ผู้เขียน หัวข้อ: ฝ่าวิกฤติยางราคาตก ชาวสวนสตูล ปลูกผักเหลียงขายได้ทั้งปี โลละ 200  (อ่าน 857 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 87855
    • ดูรายละเอียด
ฝ่าวิกฤติยางราคาตก ชาวสวนสตูล ปลูกผักเหลียงขายได้ทั้งปี โลละ 200

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 12 ม.ค. 2559 10:25

 

 
 เจ้าของสวนยางสตูล ดิ้นหาทางรอดฝ่าวิกฤติยางราคาตก หันมาปลูกต้นเหลียง เก็บขายได้ตลอดทั้งปี กิโลละ 200 ราคาดีกว่ายาง และแบ่งพื้นที่เลี้ยงปลาดุก นำมาทำปลาดุกร้า ส่งขาย สร้างรายได้...
เมื่อวันที่ 12 ม.ค. ภายหลังราคายางพาราตกต่ำต่อเนื่อง ล่าสุดน้ำยางสด กก.ละ 22 บาท ทำให้ชาวสวนยางต้องดิ้นรนหาทางออกเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว โดยนายอนันต์ เมืองปาน อายุ 60 ปี บ้านเลขที่ 87/1 ม.4 ต.นิคมพัฒนา อ.มะนัง จ.สตูล เจ้าของสวนยาง กล่าวว่า หลังจากยางพาราตกต่ำตั้งแต่ปี 56 ซึ่งไม่คิดว่าราคายางในปี 59 จะตกลงมาถึงขนาดนี้ แต่ในปี 56 ก็เริ่มหาทางออกโดยการใช้พื้นที่ว่างในสวนยางให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด มองว่าผักเหลียงหรือผักเหมียงผักพื้นบ้านที่คนใต้นิยมรับประทานกัน ซึ่งทางร้านอาหารนิยมนำไปทำผักเหลียงผัดไข่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว มาก จึงซื้อกิ่งต้นเหลียงมาทดลองปลูก เพียง 2 ปีก็เก็บขายได้แล้ว โดยในปี 58 เก็บผักเหลียงขายได้ตลอดทั้งปีไม่ว่าจะมีฝนตกหรือไม่ ผิดกับยางพาราหากฝนตกก็กรีดไม่ได้แล้ว
"ผักเหลียงเป็นพืชที่ชอบแสงรำไรเหมาะแก่การปลูกในสวนยางมากที่สุด และเป็นพืชที่ตลาดมีความต้องการสูง เป็นไม้พุ่มที่อาศัยไม้ใหญ่ได้โดยไม่มีแมลงมารบกวน และไม่รบกวนพืชหลักอย่างยางพาราด้วย เก็บได้ทุกวัน ราคากำละ 20 บาท หากขายเป็นกิโล ตก กก.ละ 200 บาท ซึ่งแพงกว่าราคายางตอนนี้มาก และผักเหลียงสามารถเก็บต่อเนื่องได้ถึง 20-30 ปี เนื่องจากเป็นผักที่เก็บได้ทุกวัน ทำให้ต้นสูงที่สุดจะไม่เกิน 2 เมตร"
สำหรับการปลูกจะขุดหลุมกว้าง ยาว ลึก 1 ฟุต นำปุ๋ยคอกรองก้นหลุมนำกิ่งตอนใส่แล้วกลบ โดยให้ต้นเอียงจะแทงยอดได้หลายกิ่ง หมั่นรดน้ำใส่ปุ๋ยคอก 6 เดือนครั้ง เมนูที่นิยมคือผักเหลียงผัดไข่ แกงเลียง ต้มกะทิ ลวกจิ้มน้ำพริก นอกจากนี้ ยังแบ่งพื้นที่สำหรับเลี้ยงปลาดุกเพื่อทำเป็นปลาดุกร้าส่งขาย
"อยากให้ชาวสวนยางปรับเปลี่ยนวิธีคิดเพราะเราต้องอยู่รอด โดยไม่ต้องพึ่งพายางพาราเพียงอย่างเดียว หากมีการปลูกพืชอื่นเสริม จะสามารถอยู่ได้แม้ยางราคาตกต่ำก็ตาม"