ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ข่าวหุ้น-การเงิน 6 กรกฎาคม 2565  (อ่าน 359 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 89227
    • ดูรายละเอียด

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 129.44 จุด นลท.กังวลเศรษฐกิจถดถอย
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (6 ก.ค. 2565)--ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (5 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นในช่วงท้ายตลาด ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,967.82 จุด ลดลง 129.44 จุด หรือ -0.42%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,831.39 จุด เพิ่มขึ้น 6.06 จุด หรือ +0.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,322.24 จุด เพิ่มขึ้น 194.39 จุด หรือ +1.75%
          บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตาเปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดซึ่งแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 2.1% ในไตรมาส 2 จากเดิมที่บ่งชี้ว่ามีแนวโน้มหดตัว 1.0%
          ตัวเลขคาดการณ์ GDPNow บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวในไตรมาส 2 รุนแรงกว่าไตรมาส 1 ซึ่งหดตัว 1.6% และแสดงว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน ทั้งนี้ เฟดสาขาแอตแลนตาจะรายงานตัวเลขคาดการณ์ GDPNow ครั้งใหม่ในวันที่ 7 ก.ค.
          หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงอย่างหนัก หลังจากราคาน้ำมัน WTI ทรุดตัวลงกว่า 8% หลุดจากระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 3.13% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 8.08% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 6.93% หุ้นเชฟรอน ลดลง 2.63%
          หุ้นกลุ่มที่ต้องพึ่งพาการขยายตัวของเศรษฐกิจร่วงลง ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มวัสดุ โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 6.55% หุ้นยูเอส สตีล คอร์ป ร่วงลง 4.97% หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 1.59% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ดิ่งลง 2.35% หุ้นฮันนีเวลล์ ร่วงลง 1.72% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดิ่งลง 2.41%
          โมฮัมหมัด เอล-เอเรียน นักวิเคราะห์จากบริษัทอัลลิอันซ์กล่าวว่า ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve เมื่อคืนนี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีปรับตัวสูงกว่าอายุ 10 ปี ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าการหดตัวของเศรษฐกิจอาจจะผลักดันให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
          ทั้งนี้ การคาดการณ์ดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร โดยหุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ พุ่งขึ้น 5.1% หุ้นทวิตเตอร์ บวก 0.39% หุ้นแอปเปิล ดีดขึ้น 1.89% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 3.3% หุ้นอัลฟาเบท ทะยานขึ้น 4.16% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 0.16 % หุ้นแอมะซอน พุงขึ้น 3.6%
          การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีช่วยหนุนหุ้น Ark Innovation ETF ทะยานขึ้นกว่า 9% โดย Ark Innovation ETF เป็นกองทุนที่บริหารโดยนางเคธี วูด และมุ่งเน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
          นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมของเฟดประจำวันที่ 14-15 มิ.ย.ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ รวมทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้
          นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้นเพียง 250,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ต่ำกว่าระดับ 390,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานเดือนมิ.ย.จะทรงตัวที่ระดับ 3.6%
          นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากสื่อรายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อาจจะประกาศยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าบางส่วนจากจีนภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งหากมีการบังคับใช้ ก็ถือเป็นย่างก้าวสำคัญในการคลี่คลายความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ปธน.ไบเดนได้จัดการประชุมหลายครั้งร่วมกับคณะที่ปรึกษาเศรษฐกิจ เพื่อหารือเกี่ยวกับทางเลือกในการตัดสินใจที่จะยกเลิกมาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนซึ่งอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ริเริ่ม
โดย รัตนา พงศ์ทวิช


ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดร่วง $8.93 หลุด $100 กังวลจีนล็อกดาวน์ฉุดดีมานด์
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (6 ก.ค. 2565)--สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 8% หลุดจากระดับ 100 ดอลลาร์ในวันอังคาร (5 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า เศรษฐกิจโลกที่ส่งสัญญาณถดถอยและการที่จีนมีแนวโน้มจะกลับมาล็อกดาวน์เมืองสำคัญนั้น อาจส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกทรุดตัวลงด้วย
          ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 8.93 ดอลลาร์ หรือ 8.2% ปิดที่ 99.50 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.
          ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ดิ่งลง 10.73 ดอลลาร์ หรือ 9.5% ปิดที่ 102.77 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.
          สัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ ต่างก็ร่วงลงเป็นเปอร์เซ็นต์ในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค. เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศจีน โดยนครเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของจีนประกาศมาตรการตรวจเชื้อโควิด-19 ครั้งใหญ่เป็นเวลา 3 วัน โดยพุ่งเป้าติดตามผู้ติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดในคาราโอเกะแห่งหนึ่ง
          นายติง ลู่ นักวิเคราะห์ของบริษัทโนมูระเปิดเผยว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทำให้เมืองหลายแห่งของจีนเฝ้าระวังสถานการณ์เพิ่มขึ้น โดยนับจนถึงวันจันทร์ที่ 4 ก.ค. จำนวนเมืองที่จำกัดการเดินทางในขณะนี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 11 เมือง ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากจำนวน 5 เมืองเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้
          นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั้งในสหรัฐและทั่วโลก โดยในสหรัฐนั้น ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตาเปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงซึ่งให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 2.1% ในไตรมาส 2 จากเดิมที่บ่งชี้ว่ามีแนวโน้มหดตัว 1.0%
          ตัวเลขคาดการณ์ GDPNow บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวในไตรมาส 2 รุนแรงกว่าไตรมาส 1 ซึ่งหดตัว 1.6% และแสดงว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน
          ซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะทรุดตัวลงแตะระดับ 65 ดอลลาร์ในปลายปีนี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
          นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ เวลาประมาณ  22.00 น.ตามเวลาไทย
โดย รัตนา พงศ์ทวิช


ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง $37.6 เหตุดอลล์แข็งกดดันตลาด
          สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (6 ก.ค. 2565)--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันอังคาร (5 ก.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด โดยดัชนีดอลลาร์ พุ่งทะลุระดับ 106 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 20 ปี
          ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 37.6 ดอลลาร์ หรือ 2.09% ปิดที่ 1,763.9 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค. 2564
          สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 54.6 เซนต์ หรือ 2.78% ปิดที่ 19.121 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 20.6 ดอลลาร์ หรือ 2.36% ปิดที่ 850.7 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 19.30 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 1,918.80 ดอลลาร์/ออนซ์
          สัญญาทองคำร่วงหลุดจากระดับ 1,800 ดอลลาร์ เพราะได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นอย่างมาก โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้น 1.30% แตะที่ระดับ 106.5350 เมื่อคืนนี้
          ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น
          นอกจากนี้ ถึงแม้ทองคำถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ และเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในยามที่ตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความมุ่งมั่นในการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ได้บดบังปัจจัยบวกดังกล่าว โดยการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
          นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมของเฟดประจำวันที่ 14-15 มิ.ย.ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ รวมทั้งตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้
          นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้นเพียง 250,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ต่ำกว่าระดับ 390,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนมิ.ย.จะทรงตัวที่ระดับ 3.6%
โดย รัตนา พงศ์ทวิช