ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2563  (อ่าน 732 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 88390
    • ดูรายละเอียด

***ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 225.92 จุด วิตก GDP สหรัฐหดตัว,'ทรัมป์'เสนอเลื่อนเลือกตั้ง

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 หดตัวรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 70 ปี นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวโดนัลด์ ทรัมป์เสนอให้เลื่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐออกไปจากกำหนดเดิมที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย. อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ก่อนที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ซึ่งรวมถึงแอปเปิลและอัลฟาเบท จะเปิดเผยผลประกอบการ
          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,313.65 จุด ลดลง 225.92 จุด หรือ -0.85% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,246.22 จุด ลดลง 12.22 จุด หรือ -0.38% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,587.81 จุด เพิ่มขึ้น 44.87 จุด หรือ +0.43%
          ดัชนีดาวโจนส์เคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า GDP ไตรมาส 2/2563 หดตัวลง 32.9% ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 70 ปี หรือนับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2490 โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล ซึ่งทำให้มีการปิดเศรษฐกิจเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
          ส่วนในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา GDP สหรัฐหดตัวลง 5% ซึ่งทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากมีการหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน
          นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่โดนัลด์ ทรัมป์ได้เสนอให้สหรัฐเลื่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย. โดยอ้างว่าการส่งบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์จะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีการฉ้อโกงมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ
          ทั้งนี้ แม้ว่าทรัมป์ไม่มีอำนาจในการชะลอการเลือกตั้งประธานาธิบดีเนื่องจากกฎหมายที่ผ่านสภาคองเกรสในศตวรรษที่ 19 ได้กำหนดให้การเลือกตั้งมีขึ้นในวันอังคารแรกของเดือนพ.ย. แต่ความเคลื่อนไหวของทรัมป์ส่งผลให้นักลงทุนมีปฏิกริยาในด้านลบ
          หุ้น 7 กลุ่มจากทั้งหมด 11 กลุ่มที่คำนวนในดัชนี S&P500 ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานที่ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 3% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 4.99% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 4.21% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ลดลง 2.72% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ทรุดตัวลง 7.4%
          หุ้นดูปองท์ ร่วงลง 2.6% ขณะที่หุ้นดังกินส์ แบรนด์ส ดิ่งลง 4.2% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง
          อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นและเป็นปัจจัยหนุนดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนบวก โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นเฟซบุ๊ก บวก 0.52% หุ้นแอมะซอน บวก 0.6% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ บวก 0.27% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 0.98% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 1.42%
          หุ้นยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (ยูพีเอส) ซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งพัสดุภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 14.22% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยได้ปัจจัยบวกจากการที่ชาวอเมริกันอยู่แต่ในบ้านมากขึ้น เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐเพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการในการส่งพัสดุภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น
          หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) พุ่งขึ้น 2.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด เนื่องจากความต้องการผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้านและของใช้ส่วนตัวปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด
          นักลงทุนจับตาพรรคเดโมแครตและทำเนียบขาวที่กำลังเจรจากันเกี่ยวกับรายละเอียดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ซึ่งรวมถึงการขยายโครงการช่วยเหลือคนว่างงานซึ่งจะหมดอายุสิ้นเดือนนี้ ขณะที่ทั้งสองพรรคยังคงมีความเห็นที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับวงเงินที่จะให้ความช่วยเหลือคนว่างงาน โดยพรรคเดโมแครตต้องการให้รักษาวงเงินดังกล่าวไว้ที่ระดับ 600 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ แต่พรรครีพับลิกันต้องการให้ปรับลดลงมาอยู่ที่ 200 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์
          นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

***น้ำมัน WTI ปิดร่วง 1.35 ดอลล์ วิตก GDP สหรัฐหดตัว,โควิดฉุดดีมานด์

ข่าวต่างประเทศ Friday July 31, 2020 07:02 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดร่วง 1.35 ดอลล์ วิตก GDP สหรัฐหดตัว,โควิดฉุดดีมานด์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 40 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ซึ่งรวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ที่หดตัวรุนแรงสุดในรอบกว่า 70 ปี นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งในสหรัฐและทั่วโลกอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 1.35 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 39.92 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 81 เซนต์ หรือ 1.9% ปิดที่ 42.94 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า GDP ไตรมาส 2/2563 หดตัวลง 32.9% ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 70 ปี หรือนับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2490 โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล ซึ่งทำให้มีการปิดเศรษฐกิจเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.434 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 2 สัปดาห์ติดต่อกัน และยังคงมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านรายติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 19 แม้ว่ารัฐต่างๆเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยข้อมูลล่าสุดของ Worldometer ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 17,213,268 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 670,907 ราย

ทั้งนี้ สหรัฐยังคงติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 4,568,375 ราย และมีผู้เสียชีวิต 153,848 ราย

สื่อต่างประเทศซึ่งรวมถึงสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า นักลงทุนยังวิตกกังวลต่อการที่โดนัลด์ ทรัมป์เสนอให้เลื่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย. โดยอ้างว่าการส่งบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์จะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีการฉ้อโกงมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ

อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์ไม่มีอำนาจในการชะลอการเลือกตั้งประธานาธิบดี เนื่องจากกฎหมายที่ผ่านสภาคองเกรสในศตวรรษที่ 19 ได้กำหนดให้การเลือกตั้งมีขึ้นในวันอังคารแรกของเดือนพ.ย.

ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ ทำให้หลายรัฐมีการเสนอทางออกในการส่งบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์เพื่อป้องกันชาวอเมริกันจากการติดเชื้อไวรัสดังกล่าว

***ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: แรงขายทำกำไรฉุดทองปิดลบ 9.9 ดอลลาร์

ข่าวต่างประเทศ Friday July 31, 2020 07:20 ?สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาทองคำพุ่งขึ้นติดต่อกัน 9 วันทำการ ขณะเดียวกันนักลงทุนซึมซับข่าวธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยและให้คำมั่นว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 9.9 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 1,966.8 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 95.9 เซนต์ หรือ 3.94% ปิดที่ 23.362 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 45.9 ดอลลาร์ หรือ 4.79% ปิดที่ 912.6 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 126.30 ดอลลาร์ หรือ 5.6% ปิดที่ 2,134.90 ดอลลาร์/ออนซ์

นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นติดต่อกันยาวนานถึง 9 วันทำการ โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากคำสั่งซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า คำสั่งซื้อทองจะแผ่วลงในระยะสั้น ซึ่งจะทำให้เกิดการปรับฐานทางเทคนิคในช่วงหลายวันข้างหน้า

นักลงทุนในตลาดทองคำซึมซับข่าวธนาคารกลางสหรัฐประกาศคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา พร้อมกับยืนยันว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวและใช้เครื่องมือทั้งหมดที่เฟดมีอยู่เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐ จนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19