ผู้เขียน หัวข้อ: เชื่อหรือไม่! ปลูกกล้วย-สับปะรดในสวนยาง โกยเงินปีละ 5 ล้าน  (อ่าน 1599 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 87898
    • ดูรายละเอียด
เชื่อหรือไม่! ปลูกกล้วย-สับปะรดในสวนยาง โกยเงินปีละ 5 ล้าน

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 15 ธ.ค. 2558 19:45


 

 
 หนุ่มชาว อ.เขาพนม จ.กระบี่ นักเทคโนโลยีการผลิต นำความรู้มาประยุกต์ ปลูกพืชเกษตรระยะสั้น กล้วยหอม สับปะรด เมล่อนในที่ดินสวนยางของชาวบ้าน ทั้งปลูกเองและรับจ้างปลูก ประสบความสำเร็จงดงาม ทำเงินปีละ 5 ล้าน... 
เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ได้มีเกษตรกรหนุ่มชาวกระบี่ มีความคิดแหวกแนวไม่เหมือนใคร ปลูกพืชเกษตรระยะสั้น สับปะรด กล้วยหอมทอง เมล่อน ในพื้นที่สวนยางพารา โดยหนุ่มคนดังกล่าว คือ นายสุวิทย์ บุญประสพ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75/19 ม.9 ต.เขาพนม อ.เขาพนม จ.กระบี่ จบปริญญาตรี สาขาเทคโนโลยีการผลิต มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
จากการที่ได้พูดคุยกัน นายสุวิทย์ บอกว่า หลังจากเรียนจบออกมาก็มุ่งมั่นที่จะทำการเกษตร เนื่องจากทางบ้านมีอาชีพทำสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมัน แต่สำหรับตน จุดหมายไม่ใช่การปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมัน โดยหันมาปลูกพืชทางการเกษตรระยะสั้น อย่าง กล้วยหอมทอง สับปะรด เมล่อน ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด
   
   เกษตรกรหนุ่ม กล่าวอีกว่า ตนได้ใช้พื้นที่สวนยางพาราที่มีอายุ 1-4 ปี ของชาวบ้าน ในพื้นที่ ต.โคกยาง อ.เหนือคลอง โดยจะดูแลสวนยางขณะปลูกพืช ให้กับเจ้าของสวนไปด้วย ซึ่งได้ดำเนินการในลักษณะนี้มาแล้วเป็นเวลา 2 ปี ปลูกสับปะรดพันธุ์ภูเก็ต 5 แสนต้น ในพื้นที่ 150 ไร่ จำหน่ายในราคาส่งลูกละ 9-10 บาท ตามไซส์ของสับปะรด ทำรายได้อยู่ที่ 4 ล้านบาทต่อปี และปลูกกล้วยหอมทอง 150 ไร่ ขายกิโลละ 13-15 บาท สามารถตัดขายครั้งละประมาณ 40,000 บาท นอกจากนี้ยังปลูกเมล่อนพันธุ์หยกเทศ และซันสวีต ในโรงเรือนจำนวน 5 โรงเรือน สามารถจำหน่ายได้ในราคากิโลละ 150 บาท ตกเดือนละ 2 แสนบาท รวมพื้นที่ปลูก 350 ไร่ ทำรายได้ขณะนี้อยู่ที่ปีละ 5 ล้านบาท
   
   "อยากแนะนำให้ชาวบ้านในพื้นที่ที่สนใจ ปลูกพืชระยะสั้นภายในสวนยางพารา เพื่อเป็นรายได้เสริม โดยจะเป็นพ่อค้าคนกลาง รับซื้อผลผลิตจากชาวบ้าน เพื่อส่งจำหน่ายให้อีกทอดหนึ่ง นอกจากนั้นยังรับจ้างปลูกพืชระยะสั้น เช่นสับปะรด กล้วยหอม มะละกอ ให้กับเจ้าของพื้นที่ที่สนใจแต่ขาดประสบการณ์ ในราคาเป็นกันเองอีกด้วย" นายสุวิทย์ กล่าว.