สถาบันแห่ขายหุ้นลดเสี่ยงกดดัชนีหลุด1,500 จุดโดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 03 สิงหาคม 2559, 06:30

สถาบันถล่มขายกดดัชนีหลุด 1,500 จุดต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ โบรก ระบุ แรงขายทำกำไรหลังปรับตัวขึ้นมา 5-6% และนักลงทุนเล็งปรับพอร์ตลดเสี่ยง
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (2 ส.ค.) ปิดที่ 1,497.51 จุด ลดลง 15.11 จุด หรือลดลง 1% ซึ่งเป็นระดับดัชนีที่ต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ โดยเป็นการลดลงต่อเนื่อง 2 วันติด จากระดับ 1,531 จุด ขณะที่มูลค่าการซื้อขายช่วง 2 วันที่ผ่านมาค่อนข้างหนาแน่นที่ 7.27 หมื่นล้านบาท และ 5.72 หมื่นล้านบาทตามลำดับ และวานนี้ นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิ แต่แรงซื้อสุทธิเริ่มแผ่วเหลือเพียง 72.58 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันถล่มขายสุทธิ 2,235.56 ล้านบาท สวนทางนักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธฺิ 1,873.65 ล้านบาท ขณะที่บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ดอดซื้อสุทธิ 287.34 ล้านบาท
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า การปรับตัวลดลงของดัชนีหุ้นไทย เป็นการปรับฐานตามปกติ หลังจากที่ดัชนีหุ้นปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง ประกอบกับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง รวมถึงเงินลงทุนต่างชาติที่แผ่วลงไป
?จากการประเมินเบื้องต้นคาดต้นุทนของนักลงทุนต่างชาติ ที่เข้ามาซื้อหุ้น ไทยก่อนหน้านี้น่าจะอยู่ที่ 1,440 จุด หากคำนวณจากจุดสูงสุดของดัชนีแล้วคิดเป็นกำไรราว 5-6% และเมื่อรวมกับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอีก 3% น่าจะทำให้นักลงทุนต่างชาติมีกำไรแล้วประมาณ 7-8% ซึ่งก็เพียงพอที่จะจูงใจ ให้เกิดการขายทำกำไรออกมาส่วนหนึ่ง ซึ่งก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดในภูมิภาค?
สำหรับทิศทางตลอดทั้งสัปดาห์นี้ น่าจะเป็นภาพของการปรับฐานต่อเนื่อง โดยแรงขายหลักน่าจะออกมาจากนักลงทุนสถาบัน จากที่เป็นผู้ขายหลักมาก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันเม็ดเงินลงทุนต่างชาติก็เริ่มลดลงไป
ส่วนเรื่องของประชามตินั้น คงต้องติดตามกันต่อไป ซึ่งในช่วงปลายสัปดาห์ อาจจะเห็นแรงขายลดความเสี่ยงออกมาบ้าง เพราะปัจจุบันนี้ค่อนข้างคาดเดายากว่าผลจะออกมาเป็นเช่นใด โดยรวมประเมินแนวรับดัชนีสัปดาห์นี้ที่ 1,480 จุด และแนวต้านที่ 1,510 จุด โดยแนะนำเลือกหุ้นลงทุนเฉพาะที่มีผลกำไรไตรมาส 2 ออกมาดี สามารถจ่ายเงินปันผลได้ และราคาต่ำกว่าราคาพื้นฐาน ได้แก่ พฤกษา (PS) เอ็ม.ซี.เอส.สตีล (MCS) และผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH)
ด้านนายเกรียงไกร ทำนุทัศน์ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เออีซี เปิดเผยว่า ดัชนีที่ปรับตัวลงนี้เป็นการปรับฐานตามปกติหลังจากที่ดัชนีขึ้นมาราว 6% จึงน่าจะเห็นการขายทำกำไรออกมาบ้าง ขณะเดียวกันนักลงทุนน่าจะเตรียมปรับพอร์ตหลังจากที่จะมีการลงประชามติในวัน ที่ 7 ส.ค. นี้ ซึ่งหลังจากทราบผลการลงประชามติแล้วจะมีการพิจารณาเลือกหุ้นชุดใหม่เพื่อ เข้าลงทุน
?หลังประชามติแล้วชุดของหุ้นที่จะเข้าลงทุนจะต่างออกไปจากปัจจุบัน เพราะต้องพิจารณาผลของประชามติเป็นสำคัญ อย่างหุ้นในกลุ่มรับเหมาก็คงต้องรอดูว่าหลังจากนี้ใครจะเป็นคนอนุมติงบ ประมาณในแต่ละปี ส่วนนักลงทุนที่จะหาจังหวะเข้าลงทุน คงต้องหาหุ้นที่สามารถยืนได้ในช่วงที่ดัชนีปรับฐานนี้?