในทางที่ดีออกมาได้ Bloomberg วิเคราะห์ว่า มันจะคลี่ลลายสถาณการณ์เงินเฟ้อที่เป็นเมฆดำปกคลุมเศรษฐกิจโลกอยู่ในขณะนี้ได้ ในขณะที่หากผลออกมาตรงข้าม เสถียรภาพของการค้าโลกก็ยังอยู่ในโหมดที่สุ่มเสี่ยงต่อไป
เป็นไปได้ที่จะลดความตีงเครียดลงเช่นกัน
แม้ยังมีประเด็นมากมายที่จะตกลงกันได้ยากในทางการเมือง แต่หลายฝ่ายก็มองการประชุมในแง่ดีว่า ผู้นำทั้งสองประเทศจะออกแถลงการณ์ร่วมกันในลักษณะที่สร้างสรรค์ เพราะหากประเมินแนวโน้มที่สหรัฐฯ เจอกับสหภาพยุโรป
ตอนนั้น Jean-Claude Juncker ประธานคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป มาที่รัฐสภาสหรัฐฯ (ช่วยเดือน July) และมีแถลงการณ์ร่วมกันว่า การประชุมในครั้งนี้ จะนำไปสู่ปฐมบทใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฯ และสหภาพยุโรป เราจะทำงานร่วมกัน รวมไปถึงการทำให้กำแพงภาษีเป็นศูนย์ ไม่มีการอุดหนุนภายใน ฯลฯ
จากกรณีของสหภาพยุโรป ก็เป็นไปได้เหมือนกันว่า ทั้งสหรัฐฯ และจีน จะสามารถหาจุดร่วมบางอย่างในการประชุมครั้งนี้ได้ เพราะมันเป็นประโยชน์กับทุกหน่วยเศรษฐกิจบนโลกมากกว่า ทั้งนี้ต้องโน๊ตไว้นิดนึงว่า สิ่งที่สหรัฐฯ ต้องการคือ อยากให้จีนลดการอุดหนุนธุรกิจภายในประเทศ ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น รวมถึงให้จีนพยายามลดข้อกำหนดที่บังคับให้ธุรกิจสหรัฐฯ ถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อเข้าทำธุรกิจในจีน
สำหรับจีน
อย่างไรก็ตาม หากจีนยอมผ่อนปรนลงบ้าง นักวิเคราะห์มองว่า จะเป็นประโยชน์ต่อจีนมากกว่าในการเสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ เพราะในตอนนี้ เกิดปัญหาการบริโภคภายในประเทศของจีน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความเชื่อมั่นทั้งภาคครัวเรือนและธุรกิจที่มีต่อเศรษฐกิจน้อยลงจากประเด็น Trade War
ซึ่งตรงนี้ไม่ใช่แค่ความรู้สึก แต่ตัวเลขมีการชะลอตัวลงจริงๆ (อ่านย้อนหลัง : ยังไม่ถึงฝัน ? เศรษฐกิจ ?จีน? ชะลอตัวจริง (https://www.thinvest.in.th/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7-%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88/global-update/china-slow-as-their-economic.html)) แม้แต่ Sentiment ของตลาดหุ้นก็ยังมีการใช้สัญญา Derivative เพื่อป้องกันความเสี่ยงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
นี่ไม่ใช่แค่เศรษฐกิจ
ผลกระทบจากสงครามการค้า ทำให้ความเชื่อมั่นลดลง การบริโภคภายในประเทศต่ำลง ผลักดันให้จีนต้องบิดเบือนกลไกตลาดทั้งนโยบายการเงินและการคลัง ซึ่งในระยะยาวจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้กับระบบเศรษฐกิจของจีนเอง สหรัฐฯ ใช้เครื่องมือทางเศรษฐกิจเพื่อกดดันจีนในการขึ้นมามีบทบาททางการเมืองโลก
ตัวอย่างวิธีการแพร่อิทธิพลของจีน ได้แก่ ท่อส่งน้ำมันและก๊าช ที่วางไปตามแนวของเมือง ?จ้อกพยู? (Kyaukpyu) ทางตะวันตกของ ?เมียนม่า? ตรงไปสู่ คุนหมิง? ประเทศจีน ท่อดังกล่าว ทำให้การขนส่งสินค้าพลังงานจาก ?ตะวันออกลาง? ไม่ต้องผ่านช่องแคบมะละกาและทะเลจีนใต้ โครงการนี้ทำให้จีนประหยัดต้นทุนการขนส่งน้ำมัน
(https://www.thinvest.in.th/wp-content/uploads/%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99-1.jpg)
สรุป
การประชุมในเสาร์จะเป็นตัวแปรสำคัญที่บอกว่า เสถียรภาพของเศรษฐกิจโลกจะผันผวนหรือไม่ อย่างไร หากสามารถมีแถลงการณ์ร่วมกันออกมาในทางที่ดีได้ ตลาดหุ้นก็อาจมีการปรับตัวขึ้น รวมถึงสกุลเงินของฝั่ง AUD, NZD, CNH ก็มีโอกาสมากที่จะแข็งค่าขึ้น แต่ถ้าการประชุมออกมาตรงข้าม ตลาดการเงินก็จะตอบสนองในทิศทางตรงข้ามเช่นกัน


ที่มา https://www.thinvest.in.th