ผู้เขียน หัวข้อ: รายงาน: ลาวสุดช้ำ'ยางพารา'ราคาตกต่ำหนัก ชาวสวนตัดทิ้งไปแล้วกว่า2,000ไร่  (อ่าน 766 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 87898
    • ดูรายละเอียด
รายงาน: ลาวสุดช้ำ'ยางพารา'ราคาตกต่ำหนัก ชาวสวนตัดทิ้งไปแล้วกว่า2,000ไร่



  ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ รัฐบาลกับอีกหลายหน่วยงาน รวมทั้งองค์การ ระหว่าง ประเทศต่างสนับสนุนให้เกษตรกร ลาวหันไปปลูกยางพาราเพื่อส่งออกกันยกใหญ่ นักลงทุนต่างชาติ มุ่งหน้าเข้าไปแสวงหาผืนดิน อันอุดม หรือตั้งเครือข่ายปลูกยางพาราเพื่ออุตสาหกรรม แต่ในวันนี้ราคายางตกต่ำหนัก ชาวลาวจำนวนมากต้องตัดต้นยางทิ้งด้วยความชอกช้ำ เพื่อกลับไปปลูกพืชเดิมๆ และไม่มีผู้ใดหน่วยงานใดเข้าไปช่วยเหลืออีก

 ตามรายงานของสื่อทางการ ที่ผ่านมา มีเกษตรกรทำสวนยางในแขวงหลวงน้ำทา ซึ่งอยู่ติดชายแดนจีน ตัดต้นยางทิ้งไปแล้ว เกือบ 350 เฮกตาร์ (2,187 ไร่) หลังจากราคายางสำเร็จรูปตกต่ำลงเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา ราษฎรผู้ปลูกยางทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมือง (อำเภอ) สิง เมืองลอง ได้รับผลกระทบอย่างหนัก

 ต้นยางพาราราว 349 เฮกตาร์ ที่ถูก ตัดทิ้งเป็นของเกษตรกรรวมกัน 758 ครอบครัว อยู่ในเขตเมืองสิงมากที่สุด คือ 292 ครอบครัว สำนักข่าวสารปะเทดลาว (ขปล.) รายงาน

 ย้อนกลับไปปลายปี 2012 ขณะที่ราคายางในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลลาวได้ออกประกาศฉบับหนึ่ง แนะนำองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น แขวงต่างๆ ให้ส่งเสริมราษฎรปลูกยางพารา และให้สำนักงานอุตสาหกรรมและการค้า ประจำแขวงออกซื้อผลผลิตจากราษฎรในราคายุติธรรม

 ปีนี้คณะกรรมการของรัฐบาลที่กำกับดูแลราคายางพาราได้ประชุมเจรจากับบริษัท รับซื้อจากจีน 6 แห่งในหลวงน้ำทา เกี่ยวกับราคาที่ทำให้เกษตรกรอยู่ได้ แทนที่ทางการจะจ่ายเงินอุดหนุน คณะกรรมการชุดนี้ได้เจรจาขอให้บริษัทจีนรับซื้อยางแผ่นในราคา 4 หยวน หรือเกือบ 23 บาทต่อกิโลกรัม จาก 3-3.2 หยวนต่อ กก.ในปัจจุบัน
 "แต่เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ทำให้ราคายางตกต่ำ บริษัทจีนเหล่านั้นไม่สามารถรับซื้อในราคาที่เสนอได้" ขปล.กล่าว

 เมื่อปีที่แล้วเกษตรกรสวนยางในแขวงหลวงน้ำทาเพียงแห่งเดียว ขายยางรวมกันทั้งหมด 13.82 ตัน ในราคาเฉลี่ย 3.8 หยวนต่อ กก. รวมเป็นมูลค่า 52.54 ล้านหยวน (กว่า 8 ล้านดอลลาร์) ราคายางพาราในตลาดโลกเคยพุ่งขึ้นสูงถึง 8 ดอลลาร์ต่อ กก. ในปี 2011 ได้เป็นแรงกระตุ้นให้ทุกคนหันมาปลูกยาง แต่ปีนี้ราคาตกลงเหลือเพียงประมาณ 1.8 ดอลลาร์ต่อ กก.

 ในช่วงที่ราคาพุ่งขึ้นสูง เกษตรกรในลาวจำนวนมากได้ หันหลังให้การทำนา หันมาปลูกยางที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูงกว่าข้าวอย่างเทียบกันไม่ได้ บริษัทจากจีน บริษัทไทย และจากเวียดนามต่างเข้าไปแสวงหาโอกาสที่จะได้ครอบครองพื้นที่ ทำสวนยางนับหมื่นๆ ไร่ ในลาว ตั้งแต่เหนือ จดใต้ รวมทั้งในจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของกัมพูชา แต่ปัจจุบันทุกแห่งกำลังประสบชะตากรรมเดียวกัน

 ยังไม่ทราบตัวเลขล่าสุดในปีนี้ แต่ผลการสำรวจที่สำนักข่าวของทางการรายงาน เมื่อต้นปี 2014 พบว่า ยางพาราปลูกมากที่สุดในภาคเหนือ โดยแขวงเวียงจันทน์อันดับ 1 รองลงไปเป็นหลวงน้ำทา กับอุดมไซ มีเนื้อที่สวนยางรวมกัน 269,112 เฮกตาร์ (1,681,950 ไร่) หรือกว่า 60% ของทั้งประเทศ รองลงไปเป็นภาคกลาง ในสะหวันนะเขต บอลิคำไซ คำม่วน รวมทั้งในเขตนครเวียงจันทน์ ส่วนภาคใต้ปลูกมากที่สุดในจำปาสัก

 รัฐบาลลาวเริ่มตระหนักว่า ที่ผ่านมา มีการปลูกพืชเศรษฐกิจเหล่านี้มากเกินไปใน ช่วงต้นปี 2013 จึงได้ประกาศไม่ออกใบอนุญาตให้แก่การลงทุนในเกษตรอุตสาหกรรมแขนงยางพารา กับต้นยูคาลิปตัส ที่ปลูกเพื่อนำเนื้อไม้ไปทำ เยื่อกระดาษ และไม่ให้ใบอนุญาต แก่นักลงทุนรายใดอีกเลยตั้งแต่นั้น
     
 ASTV ผู้จัดการรายวัน (Th)