ผู้เขียน หัวข้อ: ตลาดสารเคมียางในไทยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 4 ต่อปี ไปจนถึงปี 2563  (อ่าน 817 ครั้ง)

Rakayang.Com

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 87798
    • ดูรายละเอียด
ตลาดสารเคมียางในไทยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 4 ต่อปี ไปจนถึงปี 2563



ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตยางอันดับต้นๆ ของโลก คิดเป็นสัดส่วนปริมาณการผลิตถึง 1 ใน 3 ของโลก น้ำยางที่ผลิตได้ในรูปของน้ำยางดิบนั้นต้องมีการเติมสารเคมีเพื่อให้มีสมบัติทางกายภาพตามที่ต้องการ เช่น ความแข็งแรงต่อแรงดึง ความสามารถในการพับงอ และความคงทน ซึ่งได้จากการเติมสารเคมียาง ได้แก่ สารตัวเติม พลาสติไซเซอร์ สารกระตุ้น สารทำให้ยางคงรูป และสารเร่งปฏิกิริยา

    นอกจากยางล้อแล้วยังมีการนำยางไปใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์อีกหลายชนิด เช่น ถุงมือ สายพาน ถุงยางอนามัย และพื้นรองเท้า เป็นต้น และจากการที่ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียน อีกทั้งยังมีบริษัทยางล้อหลายบริษัทในประเทศ ทำให้ประเทศไทยมีการใช้ยางเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่นำไปผลิตยางล้อ ส่งผลให้มีความต้องการใช้สารเคมียางภายในประเทศอย่างมากด้วย

    จากรายงานหัวข้อ ?โอกาสและการคาดการณ์ตลาดสารเคมียางในประเทศไทย, 2563? ระบุว่า ตลาดสารเคมียางในประเทศไทยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) เกินกว่าร้อยละ 4 ในช่วงระหว่างปี 2558-2563 โดยสารเคมียางที่ใช้ต้องพึ่งการนำเข้าจากประเทศจีน ญี่ปุ่น และเยอรมนีเป็นหลัก เนื่องจากไม่สามารถผลิตได้เองภายในประเทศ

    ในส่วนของประเภทของสารเคมีนั้น ในปี 2557 สารตัวเติมยางมีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด และคาดว่าจะยังคงครองตลาดต่อเนื่องไปจนถึงปี 2563

บริษัทชั้นนำที่จำหน่ายสารเคมียางผ่านตัวแทนจำหน่ายหรือสำนักงานในประเทศไทย ได้แก่ Behn Meyer, Cosan, Sumitomo, LanXESS และ NOCIL รายงานฉบับนี้ยังได้อภิปรายถึงประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับสารเคมียางในประเทศไทยดังนี้

    - ขนาดของตลาด ส่วนแบ่งการตลาดและการคาดการณ์ตลาดสารเคมียางในประเทศไทย
    - การวิเคราะห์แต่ละภาคส่วน - สารตัวเติม พลาสติไซเซอร์ สารกระตุ้น สารคงรูป สารเร่งปฏิกิริยา และสารเคมีอื่นๆ
    - การวิเคราะห์ในภูมิภาค และการนำไปใช้งาน
    - แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของตลาดและโอกาสตลาดเกิดใหม่ๆ
    - สภาพโดยรวมของคู่แข่งและคำแนะนำเชิงกลยุทธ์

    (ที่มา: http://rubberjournalasia.com, 30/05/2016)